การเรียนรู้สำคัญมากในตลาดหุ้นไทย สำคัญกว่าจำนวนเงิน
เงินมากๆเอามาลงทุนถ้าขาดการเรียนรู้ก็จะละลายหายไปรวดเร็วเหมือนเอาไอศครีมไปตั้งไว้กลางแดดหน้าร้อน
การศึกษาของเราก็จะเริ่มจาก อนุบาล>>>>มหาวิทยาลัย ค่อยๆไล่ไปจะรวบรัดตัดตอนไม่ได้
จบอนุบาล แล้วข้ามไปเป็น ดอกเตอร์เลยนั้นคงยากมาก
การเล่นหุ้นก็เช่นกัน ต้องเริ่มจากพื้นฐานก่อนว่ามีอะไร แล้วค่อยเรียนรู้ไต่บันไดดารา...ไปเล่นท่ายากตามประสบการณ์
ยิ่งประสบการเยอะยิ่ง Xวย และมีประสบการณ์ทั้งดีและแย่ จะช่วยในการเอาตัวรอดครับ
>>>>> ภาษาโฆษณาผงซักฟอกได้กล่าวว่า.....ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์
ตัดมาเข้าเรื่อง...ที่จะนำเสนอพี่แจ้ชอบหาความรู้แนวๆ เอามาใช้กับการลงทุน วันนี้เอาทฤษฎีการเรียนรู้ทางการศึกษามาแชร์
จากเวป: https://sites.google.com/site/anansak2554/thvsdi-kar-reiyn-ru-khx-ngblum
>>>ว่าด้วยทฤษฎีการเรียนรู้ ของเบนจามิน บลูมและคณะ (Bloom et al, 1956)<<<
การเรียนรู้เป็นพฤติกรรมด้านสมองเป็นพฤติกรรมเกี่ยวกับสติปัญญา ความรู้ ความคิด ความเฉลียวฉลาด
ความสามารถในการคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นความสามารถทางสติปัญญา
เขาแบ่งการเรียนรู้เป็น 6 ระดับ ไล่จากต่ำสุด ความรู้ >>>>ไปสูงสุด คือ การประเมินค่า
.
1. ความรู้ความจำ
ความสามารถในการเก็บรักษามวลประสบการณ์ต่าง ๆ จากการที่ได้รับรู้ไว้และระลึกสิ่งนั้นได้
ในการเล่นหุ้นเราต้องแยกว่า เราจะเล่นตัดหน้าสิบล้อหยิบแบ็งค์พัน หรือเล่นแบบVI ทนดอย เล่นเทคนิค พื้นถัน
การเล่น วิธีการ ทฤษฐีก็ต่างกัน อันนี้ต้องหาความรู้เอง ศึกษาเอง ถึงจะเข้าใจและจำแม่น ฟังคนอื่นเล่าก็ไม่เข้าใจ
หาว่าโม้ อันนี้ประการณ์จะช่วยได้ ความรู้ก็เกิดจากการอ่าน ที่เห็นก็ VI โจลูกอิสาน ให้สัมภาษณ์ว่าเขาอ่านงบทุกบริษัทในตลาด
2. ความเข้าใจ
เป็นความสามารถในการจับใจความสำคัญ และสามารถแสดงออกมาในรูปของการแปลความ ตีความ
คาดคะเน ขยายความ หรือ การกระทำอื่น ๆ ของหุ้นหุ้นแต่ละตัวมีเจ้ามือสิงสถิตย์รอจับเม่ากินตับ เราต้องเข้าใจลักษณะ
ธุรกิจ วงจรขาขึ้นขาลง ธุรกิจจะไปต่อได้ไหม ต้องเอาความรู้มาผสมกับประสบการณ์ ไม่ใช่ถามแนวรับแนวต้านแล้วเทหมดหน้าตัก
พี่แจ้ว่าดูกิจการสัก 3 ปี ก็พอจะมองออกเพราะ 12 ไตรมาส ย่อมจะเห็นและคาดเดาได้ อ่านง่ายกว่าใจสาวๆๆครับ
3. การนำความรู้ไปใช้
เป็นขั้นที่ผู้เล่นสามารถนำความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในกาแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
ซึ่งจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ จึงจะสามารถนำไปใช้ได้ ประเภทอาวุธครบทั้งกราฟและอินดี้เต็มหลังรถอยู่ในห้องเรียน
เข้าใจ ออกไปเทรดจริงไม่รู้จะใช้อย่างไร.....ผมก็อาการเดียวกัน ต้องหาอะไรที่เข้าใจมากที่สุดไปลอง ในจำนวนเงินน้อยๆ
แค่เอานิ้วจุ่มๆ ชิมลาง ไม่ควรมั่นใจเทหมดหน้าตัก หรือต้องมีกูรู้ กูไม่รู้ก็ต้องมาเรียน..กับท่านประธาน ถึงจะทำเป็น...555
4. การวิเคราะห์
ผู้ลงทุนสามารถคิด หรือ แยกแยะเรื่องราวสิ่งต่าง ๆ ออกเป็นส่วนย่อย เป็นองค์ประกอบที่สำคัญได้
และมองเห็นความสัมพันธ์ของส่วนที่เกี่ยวข้องกัน ความสามารถในการวิเคราะห์จะแตกต่างกัน
อันนี้ต้องอาศัยการมโนเข้าประกอบ มโนแจ่มก็จะแม่น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ พี่แจ้ใช้การวิเคราะห์
มากๆในการหาหุ้น วิเคราะห์ผิดมากกว่าถูก ขนาดนักวิเคราะห์บางโบรควิแคะ เรายังแทงสวนเลย
5. การสังเคราะห์
ความสามารถในการที่ผสมผสานส่วนย่อย ๆ เข้าเป็นเรื่องราวเดียวกันอย่างมีระบบ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่สมบูรณ์และดีกว่าเดิม
อาจเป็นการถ่ายทอดความคิดออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย การกำหนดวางแผนวิธีการดำเนินงานขึ้นใหม่
หรือ อาจจะเกิดความคิดในอันที่จะสร้างความสัมพันธ์ของสิ่งที่เป็นนามธรรมขึ้นมาในรูปแบบ หรือ แนวคิดใหม่
อันนี้ผมยังไม่สามารถทำได้ ต้องระดับเซียน เช่น ทฤษฎีระฆังฟั่ม Tony's Line กลยุทธ์ปลาตอดขี้+อะบิทาร์จด้วพอร์ตยูทูป
แน่นอน ทฤษฎีต้องรอพิสูจน์
6. การประเมินค่า
เป็นความสามารถในการตัดสิน ตีราคา หรือ สรุปเกี่ยวกับคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ออกมาในรูปของคุณธรรมอย่างมีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม
อันนี้ก็ยากเช่นกัน หุ้นตัวเดียวกัน นักวิเคราะห์ต่างสำนักยังให้ Fair Value ที่แตกต่างกันเลย
สรุปแล้วทฤษฎีการเรียนรู้ในตลาดหุ้นมักไม่สิ้นสุด ค่าเล่าเรียนแพงในหุ้นแต่ละตัวต้องจ่ายด้วย ไอโฟน รถเบนซ์ เป็นค่าเทอม
ฟังเพลงนี้แล้วจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บจากการลงทุนได้...
สรุปอย่าหยุดเรียนรู้ในตลาด....เพราะสำหรับนักลงทุนรายยุ่ยอย่างเรา
>>>>>ดีชั่วรู้หมด แต่มันอดไม่ได้<<<<
สบายดี...
### ที่สุดของนักลงทุนแห่งสินธร### การเรียนรู้ตลาดหุ้นของท่านอยู่ระดับไหน....
เงินมากๆเอามาลงทุนถ้าขาดการเรียนรู้ก็จะละลายหายไปรวดเร็วเหมือนเอาไอศครีมไปตั้งไว้กลางแดดหน้าร้อน
การศึกษาของเราก็จะเริ่มจาก อนุบาล>>>>มหาวิทยาลัย ค่อยๆไล่ไปจะรวบรัดตัดตอนไม่ได้
จบอนุบาล แล้วข้ามไปเป็น ดอกเตอร์เลยนั้นคงยากมาก
การเล่นหุ้นก็เช่นกัน ต้องเริ่มจากพื้นฐานก่อนว่ามีอะไร แล้วค่อยเรียนรู้ไต่บันไดดารา...ไปเล่นท่ายากตามประสบการณ์
ยิ่งประสบการเยอะยิ่ง Xวย และมีประสบการณ์ทั้งดีและแย่ จะช่วยในการเอาตัวรอดครับ
>>>>> ภาษาโฆษณาผงซักฟอกได้กล่าวว่า.....ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์
ตัดมาเข้าเรื่อง...ที่จะนำเสนอพี่แจ้ชอบหาความรู้แนวๆ เอามาใช้กับการลงทุน วันนี้เอาทฤษฎีการเรียนรู้ทางการศึกษามาแชร์
จากเวป: https://sites.google.com/site/anansak2554/thvsdi-kar-reiyn-ru-khx-ngblum
>>>ว่าด้วยทฤษฎีการเรียนรู้ ของเบนจามิน บลูมและคณะ (Bloom et al, 1956)<<<
การเรียนรู้เป็นพฤติกรรมด้านสมองเป็นพฤติกรรมเกี่ยวกับสติปัญญา ความรู้ ความคิด ความเฉลียวฉลาด
ความสามารถในการคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นความสามารถทางสติปัญญา
เขาแบ่งการเรียนรู้เป็น 6 ระดับ ไล่จากต่ำสุด ความรู้ >>>>ไปสูงสุด คือ การประเมินค่า
.
1. ความรู้ความจำ
ความสามารถในการเก็บรักษามวลประสบการณ์ต่าง ๆ จากการที่ได้รับรู้ไว้และระลึกสิ่งนั้นได้
ในการเล่นหุ้นเราต้องแยกว่า เราจะเล่นตัดหน้าสิบล้อหยิบแบ็งค์พัน หรือเล่นแบบVI ทนดอย เล่นเทคนิค พื้นถัน
การเล่น วิธีการ ทฤษฐีก็ต่างกัน อันนี้ต้องหาความรู้เอง ศึกษาเอง ถึงจะเข้าใจและจำแม่น ฟังคนอื่นเล่าก็ไม่เข้าใจ
หาว่าโม้ อันนี้ประการณ์จะช่วยได้ ความรู้ก็เกิดจากการอ่าน ที่เห็นก็ VI โจลูกอิสาน ให้สัมภาษณ์ว่าเขาอ่านงบทุกบริษัทในตลาด
2. ความเข้าใจ
เป็นความสามารถในการจับใจความสำคัญ และสามารถแสดงออกมาในรูปของการแปลความ ตีความ
คาดคะเน ขยายความ หรือ การกระทำอื่น ๆ ของหุ้นหุ้นแต่ละตัวมีเจ้ามือสิงสถิตย์รอจับเม่ากินตับ เราต้องเข้าใจลักษณะ
ธุรกิจ วงจรขาขึ้นขาลง ธุรกิจจะไปต่อได้ไหม ต้องเอาความรู้มาผสมกับประสบการณ์ ไม่ใช่ถามแนวรับแนวต้านแล้วเทหมดหน้าตัก
พี่แจ้ว่าดูกิจการสัก 3 ปี ก็พอจะมองออกเพราะ 12 ไตรมาส ย่อมจะเห็นและคาดเดาได้ อ่านง่ายกว่าใจสาวๆๆครับ
3. การนำความรู้ไปใช้
เป็นขั้นที่ผู้เล่นสามารถนำความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในกาแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
ซึ่งจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ จึงจะสามารถนำไปใช้ได้ ประเภทอาวุธครบทั้งกราฟและอินดี้เต็มหลังรถอยู่ในห้องเรียน
เข้าใจ ออกไปเทรดจริงไม่รู้จะใช้อย่างไร.....ผมก็อาการเดียวกัน ต้องหาอะไรที่เข้าใจมากที่สุดไปลอง ในจำนวนเงินน้อยๆ
แค่เอานิ้วจุ่มๆ ชิมลาง ไม่ควรมั่นใจเทหมดหน้าตัก หรือต้องมีกูรู้ กูไม่รู้ก็ต้องมาเรียน..กับท่านประธาน ถึงจะทำเป็น...555
4. การวิเคราะห์
ผู้ลงทุนสามารถคิด หรือ แยกแยะเรื่องราวสิ่งต่าง ๆ ออกเป็นส่วนย่อย เป็นองค์ประกอบที่สำคัญได้
และมองเห็นความสัมพันธ์ของส่วนที่เกี่ยวข้องกัน ความสามารถในการวิเคราะห์จะแตกต่างกัน
อันนี้ต้องอาศัยการมโนเข้าประกอบ มโนแจ่มก็จะแม่น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ พี่แจ้ใช้การวิเคราะห์
มากๆในการหาหุ้น วิเคราะห์ผิดมากกว่าถูก ขนาดนักวิเคราะห์บางโบรควิแคะ เรายังแทงสวนเลย
5. การสังเคราะห์
ความสามารถในการที่ผสมผสานส่วนย่อย ๆ เข้าเป็นเรื่องราวเดียวกันอย่างมีระบบ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่สมบูรณ์และดีกว่าเดิม
อาจเป็นการถ่ายทอดความคิดออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย การกำหนดวางแผนวิธีการดำเนินงานขึ้นใหม่
หรือ อาจจะเกิดความคิดในอันที่จะสร้างความสัมพันธ์ของสิ่งที่เป็นนามธรรมขึ้นมาในรูปแบบ หรือ แนวคิดใหม่
อันนี้ผมยังไม่สามารถทำได้ ต้องระดับเซียน เช่น ทฤษฎีระฆังฟั่ม Tony's Line กลยุทธ์ปลาตอดขี้+อะบิทาร์จด้วพอร์ตยูทูป
แน่นอน ทฤษฎีต้องรอพิสูจน์
6. การประเมินค่า
เป็นความสามารถในการตัดสิน ตีราคา หรือ สรุปเกี่ยวกับคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ออกมาในรูปของคุณธรรมอย่างมีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม
อันนี้ก็ยากเช่นกัน หุ้นตัวเดียวกัน นักวิเคราะห์ต่างสำนักยังให้ Fair Value ที่แตกต่างกันเลย
สรุปแล้วทฤษฎีการเรียนรู้ในตลาดหุ้นมักไม่สิ้นสุด ค่าเล่าเรียนแพงในหุ้นแต่ละตัวต้องจ่ายด้วย ไอโฟน รถเบนซ์ เป็นค่าเทอม
ฟังเพลงนี้แล้วจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บจากการลงทุนได้...
สรุปอย่าหยุดเรียนรู้ในตลาด....เพราะสำหรับนักลงทุนรายยุ่ยอย่างเรา
>>>>>ดีชั่วรู้หมด แต่มันอดไม่ได้<<<<
สบายดี...