Etretat - พากันเดินปีนหน้าผา ตากลมในฤดูใบไม้ผลิ ที่นอร์มังดี ฝรั่งเศส

สวัสดีวันศุกร์ วันสุดท้ายของสัปดาห์ ต้องบอกเลยว่าอาทิตย์ที่มาผ่านมาอากาศในประเทศฝรั่งเศสร้อนมากจริงๆ ร้อนทะลุ 40 องศา เหมือนจะละลาย

แต่ถึงแม้จะร้อนขนาดไหน เราก็ไม่ลืมที่จะหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่มาฝากชาวพันทิปกัน วันนี้เราขอเสนอสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปารีส สามารถเดินทางไปกลับจากปารีสได้ภายในหนึ่งวันแบบไม่เหนื่อยมาก หรือถ้าใครอยากพักค้างคืนก็ยิ่งดีเลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีชื่อว่า "Etretat"

การเดินทางไปเที่ยว Etretat ไม่ได้วุ่นวายมาก สามารถนั่งรถไฟ หรือรถบัสไปลงที่เมือง Le Havre แล้วต่อรถประจำทางของเมืองไปลงที่ Etretat ได้เลย


เกริ่นยาวไป เอาเป็นว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่เรากำลังจะพูดถึง มีชื่อว่า « ETRETAT » จุดเด่นของที่นี่คือหน้าผาหินสีขาวที่ยื่นออกไปในทะเล ลักษณะคล้ายกับงวงช้าง ถ้าดูในแผนที่จะเห็นว่าส่วนของผาหินเนี่ยยื่นลงไปในทะเลแอตแลนติก ในบริเวณของช่องแคบอังกฤษ ตามภาพจากกูเกิ้ลด้านล่างเลย


ที่นี้มาเล่าเท้าความกันหน่อยว่า « ETRETAT » ตั้งอยู่ในแคว้นนอร์มังดีค่ะ เป็นแคว้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส ถ้าพูดถึงอากาศก็ที่แคว้นนี้ ก็คงต้องบอกว่าเดาใจเขายากหน่อย วันไหนพี่เขาจะสดชื่นก็ดีจนใจหายเลยค่ะ แต่ถ้าวันไหนมาครึ้มๆก็ทำอะไรไม่ได้มากค่ะ นอกจากทำใจ

ไปดูกันค่ะว่าจะไปถึง « ETRETAT » ต้องเดินทางกันยังไง

วิธีการเดินทางมีหลายวิธีค่ะ
- ขับรถไปเอง เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด
- นั่งรถบัสของ FlixBus  หรือรถไฟไปลงที่เมือง Le Havre ซึ่งราคาจะแตกต่างกันตามแต่ละช่วงเวลา หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสประจำทาง สาย 24 ของเมือง Le Havre ต่อเพื่อไปลง ETRETAT ค่ารถประจำทางอยู่ที่ 2 ยูโรต่อครั้งค่ะ (ไม่สามารถจองล่วงหน้าได้) ใครที่จะนั่งรถบัส เราขอแนะนำให้เข้าไปเช็ครอบรถประจำทางสาย 24 ได้ที่ http://etretat.net/office-de-tourisme-etretat/modules/content/content.php?page=bus&lang=en
- บริการ carshare  ของฝรั่งเศสที่ชื่อว่า Blabla car ราคาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละวันและตามแต่คนขับจะกำหนดค่ะ (อยู่ที่ประมาณ 20 ยูโรจากปารีสสำหรับขาเดียว) เข้าไปจองได้ที่ https://www.blablacar.fr/ หลังจากนั้นแนะนำว่าให้ติดต่อ นัดแนะกับคนขับให้ชัดเจน ป้องกันความผิดพลาด คลาดเคลื่อนใดๆ

จากประสบการณ์ส่วนตัวของเรา เราใช้บริการ Blabla car ขาไป แล้วใช้รถบัสในการเดินทางกลับค่ะ แต่ส่วนตัวเราเดินทางจากเมืองก็อง (Caen) ค่ะ เนื่องจากตอนที่ไปนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่เมืองก็อง สิ่งแรกที่ทำหลังจากไปถึง คือ นัดแนะกับเพื่อนค่ะว่าเรามีเวลามากน้อยแค่ไหนสำหรับการเดินเล่น เพราะว่าต้องเผื่อเวลาให้กลับไปขึ้นประจำทางรอบบ่ายสาม และไปถึง Le Havre ให้ได้ก่อนห้าโมงเย็น และต่อรถอีกรอบเพื่อจะกลับไปยังเมืองก็อง 

หาดที่นี่เป็นหาดหินค่ะ วันที่เราไปอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ลมค่อนข้างแรงเหมือนตัวจะปลิว แต่ว่าก็ไม่ได้หนาวจนเกินไป ถือว่ากำลังดีค่ะ


จากที่เห็นว่า หน้าผานั้นมีอยู่สองฝั่ง ทางเรามองหน้า สบตากันกับเพื่อนร่วมทริป แล้วตกลงกันว่าเลือกขึ้นอันเดียวพอนะยูวววว เราว่าเราไหวแค่อันเดียว ด้วยสมรรถภาพร่างกาย รวมถึงเวลาที่มีจำกัดด้วย


ถ้าหันหน้าเข้าทะเลเราเลือกปีนฝั่งขวาค่ะเพราะว่ามองแล้วว่าด้านบนเนี่ยมีสิ่งก่อสร้างบางอย่างอยู่  ลักษณะว่าน่าสนใจกว่าอีกฟังที่ดูโล้นๆ   ไปจ้ะปีนบันไดไปกัน



ตอนปีนบันไดก็ยังรู้สึกโอเค แต่พอหมดบันไดแล้วต้องเดินต่อบนทางเดินแบบเนินดิน ทางเราก็คือ หายใจไม่คล่องแล้ว อยากจะหยุดเดิน แต่ต้องไปต่อ หยุดกลางทางไม่ได้แล้ว

ถึงแล้วจ้า..........ถึงยอดแล้วบอกเลยว่ารู้สึกคุ้มค่าที่ปีนขึ้นมามองลงไปคือสุดลูกหูลูกตา

อีกอย่างนะ ส่วนตัวเราเป็นคนที่ชอบพื้นที่สีเขียวอยู่แล้วด้วย พอได้เห็นทุ่งหญ้าบนโขดหิน ขอบอกเลยนะว่าโมเม้นนั้นคือแบบ โคตรคุ้มมม !  คุ้มกับการที่ต้องนั่งรถมา 2 ชั่วโมงและต่อด้วยการปีนบันไดขึ้นมา เรียกได้ว่าคุ้มค่าเหนื่อยและค่าเงิน

ส่วนเจ้าตัวอาคารเล็กๆที่เราเห็นจากด้านล่างเนี่ยไปอ่านมาเพิ่มเติมว่าแท้จริงแล้วเป็นโบสถ์ซึ่งไม่ได้เปิดให้เข้าไปที่ด้านใน

เอาหล่ะค่ะเดินต่อไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าเกือบสุดทางมั้ยแต่คิดว่าควรจะหยุดก่อนเพราะถ้าเดินต่อไปคือไม่มีคนแล้วณตอนนั้นมีแค่เรากับเพื่อนสองคนและวัวอีก 1 ฝูง   พักก่อนจ้า


ทั้งนี้ทั้งนั้นยิ่งสูงยิ่งหนาวเลยพากันนั่งตากแดดกินขนมก่อนจะทำใจว่าต้องเดินลง

โอเค ได้เวลาเดินกลับ ก่อนที่คุณจะไม่มีรถกลับบ้านและต้องนอนค้างคืนนะจ๊ะ

หลังจากเดินลงมาเราก็ได้พบกับพื้นที่ตลาดเล็กๆแบบเล็กๆๆๆๆๆๆๆเล็กจริงๆทางเราเห็นร้านไอศกรีมเล็กๆเอาหล่ะจ้ะทวีความเย็นเข้าไปจ้ะคือมันอดใจไม่ได้จริงๆและด้วยความไม่มั่นใจเรื่องรถบัสจึงแอบถามคนขายไอศกรีมว่าต้องไปขึ้นรถบัสกลับเข้าเมืองLe Havre ที่ไหนคุณพี่คนขายบอกว่าให้เดินไปที่หน้าLa Mairie หรือเทศบาลเลยจ้าเดี๋ยวรถมาจอดเทียบตรงนั้นโอเคเชื่อพี่เขา

เอาจริงๆตอนแรกไม่มั่นใจเลย แต่พอเห็นคนมารอกันก็มั่นใจมากขึ้น ใช่แหละแก ไม่ใช่ก็แค่นอนที่นี่คืนนึง ไม่ได้มีทางเลือกเยอะกว่านั้น
รออยู่ประมาณ 5 นาที รถก็มาถึง ตรงตามเวลาที่ดูมาในตารางเป๊ะ เรารอดแล้วจ้ะ ได้กลับบ้านอย่างตรงเวลา
ถ้าใครไม่แน่ใจลองถามคนขับตอนซื้อตั๋วได้นะคะว่าไปลงที่ Gare SNCF Le Havre หรือเปล่า ราคาตั๋วอยู่ที่ 2 ยูโร ซื้อได้จากคนขับเลยค่ะ


ทางเราไม่ได้ถ่ายรูปรถบัสเอาไว้เลย มีหลักฐานก็เพียงแค่สีของท้องฟ้าหน้าเทศบาล ระหว่างรอรถในวันนั้นมาฝาก  สดใสเหลือเกินคุณเอ๊ย

ตอนไปก็ยังไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดประวัติศาสตร์อะไรมากมาย แต่พอได้นั่งอ่านประวัตินิดหน่อยก็เลยเจอว่าศิลปินชื่อดังอย่าง Claude Monet และ  Edouard Manet ได้วาดภาพของ Étretat ไว้ด้วย ซึ่งภาพเขียน Étretat นี้สามารถเข้าไปดูที่ Musée d’Orsay ในกรุงปารีส ภาพเขียนนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ของพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นชั้นที่รวบรวมผลงานImpressionism เอาไว้เยอะมาก  เราเองเพิ่งมีโอกาสไปดูภาพนี้ด้วยตัวเองมา จึงถือโอกาสได้ถ่ายรูปมาฝากด้วย
ระหว่างที่นั่งเขียนกระทู้อยู่นี้ เราก็ได้ไปพบกับภาพเก่าๆ จากเพื่อนชาว O'bon Paris เดาว่าน่าจะเป็น Etretat  ในช่วงซัมเมอร์ ไปดูภาพของ ผาหินแห่งนี้ในช่วงซัมเมอร์ได้ที่ด้านล่างเลย 


หน้าผา ทะเล ท้องฟ้า >> ความสุขท่ามกลางธรรมชาติจริงๆค่ะ
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่