พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภกในที่ชุมนุมสงฆ์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ทั้งเป็นที่ประจักษ์ต่อเหล่าพสกนิกร ความว่า
“แต่เดิมมาข้าพเจ้าได้มีจิตรศรัทธาเลื่อมใส และระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วยวิธีนั้นๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าได้เถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว จึงขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า กับได้รับการจัดการให้ความคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงจำไว้ด้วยดีว่า ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนูปถัมภกเถิด” พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2562
มีเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเราผู้เป็นพสกนิกรผู้จงรักภักดี เมื่อมีโอกาสเสร็จจากการทำงานที่สถานี NEWS 1 หากมีเวลาก็จะใช้เวลาที่ว่างเว้น ไม่เร่งรีบ อันที่หมายของชีวิตก่อนกลับบ้านคือ
ไปไหว้พระในโบสถ์วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอกที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน
วันใดที่ได้ไปกราบ
พระพุทธชินสีห์ กับ
พระพุทธสุวรรณเขต ซึ่งเป็นองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ประจำวัดจะปิดประตูโบสถ์ในช่วงเย็นก็จะรู้สึกถึงความชื่นบานของชีวิต
ภายในพระอุโบสถช่างเงียบ สงบ สะอาด และมีพลังทางจิตใจเสียเหลือเกิน
สองสามปีมานี้ทุกครั้งที่ได้ก้มกราบพระท่ามกลางความสงบเงียบภายในพระอุโบสถแห่งนี้ กลับมีความรู้สึกพิเศษที่สัมผัสได้เพิ่มเติมเข้ามาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ
“ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐”
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2560 ได้มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปบรรจุไว้ ณ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์
ผมเองเกิดในสังคมที่ผู้คนใกล้ชิดกับวัด และวัดเป็นของชุมชนแท้จริง
เช่นเดียวกันชุมชนละแวกบางลำพูกลางเมืองหลวง ผู้คนที่นี่ผูกพันเป็นพิเศษกับวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ความสะอาดสะอ้านของพื้นที่บริเวณรอบๆ วัดจึงปรากฏให้เห็นตลอด ไม่มีเศษกระดาษ ขวดน้ำ ถุงพลาสติก รวมถึงขยะอื่นๆ ให้บาดตา
บางครั้งที่ได้เห็นผู้คนจากต่างจังหวัด หรือกระทั่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แวะเวียนกันไปกราบพระที่วัดบวรนิเวศราชวิหาร มีการวางขวดน้ำ กระป๋องเครื่องดื่ม หรือข้าวของต่างๆ ไว้แล้วลืมนำกลับไปบ้าง
ไม่นานนักก็จะมีผู้คนที่แวะเวียนไปกราบพระถัดมาช่วยกันเก็บไปไว้ในที่อันสมควร เพื่อให้พื้นที่รอบพระอุโบสถดูงดงามเรียบร้อยสะอาดสะอ้านอยู่ทุกเวลา
วัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ที่วัดบวรนิเวศราชวิหารก็งดงามนัก
โดยเฉพาะเวลาพระวันบวรนิเวศราชวิหารท่านออกบิณฑบาต เวลาเดินถือบาตรรับการถวายอาหารจากชาวบ้านช่างเป็นกิจวัตรที่สง่างามสมกับที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้เป็นหน้าที่ของภิกษุสามเณรมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
ผมเองด้วยความผูกพันกับวัดบวรนิเวศราชวิหารมานาน เพราะเป็นสมาชิกของชุมชนบางลำภูมาตั้งแต่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากที่ทำงานก็ทำงานในย่านบางลำภู วันเดือนปีที่ผ่านไปก็ผูกพันกับวิถีชีวิตที่นี่พอๆ กับบ้านตัวเอง
มีอยู่หนหนึ่งที่แวะเวียนไปไหว้พระที่วัดบวรนิเวศวิหารตามปกติอย่างที่เคยทำบ่อยๆ ผมเห็นปิ่นโตหลายเถาถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะไปไกลจากพระอุโบสก ความจริงก็ไม่ใช่เพิ่งจะเห็นหนแรก แต่วันนี้เกิดอยากทราบเรื่องราวที่ไป-ที่มาของปิ่นโตเหล่านี้ขึ้นมา
เป็นปิ่นโตเคลือบสีเหลืองเรียบๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้มีรูปทรงหรือลวดลายวิลิศมาหราอะไร แถมมีร่องรอยของการผ่านอายุการใช้งานมาพอสมควร
ความอยากรู้ทำให้ผมเอ่ยปากสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในวัดบวรนิเวศราชวิหารว่า ปิ่นโตหลายเถาเหล่านี้เป็นของท่านผู้ใดกันหรือ
เจ้าหน้าที่บอกเล่าเป็นคำตอบให้ผมกลับมาด้วยนำเสียงเรียบๆ ว่า
“เป็นปิ่นโตของในหลวงส่งมาถวายพระในวัด พระองค์ท่านส่งมาทั้งเช้าและเพลมิเคยได้ขาดเว้นเลยแม้แต่สักวันเดียว ไม่ว่าฝนจะตกหนัก หรือน้ำจะท่วม ทุกๆ วันจะมีปิ่นโตจากในหลวงส่งมาถวายพระในวัด”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” ผมอุทานในใจแทนคำขอบคุณ
คอลัมน์ :
จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา / โดย...
ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟช่อง NEWS 1
--------
อ้างอิง
https://mgronline.com/south/detail/9620000071621
“ปิ่นโตของในหลวง” ทุกเช้าและเพลมิเคยขาดแม้สักวันเดียวที่ “วัดบวรนิเวศราชวิหาร”
“แต่เดิมมาข้าพเจ้าได้มีจิตรศรัทธาเลื่อมใส และระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วยวิธีนั้นๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าได้เถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว จึงขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า กับได้รับการจัดการให้ความคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงจำไว้ด้วยดีว่า ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนูปถัมภกเถิด” พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2562
มีเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเราผู้เป็นพสกนิกรผู้จงรักภักดี เมื่อมีโอกาสเสร็จจากการทำงานที่สถานี NEWS 1 หากมีเวลาก็จะใช้เวลาที่ว่างเว้น ไม่เร่งรีบ อันที่หมายของชีวิตก่อนกลับบ้านคือ
ไปไหว้พระในโบสถ์วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอกที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน
วันใดที่ได้ไปกราบ พระพุทธชินสีห์ กับ พระพุทธสุวรรณเขต ซึ่งเป็นองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ประจำวัดจะปิดประตูโบสถ์ในช่วงเย็นก็จะรู้สึกถึงความชื่นบานของชีวิต
ภายในพระอุโบสถช่างเงียบ สงบ สะอาด และมีพลังทางจิตใจเสียเหลือเกิน
สองสามปีมานี้ทุกครั้งที่ได้ก้มกราบพระท่ามกลางความสงบเงียบภายในพระอุโบสถแห่งนี้ กลับมีความรู้สึกพิเศษที่สัมผัสได้เพิ่มเติมเข้ามาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐”
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2560 ได้มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปบรรจุไว้ ณ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์
ผมเองเกิดในสังคมที่ผู้คนใกล้ชิดกับวัด และวัดเป็นของชุมชนแท้จริง
เช่นเดียวกันชุมชนละแวกบางลำพูกลางเมืองหลวง ผู้คนที่นี่ผูกพันเป็นพิเศษกับวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ความสะอาดสะอ้านของพื้นที่บริเวณรอบๆ วัดจึงปรากฏให้เห็นตลอด ไม่มีเศษกระดาษ ขวดน้ำ ถุงพลาสติก รวมถึงขยะอื่นๆ ให้บาดตา
บางครั้งที่ได้เห็นผู้คนจากต่างจังหวัด หรือกระทั่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แวะเวียนกันไปกราบพระที่วัดบวรนิเวศราชวิหาร มีการวางขวดน้ำ กระป๋องเครื่องดื่ม หรือข้าวของต่างๆ ไว้แล้วลืมนำกลับไปบ้าง
ไม่นานนักก็จะมีผู้คนที่แวะเวียนไปกราบพระถัดมาช่วยกันเก็บไปไว้ในที่อันสมควร เพื่อให้พื้นที่รอบพระอุโบสถดูงดงามเรียบร้อยสะอาดสะอ้านอยู่ทุกเวลา
วัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ที่วัดบวรนิเวศราชวิหารก็งดงามนัก
โดยเฉพาะเวลาพระวันบวรนิเวศราชวิหารท่านออกบิณฑบาต เวลาเดินถือบาตรรับการถวายอาหารจากชาวบ้านช่างเป็นกิจวัตรที่สง่างามสมกับที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้เป็นหน้าที่ของภิกษุสามเณรมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
ผมเองด้วยความผูกพันกับวัดบวรนิเวศราชวิหารมานาน เพราะเป็นสมาชิกของชุมชนบางลำภูมาตั้งแต่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากที่ทำงานก็ทำงานในย่านบางลำภู วันเดือนปีที่ผ่านไปก็ผูกพันกับวิถีชีวิตที่นี่พอๆ กับบ้านตัวเอง
มีอยู่หนหนึ่งที่แวะเวียนไปไหว้พระที่วัดบวรนิเวศวิหารตามปกติอย่างที่เคยทำบ่อยๆ ผมเห็นปิ่นโตหลายเถาถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะไปไกลจากพระอุโบสก ความจริงก็ไม่ใช่เพิ่งจะเห็นหนแรก แต่วันนี้เกิดอยากทราบเรื่องราวที่ไป-ที่มาของปิ่นโตเหล่านี้ขึ้นมา
เป็นปิ่นโตเคลือบสีเหลืองเรียบๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้มีรูปทรงหรือลวดลายวิลิศมาหราอะไร แถมมีร่องรอยของการผ่านอายุการใช้งานมาพอสมควร
ความอยากรู้ทำให้ผมเอ่ยปากสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในวัดบวรนิเวศราชวิหารว่า ปิ่นโตหลายเถาเหล่านี้เป็นของท่านผู้ใดกันหรือ
เจ้าหน้าที่บอกเล่าเป็นคำตอบให้ผมกลับมาด้วยนำเสียงเรียบๆ ว่า
“เป็นปิ่นโตของในหลวงส่งมาถวายพระในวัด พระองค์ท่านส่งมาทั้งเช้าและเพลมิเคยได้ขาดเว้นเลยแม้แต่สักวันเดียว ไม่ว่าฝนจะตกหนัก หรือน้ำจะท่วม ทุกๆ วันจะมีปิ่นโตจากในหลวงส่งมาถวายพระในวัด”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” ผมอุทานในใจแทนคำขอบคุณ
คอลัมน์ : จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา / โดย... ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟช่อง NEWS 1
--------
อ้างอิง
https://mgronline.com/south/detail/9620000071621