รถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV จองเกลี้ยง1,000 คัน-ส่งดาบสอง‘สมาร์ทปิกอัพ’สู้ญี่ปุ่น


“เอ็มจี แซดเอส อีวี” เปิดตัวไม่ถึง 1 เดือนกวาดยอดจองทะลุ 700 คัน คาดสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ตัวเลขรวมถึง 1,000 คันแน่นอน พร้อมดันดาบสองปิกอัพ “เอ็กซ์เทนเดอร์” ชูสมาร์ทเทคโนโลยี ตัวท็อปราคา 1 ล้านบาท ส่วน “นิสสัน ลีฟ” ส่งมอบแล้ว 76 คัน

ค่ายรถยนต์น้องใหม่ “เอ็มจี” ก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 อย่างแข็งแกร่ง หลังยอดขาย 5 ปีที่ผ่านมาเติบโตต่อเนื่อง หรือ ปี 2561 ทำได้ 23,740 คัน เพิ่มขึ้น 98% เมื่อเทียบกับปี 2560 ด้วยโปรดักต์ในกลุ่มรถยนต์นั่งล้วนๆคือ เอ็มจี 3,5,6 และเอสยูวี แซดเอส, จีเอส ที่ประกอบจากโรงงาน เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ประเทศไทย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมายังเสริมทัพ รถพลังงานไฟฟ้า 100% “แซดเอส อีวี” นำเข้ามาจากเมืองจีน โดยใช้สิทธิ์เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน ไม่เสียภาษีนำเข้า


สำหรับ แซดเอส อีวี ราคา 1.19 ล้านบาท หากเทียบกับแซดเอส รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ขายอยู่ 6.79 แสนบาท แต่ แซดเอส อีวี ถือเป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ทำตลาดโดยเมเจอร์แบรนด์ที่ราคาถูกสุดในตอนนี้ (นิสสัน ลีฟ 1.99 ล้านบาท, ฮุนได โคน่า 1.849 ล้านบาท, ฮุนได ไอออนิก 1.749 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มรถหรู อาวดี้ อี-ตรอน 5.099 ล้านบาท และจากัวร์ ไอ-เพซ 5.499-6.999 ล้านบาท)

เอ็มจี ยังกระตุ้นการตัดสินใจซื้อด้วยแคมเปญพิเศษสำหรับรถ 1,000 คันแรก ให้ฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรี โฮม ชาร์เจอร์ พร้อมค่าติดตั้ง มูลค่ารวมเกือบ 1 แสนบาท พร้อมการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งรถล็อตแรกทยอยส่งให้โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่ยอดจองล่าสุดใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน กวาดตัวเลขไปกว่า 700 คันแล้ว

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยยอดจองกว่า 700 คัน ในเวลาไม่ถึงเดือน ถือว่า แซดเอส อีวี ได้กระแสตอบรับดีเกินความคาดหมาย ส่วนหนึ่งเพราะการทำกิจกรรม และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ช่วงก่อนจะแนะนำโปรดักต์ลงสู่ตลาด ประกอบกับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมแคมเปญพิเศษ คาดว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ยอดจองรวมจะถึง 1,000 คัน

แซดเอส อีวี มาพร้อมความโดดเด่นทั้ง คุณภาพ สมรรถนะ ความอัจฉริยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากการเป็นรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของเอ็มจีแล้ว รถรุ่นนี้ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดของเอ็มจีในการส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมทำให้การใช้งานรถพลังงานไฟฟ้าเป็นเรื่อง“ง่าย” สำหรับทุกคน

“เราทำกิจกรรมวอร์มอัพกันมานานกว่าจะเปิดตัว แซดเอส อีวี ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ส่วนแคมเปญพิเศษช่วงเปิดตัวมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคเช่นกัน และถ้าหมด 1,000 คันแรก เรากำลังพิจารณาอยู่ว่าจะต่อแคมเปญดังกล่าวออกไปอีกหรือไม่” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว


ส่วนคู่แข่ง นิสสัน ลีฟ อีวี รุ่นขายดีที่สุดในโลก และเป็นผู้บุกเบิกการทำตลาดอีวีในไทย นำเข้ารถจากญี่ปุ่นมาส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ขายได้แล้ว 76 คัน

นอกเหนือจาก แซดเอส อีวี ที่เป็นการนำเข้ามาเพื่อโชว์เทคโนโลยี และบุกเบิกการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เอ็มจี ยังมีแผนขึ้นไลน์ประกอบรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในเมืองไทย หลังได้รับอนุมัติแผนส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ โดยไม่เกิน 2 ปีนับจากนี้จะเริ่มทำตลาด

ที่มา : http://www.thansettakij.com/content/405627?fbclid=IwAR2LJFFzq2AtGOv1cT-204i0os9Ri7dKIlq8vFQewOeGs6adAIgTdVFr-ro#.XTyxKj4bzLc.facebook



ผมขอจบข่าวเกี่ยวกับ รถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV จากเว็บ ฐานเศษฐกิจ เอาไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ
เพราะข่าวด้านหลังจะไปทางรถกระบะของ MG ซึ่งจะไม่เข้ากับหมวดหมู่รถยนต์ไฟฟ้าเท่าไหร่ครับ



เชิญ comment กันได้เต็มที่เลยนะครับ

ส่วนผมเป็นเพียงคนคาบข่าวมาให้อ่านครับ

ผมอยากรู้ว่า คนไทย ตื่นตัวหรือคิดเห็นกับเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างไรกันบ้างครับ

จริงๆ เรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันเนอะ

ถ้าเราไม่เริ่มทำกันวันนี้ , อนาคตภายภาคหน้า เราจะไม่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ลูกหลานของเราอยู่กันนะครับ

ถ้าไม่ใช่คุณ, แล้วใคร?

ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้ , แล้วเมื่อไหร่?

พวกเรามาช่วยกันคิดหาทางทำให้อากาศในเมืองหลวงและเมืองต่างๆ ในไทยดีขึ้นกันดีไหมครับ?

ช่วยกันดีไหมครับ

งานจะได้เสร็จเร็ว

ถ้าคุณพิมพ์ไม่เก่ง ก็แชร์ หรือ กด like

ถ้าคุณสงสัยก็ถามมาได้เลยครับ

ถ้าคุณไม่เห็นด้วย หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมโพส ก็ยิ่งดีเลย 

ส่งคำถามหรือปัญหาเข้ามากันครับ (ในความคิดของผม : Pantip เป็นเว็บไซต์ที่มียอดนักคิดเยอะมากๆ พวกเค้าหลายคนนั้นเป็นคนมีของ(ความรู้)ที่พร้อมจะตอบคุณอยู่ครับ)

ถ้าเรา solve(จัดการ) กับ ปัญหาต่างๆ หรือเอา solution จากต่างประเทศมาพูดคุยกันตั้งแต่วันนี้

มันจะเป็นการปูทางให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมากขึ้นครับ

พูดคุยกันมาได้เต็มที่เลยนะครับ

เกมส์นี้ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะครับ

เถียงกันไป , fight กันไป สุดท้ายแล้ว ผู้ชนะในเกมส์นี้ คือ ลูกหลานของพวกเราครับ 

ยิ่งเราพูดคุยประโยชน์ , ปัญหา, หรือ solution(ทางออก) ของปัญหา เหล่านี้มากขึ้น

คนที่ได้ผลประโยชน์สูงสุดคือ ลูกหลานของพวกเราครับ

เพราะพวกเรา อยุ่กันอย่างมากก็ 30-40 ปีก็แก่เฒ่า ไม่ขับรถกันแล้ว

ดังนั้นกระทู้นี้น่าจะสร้างขึ้นมาให้ลูกหลานพวกเราได้เข้ามาศึกษาแหละครับ

ปล. ถ้ากระทู้นี้ดังขึ้นมา หรือ ถูกแชร์กันเยอะ ๆ ก็ขอให้รู้ไว้เลยว่า นี่ไม่ใช่ฝีมือผม แต่เป็นฝีมือและความร่วมมือร่วมใจของพวกคุณทุกคนที่อยากเห็นอนาคตของไทยนั้นดีกว่าเดิม 
อยากเห็นบ้านเมืองเรามีรถยนต์ไฟฟ้าใช้กันเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว
ดังนั้นผมขอยกความดีความชอบและชื่อเสียงต่างๆให้แก่ทุกคนที่เข้ามาช่วยเติมเต็มกระทู้นี้ทุกท่านครับ ไม่ว่าจะเป็นcommentหรือกดlikeก็ตาม
ชื่อของพวกเราจะเป็น legend(ตำนาน)ให้แก่ลูกหลานเราได้เข้ามาศึกษากันครับ



ผมเชื่อว่า บนโลกนี้ไม่มีคนโง่ ครับ มีแต่คนที่ยังไม่เข้าถึงข้อมูลต่างหาก ถ้าเค้าได้ข้อมูลไปแล้ว คนเหล่านั้นจะมาช่วยพัฒนาประเทศในอนาคตยังไงละครับ

สิ่งที่ทำให้ผมลุกขึ้นมาเขียนกระทู้รถยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ ก็เพราะ ผมไม่อยากเห็นไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นประเทศสุดท้ายในเอเชียครับ

ผมอายประเทศอื่นเค้าครับ
อายแทนลูกหลานเราด้วยที่พวกเราไม่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ หลงเหลือเอาไว้ให้พวกเค้าเลย



พิมพ์ข้อความได้เต็มที่เลยครับ

ของดพาดพิงการเมืองครับ 

พาดพิงผมได้เต็มที่ครับ ฮ่า ๆ 

มาตอบแน่นอนแต่อาจจะมาช้าหน่อยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่