สวัสดีครับ
วันนี้ผมจะมาชวนไปเที่ยวเมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
ทริปนี้เราเดินทางในคืนวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา กับทริป 3 วัน 2 คืน
ประจวบเหมาะพอดีที่ได้ไปเที่ยวตรงกับช่วงงานเทศกาลทุเรียนและผลไม้เมืองลับแล ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2562
เราเดินทางกันด้วยรถโดยสาร นครชัยแอร์ กรุงเทพฯ-อุตรดิตถ์ รอบเวลา 21.45 น. ค่าโดยสาร 422 บาท จำนวนผู้ร่วมทริป 2 คนถ้วน !!
เดินทางมาถึงสถานีขนส่งอุตรดิตถ์ เวลา 04.20 น.
มาถึงตอนเช้ามืด ฟ้ายังไม่สว่างเลยครับ ทริปนี้เป็นทริปที่เกิดขึ้นกะทันหัน เราไม่ค่อยได้เตรียมตัวมากนัก แค่มีข้อมูลการเดินทางคร่าวๆ เท่านั้น
นั่งหาข้อมูลเรื่องรถเช่าที่เราจะใช้เดินทางในทริปนี้ พบว่ามีอยู่ 1 เจ้า เมื่อก่อนเคยมีอยู่ใกล้กับสถานีขนส่ง. แต่ตอนนี้ได้ย้ายออกไปอยู่นอกเมือง
ประมาณ 5.5 กิโลเมตร (ชัชวาลรีสอร์ต)
นั่งรอเวลาให้ผ่านไป....
เวลาประมาณ 05.30 น. เราก็ได้นั่งวินออกมาจากสถานีขนส่งมายังชัชวาลรีสอร์ต. (ค่ารถ 70 บาท)
มาถึงรีสอร์ตก็ยังไม่ได้เปิดให้บริการเรื่องรถเช่า
เพราะเราไม่ได้โทรจองล่วงหน้า ถ้าใครจะมาเที่ยวอุตรดิตถ์คงจะยากหน่อยนะครับ เพราะอุตรดิตถ์ไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่คนนิยมไป
เที่ยวแบบ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ฯลฯ ที่จะสามารถหารถเช่าได้ง่าย ใครที่จะมาเที่ยวแนะนำให้โทรจองรถล่วงหน้าก่อน เจ้าหน้าที่เค้า
จะได้เตรียมรถเอาไว้ให้นะครับ
สำหรับเรื่องการเช่ารถมอเตอร์ไซค์นั้น อัตราค่าเช่าวันละ 300 บาท มัดจำเงินสด 2,000 บาท
แล้วเราก็ได้น้องแดงแกรนด์ฟีลาโน่คันงามมา 🛵 1 คัน น้องแดงคันนี้แหละครับที่จะพาเราตะลุยเที่ยวเมืองลับแลในทริปนี้
ประมาณ 07.00 น. ทำเรื่องเช่ารถเสร็จเราก็พร้อมออกเดินทางกันครับ
น้ำมันเต็มถังเราก็พร้อมออกเดินทางตะลุยเลยครับ ⛽️
ใช้เวลาไม่นานเราก็เดินทางมาถึงเมืองลับแลครับ เพราะไม่ไกลมาก ประมาณ 7 กิโลเมตร
ทางด้านขวามือนี้จะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนะครับ สำหรับใครที่มาเที่ยวแล้วต้องการข้อมูลมาติดต่อที่นี่ได้เลยครับ
และที่นี่ยังมีจักรยานให้ยืมปั่นได้ฟรีนะครับ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวยังไม่เปิดครับ เวลาเปิดทำการ 08.30 น
ข้างๆ กันจะเป็นกลุ่มเรือนพิพิธภัณฑ์ลับแลนะครับ สวยงามทีเดียว แต่ยังไม่เปิดทำการนะครับ เดี๋ยวค่อยตามเก็บวันหลัง
เราจึงได้แค่ถ่ายรูปบริการทางด้านหน้า
ประติมากรรมแม่หม้ายเมืองลับแล บริเวณประตูเมืองลับแล (ใหม่) แสดงถึงตำนานเล่าขานของเมืองลับแลอันเป็นที่เลื่องลือมาช้านาน
ยินดีต้อนรับสู่...เมืองลับแล
งามพระแท่นศิลาอาสน์ ถิ่นลางสาดรสดี เมืองพระศรีพนมมาศ
แหล่งไม้กวาดตองกง ดงหอมแดงลือชื่อ
งามระบือน้ำตกแม่พูล
เมืองลับแล ลับแลจริงหรือ มาอ่านประวัติคร่าวๆ กันครับ
อำเภอลับแล หรือ เมืองลับแล เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นชุมชนโบราณมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2444 ความเป็นมาของคำว่า “ลับแล” นั้น ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า เดิมชาวเมืองแพร่ เมืองน่าน หนีข้าศึกและความเดือดร้อนมาซุ่มซ่อนตั้งชุมชนอยู่บริเวณนี้ เนื่องจากเป็นที่ป่ารก หลบซ่อนตัวง่ายและ ภูมิประเทศเป็นเมืองอยู่ในหุบเขามีที่เนินสลับกับที่ต่ำ คนต่างเมืองถ้าไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศจะหลงทางได้ง่าย
อำเภอลับแลนอกจากจะมีโบราณสถานที่น่าสนใจมากมายแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองล้านนา เช่น ผ้าตีนจก ไม้กวาด เป็นแหล่งปลูกลางสาด และทุเรียนหลง-หลินลับแล ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด
*ข้อมูลจากเว็บวิกิพีเดียนะครับ
ตำนานเมืองลับแล : ความลับในสปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมืองลับแลนั้นเป็นอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เดิมคงเป็นเมืองที่การเดินทางไปมาไม่สะดวก เส้นทางคดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล
ตำนานนี้เล่ากันสืบมาว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่ง (น่าจะเป็นคนเมืองทุ่งยั้ง) เข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่างๆ แล้วก็เข้าไปในเมือง ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบ เพราะชายหนุ่มแอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ ขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม นางจึงพาชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง นางอธิบายว่าคนในหมู่บ้านล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชายส่วนมากมักไม่รักษาวาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง ชายหนุ่มเกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอม แต่ให้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน
วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มผู้พ่อเลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า "แม่มาแล้วๆ" มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พาสามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้ แล้วนางก้กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดินทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขามีความรู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้นเรื่อยๆ และหนทางก้ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด ครั้นเดินทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิม บรรดาญาติมิตรต่างก็ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานาน ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขาทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้งแท่ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว และเมื่อขุดดุก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทอง แต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก้หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตามเดิม
เอาแค่นี้พอ อ่านเยอะเดี๋ยวจะไม่สนุก
[CR] ป่ะ... ชวนกันไปเที่ยวเมืองลับแล อุตรดิตถ์ 🛵 ทริปนี้จะพาไปหลง ~ หลงไม่หลง ~ หลงลับแล
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้