.
.
Wainhouse Tower in Halifax, England
ⓒ Bildagentur Zoonar GmbH/Shutterstock.com
.
.
หอคอย Wainhouse Tower
ยืนตระหง่านบนยอดเขา
King Cross เขต Halifax
หอคอยนี้ คือ สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุด
ในเมือง Calderdale
แคว้น West Yorkshire
เป็นจุดสังเกตหลักที่มองเห็นได้แต่ไกล
เป็นระยะทางไกลหลายไมล์เลยทีเดียว
หอคอยนี้ได้รับการขนานนามว่า
หอคอยที่สิ้นเปลือง/ไร้ประโยชน์
หรือการทำเรื่องโง่ ๆ ที่สูงที่สุดในโลก
เพราะหอคอยแห่งนี้ไม่เคยถูกใช้งาน
ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้แต่แรก
แต่ก็มีตำนานเรื่องราวที่น่าสนใจเช่นกัน
John Edward Wainhouse
เจ้าของโรงงานย้อมผ้า
ตั้งใจสร้างหอคอยแห่งนี้เป็นปล่องไฟ
เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ
การลดควัน ในปี 1870
Smoke Abatement Act of 1870
ที่มีการออกกฎหมายจาก
กลุ่มรณรงค์ต่อต้านการสร้างมลภาวะ
การสร้างปล่องไฟเพื่อลดกลิ่น
ต้มยาย้อมผ้า/ควันไฟจากการต้ม
.
.
.
.
ในปึ 1871
งานก่อสร้างปล่องไฟจึงได้เริ่มต้น
ด้วยการใช้หินสกัดภายในท้องถิ่น
แต่แล้ว John Edward Wainhouse
กลับขายโรงงานย้อมผ้า
ให้ผู้จัดการโรงงานย้อมผ้าของตน
เพราะต้องการประท้วงกฎหมายการลดควัน
ที่คู่อริเป็นผู้ผลักดันจนมีการออกกฎหมายนี้
ก่อนที่จะก่อสร้างปล่องไฟให้เสร็จสมบูรณ์
แต่อดีตเจ้าของโรงงานยัอมผ้า
ก็ยังเก็บปล่องไฟ/พื้นที่ไว้สำหรับตนเอง
แต่ตอนนี้ไม่ได้สร้างปล่องไฟอีกแล้ว
เพราะได้ปรับเปลี่ยนการออกแบบโครงสร้าง
ให้เป็นรูปแปดเหลี่ยม มียอดมงกุฎด้านบนสุด
เพราะอดีตเจ้าของโรงงานย้อมผ้า
เป็นผู้มีรสนิยมชื่นชมศิลปะ
จึงให้ Isaac Booth
เป็นสถาปนิก/ผู้ออกแบบปล่องไฟ
ให้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
หอคอยนี้จึงมีชื่อว่า Wollyhouse's Folly
หรือ Octagon Towers
หอคอยแห่งนี้สร้างเสร็จ
ในวันที่ 9 กันยายน 1875
โดยมีค่าก่อสร้างในยุคนั้นราว 14,000 ปอนด์
ตามตำนานชาวบ้านมักจะเล่ากันว่า
Sir Henry Edwards
เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ Pye Nest estate
และเป็นนักกิจกรรมการเมือง/นักเคลื่อนไหว
West Riding Smoke Prevention Society
ผู้สนับสนุนการรณรงค์ต่อต้าน
โรงงาน Washer Lane dye ของ
John Edward Wainhouse ตลอดมา
โดยอ้างว่าสร้างมลภาวะกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งกลิ่นสีย้อมผ้าและควันไฟที่ต้มยาย้อมสี
ทำให้ทั้งคู่มีเรื่องบาดหมางกันมานาน
แบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ
เพราะ Sir Henry Edwards มักจะร้องเรียน
และคัดค้านการประกอบกิจการ
โรงงานย้อมผ้าเสมอมา
ความขัดแย้งดังกล่าวนี้
จึงมีคนแนะนำว่า
ให้ John Edward Wainhouse
สร้างหอคอยขึ้นมา
เพื่อเป็นการระบายกลิ่นสีย้อมผ้า
และควันไฟที่ต้มยาย้อมสี
และทั้งนี้เพื่อจะหลอกเพื่อนบ้านจอมก้าวร้าว
ว่าได้ทำตามกฎหมายลดควันแล้ว
.
.
.
.
Sir Henry Edwards มักจะโม้ว่า
ตนเองมีที่ดินส่วนตัว ที่กว้างไกล
ไม่มีใครมองเห็นได้หมด/ได้ทั่วอย่างแน่นอน
เพื่อลดถ้อยคำคุยโวของ
Sir Henry Edwards ในเรื่องนี้
John Edward Wainhouse
จึงสร้างหอคอยสูงนี้ขึ้นมา
พร้อมกับเชิญสมัครพรรคพวก
และชาวบ้านขึ้นมาบนหอคอยแห่งนี้
และต่างมองเห็นที่ดินของ
Sir Henry Edwards ทั้งหมดได้
เรื่องนี้ทำให้ Sir Henry Edwards
เลิกคุยโม้ไปตลอดชีวิต
แบบ
เลิกคุยทั้งอำเภอ
เพราะหอคอยแห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น
.
.
.
ต่อมา หอคอยแห่งนี้
ถูกซื้อโดยกองทุน shilling fund
ที่บริหารงานโดย Halifax Courier
ก่อนที่จะบริจาคให้กับ
Halifax Corporation ในปี 1912
มอบให้ Halifax County Borough Council
ในปี 1918
เปิดให้ผู้คนเข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หอคอยแห่งนี้มีความสูง 275 ฟุต (84 เมตร)
ต้องเดินขึ้นบันได 369 ขั้น
จะขึ้นถึงจุดชมวิวชั้นแรก
และต้องขึ้นบันไดอีก 36 ขึ้น
จึงถึงจุดชมวิวด้านบนสุด
บันไดจากล่างสุดถึงชั้นบนสุด
รวมขั้นบันไดทั้งสิ้น 405 ขั้น
จะสามารถมองเห็น
Calder valley,
Kings Cross
Blackstone Edge,
Castle Hill
และสะพาน
Sowerby ได้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Wainhouse Tower
เคยถูกใช้เป็นหอสังเกตการณ์
การบินมาโจมตีของเรือบินนาซีเยอรมันนี
ในปี 2006
Wainhouse Tower ถูกปิดชั่วคราว
เพราะปัญหาเรื่องโครงสร้างไม่มั่นคง
ก่อนที่จะเริ่มบูรณะและซ่อมแซม
ในเดือนกรกฏาคมปี 2008
กินเวลาซ่อมแซมราว 5 เดือน
โดยยอดโดม/มงกุฏมีการรื้อถอน
แล้วสร้างขึ้นมาใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม
มีการตบแต่งหลายอย่าง
และทางเดินหลักภายในส่วนหนึ่ง
มีการซ่อมแซมและนำก้อนหิน
ที่ชำรุดสูญหายมาเสริมแทน
มีการสร้างทางระบายน้ำภายในให้ดีขึ้น
งานเหล็กที่สึกกร่อน/ชำรุดมีการบูรณะใหม่
มีการปรับปรุง/เสริมฐานรากหอคอยใหม่
ก่อนจะเปิดให้เข้าชมใหม่อีกครั้ง
ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2009
เงินค่าบูรณะซ่อมแซมครั้งนี้ 400,000 ปอนด์
ในปี 2011
Huffington Post ได้จัดให้หอคอยนี้
อยู่ใน
10 Pieces of Folly Architecture
และ
The Telegraph
ก็ได้จัดลำดับให้เป็น 1 ใน 15 ลำดับ
Britain's Best Architectural Follies
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://joo.gl/ApXf
https://joo.gl/m4uMG
https://joo.gl/JUKt
https://joo.gl/ALbW
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
มุมมองทางอากาศของ Wainhouse Tower
@ Alastair Wallace / Shutterstock.com
.
.
.
Aerial view of Wainhouse Tower
@ Alastair Wallace/Shutterstock.com
.
.
.
Aerial view of Wainhouse Tower
@ Alastair Wallace/Shutterstock.com
.
.
เมืองนี้คือ ต้นตำนานการสร้างเครื่องตัดหัวคน
เครื่องตัดศีรษะที่มีก่อน Guillotine
.
.
.
.
.
.
หมายเหตุ
สิ่งก่อสร้างโบราณของสยาม
ในยุคต้นรัตนโกสินทร์
ที่มีขนาดสูงที่สุดในอดีตคือ ภูเขาทอง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะและสร้าง
พระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง
ทรงกำหนดให้เป็นพระปรางค์
มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง
แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล
เพราะดินทรุดตัวลงมาก
แม้ว่าในพงศาวดารจะระบุว่า
มีการใช้ไม้ซุงจำนวนมากทำเป็นฐาน
โดยวางเรียงสลับกันหลายชั้นวาง
ลงในชั้นดินก่อนถมดินให้พูนขึ้น
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก
เพราะดินทรุดตัวลงไปเรื่อย ๆ
ในยุคนั้นสยามยังไม่มี
วิศวกรรมใช้เสาเข็มตอก
รับแรงสิ่งก่อสร้างแต่อย่างใด
สันนิษฐานว่า
ดินที่ถมเป็นภูเขาทอง
มาจาก
คลองขุดตั้งแต่รัชกาลที่ 1-3
เพราะยุคนั้นการขนส่งทางบก
ยังไม่ดีมากเลยต้องหาที่ดินข้างเคียง
เป็นที่เก็บดินที่ขุดทำคลอง
ต่อมา ในรัขสมัย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ดินได้ทรุดตัวเต็มที่แล้ว
จึงทรงให้เปลี่ยนแบบก่อสร้าง
โดยก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด
ไว้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
แต่การก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งพระราชทานนามว่า
สุวรรณบรรพต มีความสูง 77 เมตร
บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของ
พระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์
และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดม
ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราช
เพราะมีคำจารึกอยู่ในภาชนะบรรจุ
อนึ่ง หลักหมุดที่ดินแห่งแรก
ของสยามประเทศ Landmark
ในตอนที่เริ่มมีการรังวัดปักเขตที่ดิน
(หลักหมุดสมมุติเลข 0)
ก็มีจุดเริ่มต้นโยงยึดจากเจดีย์ภูเขาทอง
เพราะสูงที่สุดในพระนคร(กรุงเทพฯ)ยุคนั้น
โดยมีการว่าจ้างฝรั่ง
มาเป็นที่ปรึกษา/ทำการรังวัดแผนที่
ตามคำบรรยายกฎหมายที่ดิน ของ
ศาสตราจารย์ศิริ เกวลินสฤษดิ์
และการออกโฉนดที่ดินฉบับแรกสุดของสยาม
ในยุครัชกาลที่ 5
ก็มีการออกที่พระนครศรีอยุธยา
ผลที่ตามมาก็คือ
ยิ่งทำให้ชาวบ้านมีการบุกรุกที่ดินวัดที่ดินหลวง
และรื้อเอาอิฐตามวัด โบสถ์ กำแพงเมือง
ภายในพระนครศรีอยุธยา
ไปก่อสร้างเวียง วัง บ้านเรือน
จำนวนมหาศาลในเวลาต่อมา
รวมทั้งราชการเปิดให้ประมูล
รื้ออิฐเพื่อนำไปขายได้ด้วย
จนบางคนเข้าใจว่าพม่า
เป็นผู้ทำลายวัดวาอารามไทยในช่วงปี 2310
ทั้งที่มีการรื้อถอนมาตั้งแต่รัชสมัย
สมเด็จพระเอกาทศรุทรอิศวร
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://joo.gl/Yjxt
https://joo.gl/wyXW3
https://joo.gl/IlFfdp
Wainhouse หอคอยที่สิ้นเปลือง/ไร้ประโยชน์ที่สูงที่สุดในโลก
.
Wainhouse Tower in Halifax, England
ⓒ Bildagentur Zoonar GmbH/Shutterstock.com
.
หอคอย Wainhouse Tower
ยืนตระหง่านบนยอดเขา
King Cross เขต Halifax
หอคอยนี้ คือ สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุด
ในเมือง Calderdale
แคว้น West Yorkshire
เป็นจุดสังเกตหลักที่มองเห็นได้แต่ไกล
เป็นระยะทางไกลหลายไมล์เลยทีเดียว
หอคอยนี้ได้รับการขนานนามว่า
หอคอยที่สิ้นเปลือง/ไร้ประโยชน์
หรือการทำเรื่องโง่ ๆ ที่สูงที่สุดในโลก
เพราะหอคอยแห่งนี้ไม่เคยถูกใช้งาน
ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้แต่แรก
แต่ก็มีตำนานเรื่องราวที่น่าสนใจเช่นกัน
John Edward Wainhouse
เจ้าของโรงงานย้อมผ้า
ตั้งใจสร้างหอคอยแห่งนี้เป็นปล่องไฟ
เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ
การลดควัน ในปี 1870
Smoke Abatement Act of 1870
ที่มีการออกกฎหมายจาก
กลุ่มรณรงค์ต่อต้านการสร้างมลภาวะ
การสร้างปล่องไฟเพื่อลดกลิ่น
ต้มยาย้อมผ้า/ควันไฟจากการต้ม
.
.
ในปึ 1871
งานก่อสร้างปล่องไฟจึงได้เริ่มต้น
ด้วยการใช้หินสกัดภายในท้องถิ่น
แต่แล้ว John Edward Wainhouse
กลับขายโรงงานย้อมผ้า
ให้ผู้จัดการโรงงานย้อมผ้าของตน
เพราะต้องการประท้วงกฎหมายการลดควัน
ที่คู่อริเป็นผู้ผลักดันจนมีการออกกฎหมายนี้
ก่อนที่จะก่อสร้างปล่องไฟให้เสร็จสมบูรณ์
แต่อดีตเจ้าของโรงงานยัอมผ้า
ก็ยังเก็บปล่องไฟ/พื้นที่ไว้สำหรับตนเอง
แต่ตอนนี้ไม่ได้สร้างปล่องไฟอีกแล้ว
เพราะได้ปรับเปลี่ยนการออกแบบโครงสร้าง
ให้เป็นรูปแปดเหลี่ยม มียอดมงกุฎด้านบนสุด
เพราะอดีตเจ้าของโรงงานย้อมผ้า
เป็นผู้มีรสนิยมชื่นชมศิลปะ
จึงให้ Isaac Booth
เป็นสถาปนิก/ผู้ออกแบบปล่องไฟ
ให้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
หอคอยนี้จึงมีชื่อว่า Wollyhouse's Folly
หรือ Octagon Towers
หอคอยแห่งนี้สร้างเสร็จ
ในวันที่ 9 กันยายน 1875
โดยมีค่าก่อสร้างในยุคนั้นราว 14,000 ปอนด์
ตามตำนานชาวบ้านมักจะเล่ากันว่า
Sir Henry Edwards
เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ Pye Nest estate
และเป็นนักกิจกรรมการเมือง/นักเคลื่อนไหว
West Riding Smoke Prevention Society
ผู้สนับสนุนการรณรงค์ต่อต้าน
โรงงาน Washer Lane dye ของ
John Edward Wainhouse ตลอดมา
โดยอ้างว่าสร้างมลภาวะกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งกลิ่นสีย้อมผ้าและควันไฟที่ต้มยาย้อมสี
ทำให้ทั้งคู่มีเรื่องบาดหมางกันมานาน
แบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ
เพราะ Sir Henry Edwards มักจะร้องเรียน
และคัดค้านการประกอบกิจการ
โรงงานย้อมผ้าเสมอมา
ความขัดแย้งดังกล่าวนี้
จึงมีคนแนะนำว่า
ให้ John Edward Wainhouse
สร้างหอคอยขึ้นมา
เพื่อเป็นการระบายกลิ่นสีย้อมผ้า
และควันไฟที่ต้มยาย้อมสี
และทั้งนี้เพื่อจะหลอกเพื่อนบ้านจอมก้าวร้าว
ว่าได้ทำตามกฎหมายลดควันแล้ว
.
.
Sir Henry Edwards มักจะโม้ว่า
ตนเองมีที่ดินส่วนตัว ที่กว้างไกล
ไม่มีใครมองเห็นได้หมด/ได้ทั่วอย่างแน่นอน
เพื่อลดถ้อยคำคุยโวของ
Sir Henry Edwards ในเรื่องนี้
John Edward Wainhouse
จึงสร้างหอคอยสูงนี้ขึ้นมา
พร้อมกับเชิญสมัครพรรคพวก
และชาวบ้านขึ้นมาบนหอคอยแห่งนี้
และต่างมองเห็นที่ดินของ
Sir Henry Edwards ทั้งหมดได้
เรื่องนี้ทำให้ Sir Henry Edwards
เลิกคุยโม้ไปตลอดชีวิต
แบบเลิกคุยทั้งอำเภอ
เพราะหอคอยแห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น
.
.
ต่อมา หอคอยแห่งนี้
ถูกซื้อโดยกองทุน shilling fund
ที่บริหารงานโดย Halifax Courier
ก่อนที่จะบริจาคให้กับ
Halifax Corporation ในปี 1912
มอบให้ Halifax County Borough Council
ในปี 1918
เปิดให้ผู้คนเข้าเยี่ยมชมได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หอคอยแห่งนี้มีความสูง 275 ฟุต (84 เมตร)
ต้องเดินขึ้นบันได 369 ขั้น
จะขึ้นถึงจุดชมวิวชั้นแรก
และต้องขึ้นบันไดอีก 36 ขึ้น
จึงถึงจุดชมวิวด้านบนสุด
บันไดจากล่างสุดถึงชั้นบนสุด
รวมขั้นบันไดทั้งสิ้น 405 ขั้น
จะสามารถมองเห็น
Calder valley, Kings Cross
Blackstone Edge, Castle Hill
และสะพาน Sowerby ได้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Wainhouse Tower
เคยถูกใช้เป็นหอสังเกตการณ์
การบินมาโจมตีของเรือบินนาซีเยอรมันนี
ในปี 2006
Wainhouse Tower ถูกปิดชั่วคราว
เพราะปัญหาเรื่องโครงสร้างไม่มั่นคง
ก่อนที่จะเริ่มบูรณะและซ่อมแซม
ในเดือนกรกฏาคมปี 2008
กินเวลาซ่อมแซมราว 5 เดือน
โดยยอดโดม/มงกุฏมีการรื้อถอน
แล้วสร้างขึ้นมาใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม
มีการตบแต่งหลายอย่าง
และทางเดินหลักภายในส่วนหนึ่ง
มีการซ่อมแซมและนำก้อนหิน
ที่ชำรุดสูญหายมาเสริมแทน
มีการสร้างทางระบายน้ำภายในให้ดีขึ้น
งานเหล็กที่สึกกร่อน/ชำรุดมีการบูรณะใหม่
มีการปรับปรุง/เสริมฐานรากหอคอยใหม่
ก่อนจะเปิดให้เข้าชมใหม่อีกครั้ง
ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2009
เงินค่าบูรณะซ่อมแซมครั้งนี้ 400,000 ปอนด์
ในปี 2011
Huffington Post ได้จัดให้หอคอยนี้
อยู่ใน 10 Pieces of Folly Architecture
และ The Telegraph
ก็ได้จัดลำดับให้เป็น 1 ใน 15 ลำดับ
Britain's Best Architectural Follies
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://joo.gl/ApXf
https://joo.gl/m4uMG
https://joo.gl/JUKt
https://joo.gl/ALbW
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
มุมมองทางอากาศของ Wainhouse Tower
@ Alastair Wallace / Shutterstock.com
.
.
.
Aerial view of Wainhouse Tower
@ Alastair Wallace/Shutterstock.com
.
.
.
Aerial view of Wainhouse Tower
@ Alastair Wallace/Shutterstock.com
.
.
เมืองนี้คือ ต้นตำนานการสร้างเครื่องตัดหัวคน
เครื่องตัดศีรษะที่มีก่อน Guillotine
.
.
.
.
.
หมายเหตุ
สิ่งก่อสร้างโบราณของสยาม
ในยุคต้นรัตนโกสินทร์
ที่มีขนาดสูงที่สุดในอดีตคือ ภูเขาทอง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะและสร้าง
พระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง
ทรงกำหนดให้เป็นพระปรางค์
มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง
แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล
เพราะดินทรุดตัวลงมาก
แม้ว่าในพงศาวดารจะระบุว่า
มีการใช้ไม้ซุงจำนวนมากทำเป็นฐาน
โดยวางเรียงสลับกันหลายชั้นวาง
ลงในชั้นดินก่อนถมดินให้พูนขึ้น
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก
เพราะดินทรุดตัวลงไปเรื่อย ๆ
ในยุคนั้นสยามยังไม่มี
วิศวกรรมใช้เสาเข็มตอก
รับแรงสิ่งก่อสร้างแต่อย่างใด
สันนิษฐานว่า
ดินที่ถมเป็นภูเขาทอง
มาจาก คลองขุดตั้งแต่รัชกาลที่ 1-3
เพราะยุคนั้นการขนส่งทางบก
ยังไม่ดีมากเลยต้องหาที่ดินข้างเคียง
เป็นที่เก็บดินที่ขุดทำคลอง
ต่อมา ในรัขสมัย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ดินได้ทรุดตัวเต็มที่แล้ว
จึงทรงให้เปลี่ยนแบบก่อสร้าง
โดยก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด
ไว้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
แต่การก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งพระราชทานนามว่า
สุวรรณบรรพต มีความสูง 77 เมตร
บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของ
พระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์
และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดม
ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราช
เพราะมีคำจารึกอยู่ในภาชนะบรรจุ
อนึ่ง หลักหมุดที่ดินแห่งแรก
ของสยามประเทศ Landmark
ในตอนที่เริ่มมีการรังวัดปักเขตที่ดิน
(หลักหมุดสมมุติเลข 0)
ก็มีจุดเริ่มต้นโยงยึดจากเจดีย์ภูเขาทอง
เพราะสูงที่สุดในพระนคร(กรุงเทพฯ)ยุคนั้น
โดยมีการว่าจ้างฝรั่ง
มาเป็นที่ปรึกษา/ทำการรังวัดแผนที่
ตามคำบรรยายกฎหมายที่ดิน ของ
ศาสตราจารย์ศิริ เกวลินสฤษดิ์
และการออกโฉนดที่ดินฉบับแรกสุดของสยาม
ในยุครัชกาลที่ 5
ก็มีการออกที่พระนครศรีอยุธยา
ผลที่ตามมาก็คือ
ยิ่งทำให้ชาวบ้านมีการบุกรุกที่ดินวัดที่ดินหลวง
และรื้อเอาอิฐตามวัด โบสถ์ กำแพงเมือง
ภายในพระนครศรีอยุธยา
ไปก่อสร้างเวียง วัง บ้านเรือน
จำนวนมหาศาลในเวลาต่อมา
รวมทั้งราชการเปิดให้ประมูล
รื้ออิฐเพื่อนำไปขายได้ด้วย
จนบางคนเข้าใจว่าพม่า
เป็นผู้ทำลายวัดวาอารามไทยในช่วงปี 2310
ทั้งที่มีการรื้อถอนมาตั้งแต่รัชสมัย
สมเด็จพระเอกาทศรุทรอิศวร
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://joo.gl/Yjxt
https://joo.gl/wyXW3
https://joo.gl/IlFfdp