เดินหน้าต่อ หรือว่าพอแค่เท่านี้

            สวัสดีครับ สมาชิกทุกท่าน ผมขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมเป็นแบบชายรักชาย เป็นรับนะครับ (ส่วนหน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้)
ผมอายุ 25 สูง 178 น้ำหนัก 75 มีพุงหน่อยๆ ขอใช้นามแทนตัวเองว่าเอ แล้วเเฟนหนุ่มชื่อ บี นะครับ (คนปัจจุบัน)
ส่วนตัวของผมเคยมีเเฟนมาก่อนหน้านี้ 1 คน เป็นผู้ชายคนแรก คบกันตอนสมัยเรียนมหาลัย แล้วก็ได้เลิกรากันไป
หลังจากที่เราสองคนคบกันมาได้ 5 ปี โดยประมาณ เหตุผลเพราะ เค้าไปแอบกินกันกับคนอื่น จนเราเองก็รับไม่ได้
และขอเลิกกับเค้าในที่สุด ชีวิตหลังจากนั่น ผมก็เริ่มเดินโซเซกับความรักมาค่อนข้างเนินนาน (สำหรับผมนะ) เพราะ
ในหัวของเราก็คิดอยู่เรื่องเดียว ทำไมเค้าถึงกับเราได้ ทั้งที่เราก็รักเค้ามาก ผมเป็นคนที่สื่อสัตย์ต่อความรักเอามากๆ
ไม่ว่าจะมีคนเข้ามาคุย มาขอจีบ ผมก็จะออกตัวไปเลยว่า ผมมีแฟนอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เค้าก็ยัง
มักมากอยู่ดี ผมเริ่มห่างหายกับความรักมากประมาณ 2 ปี เกือบๆ 3 ปี คนคุยเยอะครับ แต่คนที่ผมรู้สึกว่ารัก และพร้อม
ที่จะดูแลกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน บลาๆ ไม่มีเลยซักคน เพราะสังคมนี้ผมรู้สึกว่าเค้าเข้ามาแค่ต้องการ มีอะไรกับผมก็เท่านั่นเอง
จนกระทั้งผมได้มารู้จักกับเเอปหาคู่ของเกย์แอปๆหนึ่ง โดยส่วนตัวแล้วที่ผมเลือกเล่นเเอปนี้ผมอยากหาเพื่อนคุย เพราะ
อยู่คนเดียวผมก็เหงา แต่ส่วนมากที่ทักมาก็แค่อยากมาเอากับผมก็เท่านั่น จนตัวผมเองไม่เชื่อว่ามันจะมีรักแท้ในแอปนี้
ถ้าว่าอยากมีความรักอีกครั้งมั้ย ผมก็อยากมีครับ อยากมีคนดูแลเอาใจใส่ มีคนเอาใจ ประมาณนี้ครับ เพราะโดยส่วนตัวผม
ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเอาใจใครไม่เก่ง แต่ถ้าตัวผมเองทำผิด ผมก็ยอมรับผิด เป็นคนที่ค่อนข้างมีเหตุมีผลครับ
ถ้าเเฟนของผมทำผิด หรือทำให้ผมไม่พอใจ ผมจะถามเหตุผลก่อนเสมอว่า ทำทำไม ทำเพื่ออะไร เพราะผมก็เชื่อว่า
ทุกสิ่งที่เค้าได้ทำลงไป ล้วนแล้วแต่ต้องมีเหตุผล มาถึงตรงนี้ผมจะบอกอะไร ผมจะบอกว่า ผมได้พบรักครั้งใหม่ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว หลังจากที่เลิกรากับเเฟนคนแรกไป เราเจอกันในเเอปเกย์นั่นหล่ะครับ โดยเราสองคนอยู่ห่างกันประมาณ 28 กิโล ซึ่งถือว่า
ไกลกันเอามากๆ เพราะเท่าที่ผมเคยคุยมา 2 กิโลก็ว่าไกลแล้ว แต่กลับคนนี้ ไม่ใช่แบบนั่นครับ ผมรู้รักมีความสุขเวลาได้คุย
และแล้ว พี่เค้าก็ขอไลน์ผมครับ เอาเอาไลน์ให้พี่เค้าในทันทีโดยไม่ได้คิดอะไรเลย พี่เค้าก็วีดีโอคอลมาคุยกับเรา
ทั้งสองคุยกันหลายเรื่องมากตามประสาคนเคยพบกันครั้งแรก แล้วพี่เค้าก็ขอเจอผมในวันถัดมาหลังจากคืนนั่น เอาหล่ะ
มาถึงตอนนี้ผมก็ต้องไป เพราะได้รับปากกับพี่เค้าแล้ว 28 กม.ในกรุงเทพ ถือว่าไกลมากนะครับ ผมขับมอไซด์ ใช้เวลาอย่างน้อยๆคือ
50 นาที ถ้าวันไหนรถติดมากๆ ก็ชั่วโมงกว่าๆ พอผมเดินทางไปถึง ผมก็ไปนั่งรอพี่เค้าประมาณ 10 นาที แล้วพี่เค้าก็โทรมา
ถามว่าเราอยุ่ส่วนใหนของห่าง เราก็บอกพี่เค้าไป พอได้เจอตัวจริงผมก็เขิลเล็กน้อยนะ ตามประสาคนพึ่งเคยเจอกัน
พี่เค้าตัวเตี้ยกว่าผม สูงประมาณหน้าอกผมน่ะ ผิวขาว มีลายสัก (ส่วนตัวก็ชอบคนสักลาย) แล้วพี่เค้าก็ชวนผมไปกินข้าว
ถามกันเรื่องที่ทำงาน ที่บ้าน เรื่องทั่วๆไป สรุปแล้วเราทั้งสองสามารถเข้ากันได้ดี พี่เค้าเป็นคนที่สะอาด เรียบร้อยเอามากๆ
ตัวนี่อย่างหอม ออ พี่เค้าเคยมีเเฟนเป็นผู้หญิงมาด้วย กิริยาของพี่เค้าไม่แสดงออกถึงความสาวออกมาเลย เวลาเดินด้วยกัน
อารมณ์ก็จะแบบเหมือนเพื่อนกันเดินไปด้วยกันน่ะ โดยที่ทำงานของผมจะหยุด ส-อา แต่พี่เค้าทำงานทุกวัน วันไหนทำงานก็ได้ตังค์
วันไหนไม่ทำงานก็ไม่ได้ตังค์ หลังจากพี่เจอกันในวันนั่น ผมก็เดินทางไปหาพี่เค้าทุกอาทิตย์ โดยผมจะออกจากที่ผมอยู่
วันศุกร์ตอนเย็น และกลับมาอีกทีวันอาทิตย์เช้า เรามีเวลาได้เจอกันแค่เท่านี้ เวลาจะไปหาพี่เค้า พี่เค้าก็จะขอเจ้านายทำงานครึ่งวัน
เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน พี่เค้าก็จะพาไปซื้อเสื้อผ้า กินข้าว แล้วแต่เค้า เพราะพี่เค้าจะเป็นคนคิดไว้หมดแล้ว
ส่วนตัวของผมก็ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ อย่าถามว่าได้เดือนล่ะเยอะมั้ย ก็วุฒิ ป.ตรีน่ะครับ เราคบกันตอนที่ผมพึ่งเข้ามาทำงาน
ใน กทม.ได้ไม่ถึงเดือน เพราะก่อนหน้านี้ผมไปรับราชการทหารอยู่ 1 ปี
              เราคบกัน ก็ต้องถามเกี่ยวกับทุกเรื่องที่เราอยากรู้ ถูกมั้ยครับ เรื่องที่บ้าน เรื่องเเฟนเก่า เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ประมาณนี้
พอเราได้พูดคุยเท่านั่นเเหล่ะ พบว่า ชีวิตพี่เค้าก่อนหน้านี้เพอร์เฟคมากครับ มีคนเลี้ยงดู หล่อด้วย มีเงินให้ใช้ จะใช้เท่าไหร่ก็ได้
มีคอนโดให้อยู่ มีรถให้ขับ โดยมีคนขับรถให้ ไม่ต้องขับเอง อยากได้อะไรก็ได้ ส่วนตัวผมนะ ฮึๆ เทียบคนก่อนหน้าพี่เค้าไม่ได้เลย
แต่เหตุผลที่พี่เค้าเลือกเราเพราะอะไรหล่ะ พี่เค้าให้เหตุผลกับผมว่า
              ที่เลือกเราเพราะรู้สึกว่าคุยด้วยแล้วสบายใจดี รักครอบครัว มีงานทำแล้ว สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ประมาณนั่น
ส่วนตัวผมก็ชอบที่พี่เค้ายอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อที่จะมาคบกับผม ตอนแรกได้ฟังผมก็ งง เพราะคนส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกสิ่งที่มัน
สะดวก สบาย ให้กับตัวเอง แต่กับพี่เค้าไม่ใช่แบบนั่น พี่เค้าเลือกเราเพราะรัก คำว่ารัก คำเดียว พี่เค้าจึงยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง
จากเคยอยู่คอนโด ก็มาอยู่ห้องเช่า ห้องพัดลมด้วยนะ นั่นหล่ะครับทำไมจึงเป็นเหตุผลให้ผมได้รักกับพี่เค้าได้มากขนาดนี้
ตลอดเวลาที่เราคบกันมา ผมซื่อสัตย์กับพี่เค้าเอามาก คนที่ผมเคยพูดด้วยผมลบหมด ลบแอป ทวิตก็ลบ ไลน์ก็ต้องสมัครใหม่
เฟสก็ต้องลบพวกที่เข้ามาจีบเราออก แล้วบอกกับเค้าว่าเรามีเเฟนแล้ว ทำทุกอย่างเพื่อให้พี่เค้าสบายใจ พี่เค้าก็ทำในแบบเดียวกันกับผมเช่นกัน
ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะดีไปซะหมดทุกอย่าง แต่โดยนิสัยส่วนตัวของพี่เค้าแล้ว เป็นคนที่ขี้หึงเอามากๆ หึงแม้กระทั้งว่าน้องผู้หญิง
ที่ทำงานด้วยกันยังไม่อยากให้เราไปคุยด้วยเลย เป็นคนขี้น้อยใจเอามากๆ ถ้าไปสกิดนิดหน่อยเนี่ยนะ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน
คุยกับใคร ทำอะไร ผมต้องมีหลักฐานหมด ส่งข้อความในไลน์มาตอนไหน ต้องเปิดอ่าน ณ ตอนนั่น ถ้าหายไปเกิน 15 นาทีนี่ เอาแระ
หาว่าเราคุยกับคนอื่นบ้างหล่ะ หาว่าเราแอบไปเอากับคนอื่นบ้างหล่ะ จนบางทีเวลาชาร์ตเเบตโทรศัพท์ ผมต้องบันทึกเสียงเอาไว้น่ะ
โทรมาสายชนกัน บางทีเจ้านายโทรไลน์มาสั่งงาน เค้าโทรมาชน เป็นเรื่องอีก คุยกับใครผมต้องแคปหน้าจอเอาไว้แล้วก็ต้องอธิบายให้ฟัง
คบกันแรกๆ มีหึง มีหวง มีน้อยใจ ก็ปกติดีนะ แต่พักหลังมาอาการเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งผมก็คิดว่า ผมควรจะปล่อยพี่เค้าไปดีมั้ย
คือบางทีเราทำงานก็เหนื่อยพอแล้ว แล้วยังต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้อีก มันก็ท้อนะ..
                   ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องง้อ เพราะถ้าเอาเหตุผลมาคุยกัน ผมก็เป็นคนผิด อ่า ผมผิด ก็ยอมรับผม แต่พี่เค้าไม่จบ
งอลเราต่อไป บางที่ผมก็หมดหนทาง หมดวิธีที่จะง้อแระ และหลังๆมาผมก็เดินทางไปหาพี่เค้าบ่อยมากๆ บางอาทิตย์ก็ไปเกือบจะทุกวัน
เดินทางอย่างน้อยๆก็ 1 ชม. ถามว่าผมเหนื่อยมั้ย ก็เหนื่อยสิ แต่พอได้เห็นหน้า ได้อยู่ด้วยกันม้นก็คุ้มค่ากับการเดินทางอยู่
แล้วยังไงต่อหล่ะ ก็พักหลังๆ เริ่มงอลผมบ่อยขึ้น ที่นี่ผมก็กลับมาคิดว่า เออ บางทีเราก็แคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไป
จนบางครั้งตัวเอาเองนั่นแหล่ะ ที่ไม่แคร์ความรู้สึกของตัวเองเลย แทนที่เราจะรักตัวเองให้มากๆ แต่เรากับแคร์และรักคนอื่นมากกว่า
ความรู้สึกของตัวเองเสียอีก อันนี้เป็นหนึ่งความคิดที่ผมคิด ผมก็กะว่าจะไม่ง้อแระ ปล่อยให้หายเอง หรือไม่ก็ ถ้าอยากคุยด้วยก็ทักมาหล่ะกัน
เรื่องบางเรื่องเราแค่คุยหยอกเล่น ก็กลายเป็นรื่องใหญ่แระ ผมก็คิดว่า เอ่า!! เหตุผลแค่นี้หรอ บางคืนผมไปนอนด้วย
คนรักกันเนาะ เดินทางก็ไกล ก็อยากนอนกอดบ้างงงงงง แต่พอเรากอดก็หงุดหยิดใส่เรา ไล่เราไปนอนที่อื่น ไม่ใช่โดนตัว
ผมก็จะทำไงได้หล่ะ แบบหอมเเก้มเอาตอนเค้านอนหลับ พอตื่นเช้ามาผมจะต้องรีบกลับมาที่ห้อง อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน กะว่า
จะหอมแก้มก่อนกลับซ่ะหน่อย ผมก็ไม่ได้ทำ ผมก็รู้สึกผิดหวังนะ รู้สึกเสียใจ ไม่รู้สิ มีหลายอารมณ์มากในตอนนั่น ทั้งเดินออกมาทั้งร้องให้
ขับรถยังร้องให้ ได้แต่ถามตัวเองว่า เราผิดมากนักหรอ ขอโทษก็ขอโทษแล้ว ทำทุกอย่างให้ก็แล้ว ยังไม่ดีขึ้นเลย
สุดท้ายแล้วผมก็เลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า
               ขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ในวันนี้เป็นวันเกิดของพี่เค้า ผมยังคิดอยู่เลยว่า หลังเลิกงานผมจะไปหาพี่เค้าดีมั้ย
ยังอยากคุยกับผมอยู่รึป่าว ตอนนี้จะเป็นยังไง ทำอะไรก็ไม่รู้ อยากรู้ถามไปก็ตอบแบบว่า ถามร้อยคำ ตอบคำเดียว
คือผมต้องทำยังไงดีอ่า ผมจะปล่อยพี่เค้าไปมั้ย หรือว่าผมต้องอยู่แบบนี้ต่อไป ตอนอยู่ก็มีความสุขดี แต่ถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ
มันก็ ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะ..

อยากทราบอะไร อยากพูดคุยอะไร เชิญถามได้นะครับ ผมยินดีที่จะตอบ..
ขอบคุณสำหรับท่านที่อ่านจนจบนะครับ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่