"ขออย่าลอยแพกันเลย” เสียงเล็กๆจากพนักงานช่อง 3

"ขออย่าลอยแพกันเลย” เสียงเล็กๆจากพนักงานช่อง 3 หวังผู้บริหารเปลี่ยนใจไม่เลิกจ้างเสียใจ ยังรักองค์กร หวั่นเกิดวิกฤตฟองสบู่สื่อ


หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้บริหารช่อง 3 ได้เรียกพนักงานช่อง 3 มาแจ้งให้ทราบถึงการถูกเลิกจ้าง จากการคืนช่องทีวีดิจิตัล ช่อง3 Family (ช่อง13) และ ช่อง 3 SD (ช่อง 28) ซึ่งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 200 คน สร้างความตกใจและเสียใจให้กับพนักงานที่ไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะถูกเลิกจ้าง และไม่สามารถปฏิเสธการถูกเลิกจ้างได้ บางคนถึงกับช็อค เพราะไม่คิดมาก่อนว่า ทำงานกับช่อง 3 มา 20 กว่าปี กลับถูกเลิกจ้าง โดยไม่รู้เหตุผล

The Reporters ได้รับเสียงสะท้อนจากพนักงานช่อง 3 ที่ถูกเลิกจ้าง แม้ทุกคนจะเข้าใจและยอมรับว่า องค์กรจะต้องบริหารจัดการ หลังมีการคืนช่องทีวีดิจิตัล 2 ช่อง และเพื่อให้ช่อง 3 อยู่รอดต่อไปได้ จำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน แต่เนื่องจากกระบวนการเลิกจ้างที่หลายคนรู้สึกว่า ไม่เป็นธรรม ทำให้ต้องออกมาขอความเป็นธรรม และคาดหวังจะให้ผู้บริหารเปลี่ยนใจ ไม่เลิกจ้าง เนื่องจากจะมีการให้คนที่ได้รับซองที่มีตัวแดงซึ่งหมายถึง เลิกจ้าง จะต้องมาเซ็นต์เอกสารรับการเลิกจ้าง ในวันที่ 17 และ 19 ก.ค.นี้ จึงคาดหวังว่า จะมีมาตรการเยียวยา หรือการพิจารณาที่จะได้โอกาสในการทำงานต่อไป เพราะพวกเขายังรักองค์กร รักในงานข่าว และไม่รู้ว่าจะไปหางานที่ไหน เนื่องจากทุกช่องต่างประสบชะตากรรมเดียวกัน

"เราทำงานกับช่อง 3 มา 20 กว่าปี ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะถูกเลิกจ้าง โดยไม่รู้เหตุผล ถูกให้ออก โดยไม่มีคำชี้แจงใดๆ จึงรู้สึกเสียใจมาก และที่ผ่านมา ตั้งใจทำงาน ไม่เคยมีประวัติที่ไม่ดีเกี่ยวกับงาน ที่สำคัญคือ เรารักองค์กร รักช่อง 3 รักงานข่าว ไม่เคยคิดเผื่อไว้เลยว่าถ้าไม่ทำงานตรงนี้แล้วจะไปทำอะไร แม้เหลือเวลาอีกไม่กี่ปีจะเกษียณแล้วก็จริง แต่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เราจึงอยากทำงานต่อ ถามว่าเงินที่ได้จากการเลิกจ้างนั้นอยากได้มั้ย ก็เป็นสิทธิที่จะได้รับ แต่อยากได้งานทำมากกว่า เพราะเรามีครอบครัวที่ต้องดูแล และยังรักในอาชีพนี้"

เสียงสะท้อนจากพนักงานช่อง 3 ที่ยังคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม หรือมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือจากองค์กรสื่อ หรือรัฐบาล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนการถูกลอยแพ ให้ไปตายเอาดาบหน้า หรือเท่ากับปิดประตูตีแมว เพราะจะหันไปทางไหนในวงการทีวีก็มีชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งตอนนี้มีทีวีดิจิตัลถึง 7 ช่องที่ต้องการคืนช่องเหมือนกัน ใครจะรับเราทำงาน คนมันล้นทะลัก เหมือนภาวะฟองสบู่แตก

"ความรู้สึกตอนนี้มันแย่มากๆ มันมืดมนไปหมด เราไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี เราอาจได้เงินก้อนมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็ต้องมีงานทำ มีเงินเดือน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จะให้เลิกทำข่าวแล้วออกไปขายของ ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร หากเป็นไปได้อยากทำงานข่าวต่อไป ไม่เคยเกี่ยงงาน และไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะไม่ได้ทำงานข่าว ไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก สิ้นหวังไปหมด" พนักงานช่อง 3 ผู้โชคร้ายระบายความในใจ

พวกเขายอมรับว่า ทำข่าวมาตลอดชีวิต พอวันหนึ่งตัวเองต้องได้รับผลกระทบก็ไม่สามารถที่จะพูดบอกอะไรได้เต็มปาก เพราะกลัวว่าพูดอะไรไปแล้วจะได้รับผลกระทบต่อตัวเอง ต่อเพื่อนร่วมงานที่ยังต้องทำงานต่อไป และกระทบกับองค์กรที่ยังรัก

"การถูกคัดออก ก็เหมือนเราจะมีตราบาป ทั้งที่เราทำงานอย่างตั้งใจมาตลอด เราไม่กล้าพูด ทำงานมาตลอด ทุ่มเทด้วยความเต็มที่ แต่พอถูกให้ออกเหมือนเราไม่มีความสามารถได้ไปต่อ"

อีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องการสะท้อนไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหลายคนเป็นพนักงานระดับล่าง ที่ยอมรับว่าไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย และคาดหวังว่าถ้ามีใครช่วยได้ ก็ขอแค่ได้มีโอกาสทำงานต่อ ขอแค่ได้ทำงานที่ตัวเองรักต่อไป

นอกจากนี้พนักงานโชคร้ายหลายคนยังฝากความหวังไปที่รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่น่าจะมีมาตรการเยียวยา คนทำงานที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจทีวีดิจิตัล เพราะจะมีคนไม่ต่ำกว่า 1,000 คนได้รับผลกระทบ ไม่ใช่เพียงโอบอุ้มเฉพาะนายทุน

พนักงานที่ถูกเลิกจ้างยอมรับด้วยว่า แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนใจผู้บริหารไม่ให้เลิกจ้างได้ แต่อยากเห็นนายจ้างมีแนวทางในการช่วยเหลือบ้าง ไม่ใช่เป็นการลอยแพให้รับเงินแล้วต่างคนต่างไป เพราะบางคนที่ทำงานมานานมีความรัก ความผูกพันกับช่อง 3 และยังมีประสิทธิภาพในการทำงานยินยอมที่จะถูกเลิกจ้างเพื่อช่วยรักษาองค์กรไว้ แต่ถ้าหากในอนาคตจะมีการ หรือมีงานที่สามารถจ้างในลักษณะฟรีแลนซ์ ขอให้พิจารณาให้โอกาสพนักงานที่ถูกเลิกจ้างได้ทำงานก่อน พร้อมที่จะยอมรับเงินเดือนที่น้อยกว่าหรือค่าจ้างที่ไม่มีความแน่นอนได้ ขอเพียงให้มองเห็นช่องทางเป็นแสงสว่างให้กับชีวิตได้

สำหรับการเลิกจ้างครั้งนี้ มีการแจ้งให้พนักงานรับทราบถึง แพคเกจ เงินเลิกจ้างที่จะได้รับตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และการชดเชยจากกรณีคืนช่องดิจิตัลกับ กสทช.

“แพ็กเกจ”เงินที่จะได้รับดังนี้

1.พนักงานที่อายุงาน 1 ปี ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 2 เดือน ได้รับเงินชดเชยพิเศษ 1 เดือน รวมเป็น 3 เดือน

2.พนักงานอายุงาน 1ปี แต่ทำงานไม่ถึง 3 ปี ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 4 เดือน ได้รับเงินชดเชยพิเศษ 1.5 เดือน รวมเป็น 5.5 เดือน

3.พนักงานอายุงาน 3 ปี แต่ทำงานไม่ถึง 6 ปี ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 7เดือน ได้รับเงินชดเชยพิเศษ 3 เดือน รวมเป็น 10 เดือน

4. พนักงานอายุงาน 6 ปี แต่ทำงานไม่ถึง 10 ปี ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 9 เดือน ได้รับเงินชดเชยพิเศษ 4.5 เดือน รวมเป็น 13.5 เดือน

5.พนักงานอายุงาน 10 ปีแต่ทำงานไม่ถึง 20 ปี  ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 11 เดือน ได้รับเงินชดเชยพิเศษ 6 เดือน รวมเป็น 17 เดือน

6.พนักงานอายุงาน 20 ปีขึ้นไป ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน 14.33 เดือน ได้รับเงินชดเชยพิเศษ 6.5 เดือน รวมเป็น 20.83  เดือน

นอกจากนี้จะได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำหรับพนักงานอายุงาน 8 ปีขึ้นไป ที่มีเงินสะสมในส่วนนี้ รวมทั้งเงินประกันสังคม

โดยขั้นตอนหลังจากมีการเรียกพนักงานไปบอกเลิกจ้าง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคมทางช่อง 3 จะให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างมาเซ็นรับการเลิกจ้างในวันที่ 17 กรกฎาคมและวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งคนที่มีรายชื่อถูกเลิกจ้าง ก็ไม่สามารถปฏิเสธใดๆได้และยังไม่มีแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาอย่างอื่นนอกจากการเซ็นต์ ยินยอมเลิกจ้างเมื่อเซ็นต์แล้ว ต้องคืนบัตรพนักงาน และถือว่าสิ้นสภาพการเป็นพนักงานช่อง3 ทันที

ดูเผินๆเหมือนกับว่าการเลือกจ้างครั้งนี้ จ่ายสิทธิประโยชน์ให้อย่างเต็มที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีคำถามมากมายจากพนักงานช่อง 3 ที่ต้องการคำตอบ เพียงแต่วันนี้แม้หลายคนมีอาชีพตั้งคำถามแทนประชาชนมาครึ่งค่อนชีวิต แต่กลับไม่มีโอกาสถามเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง

ที่มา  : TheReporters เดอะรีพอร์ตเตอร์

https://www.facebook.com/2287975534786167/posts/2361031764147210?s=100001608098071&sfns=mo
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่