แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มักจะรำคาญเวลาเปิดเว็บไซต์แล้วดันมีโฆษณาเป็นป็อบอัพโผล่ขึ้นมาหลอกหลอนกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหลังจากที่ Google เคยได้ประกาศจะปิดกั้นโฆษณาที่ก่อความรำคาญให้กับผู้ใช้ ตามมาตรฐานของ
Coalition for Better Ads ที่เป็นมาตรฐานโฆษณาออนไลน์ที่ได้รับการยอมรับ ว่าจะเปิดใช้งานในเดือนกรกฎาคม ปี 2562 นี้ และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง Google ได้เริ่มแบนและกีดกันไม่ให้โฆษณารบกวนสายตาของผู้ใช้ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยการบล็อกโฆษณาดังกล่าวจะมีด้วยกัน 12 รูปแบบ ทั้งการแบนโฆษณาบน
Desktop และ บน
Mobile พวกเราลองมาลงลึกกันหน่อยดีกว่าว่ามีแบบไหนกันบ้าง
รูปแบบการแบนโฆษณาบน Desktop 4 แบบ
1. Pop-up Ads – โฆษณาป๊อปอัพ เป็นป๊อปอัพโฆษณาคั่นระหว่างหน้า ที่เด้งขึ้นมาในขณะที่เราเลื่อนดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ มันมาเป็นอันดับแรกๆ เลยที่สร้างความน่ารำคาญที่สุดสำหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์
2. Auto-playing Video Ads with Sound – โฆษณาวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติพร้อมเสียง เป็นโฆษณาวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติและเปิดเสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ใช้ โดยคนส่วนใหญ่จะรีบปิดมันลงอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดมัน
3. Prestitial Ads with Countdown – โฆษณาแบบนับถอยหลัง เป็นโฆษณาที่จะปรากฏขึ้นก่อนที่จะดูเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยมันจะบังคับให้ผู้ใช้รอมันนับถอยหลังก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถยกเลิกโฆษณาได้หรือโฆษณาไปปิดเอง
4. Large Sticky Ads – โฆษณาขนาดใหญ่ติดที่ขอบด้านล่างของหน้าเว็บไซต์ที่กินพื้นที่มากกว่า 30% ของหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด และมันสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะคลิ๊กไปดูหน้าอื่นแล้วก็ตาม
รูปแบบการแบนโฆษณาบน Mobile 8 แบบ
1. Pop-up Ads – โฆษณาป๊อปอัพ เป็นป๊อปอัพโฆษณาคั่นระหว่างหน้า ที่เด้งขึ้นมาในขณะที่เราเลื่อนดูเนื้อหาเว็บไซต์บนมือถือ มันมาเป็นอันดับแรกๆ เลยที่สร้างความน่ารำคาญที่สุดสำหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์
2. Prestitial Ads – เป็นโฆษณาแบบที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือก่อนที่จะเข้าไปดูเนื้อหาของเว็บไซต์ ปิดกั้นผู้ใช้ไม่ให้เห็นเนื้อหาโดยทันที โดยป๊อปอัปเหล่านี้มีขนาดที่แตกต่างกันออกไปทั้งแบบเต็มหน้าจอ หรือขนาดอื่นๆ
3. Ad Density Higher than 30% – เป็นโฆษณาที่กินพื้นที่มากกว่า 30% เมื่อเทียบกับเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์บนมือถือหรือมีความถี่ของโฆษณาสูง โดยจะพิจารณาโทษแบนจากความหนาแน่นของโฆษณาที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
4. Flashing Animated Ads – โฆษณาแบบเคลื่อนไหวไฟกระพริบ เป็นโฆษณาแบบที่มีพื้นหลังข้อความหรือสีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้ผู้ใช้เกิดความรำคาญ และสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้ขณะที่พวกเขากำลังอ่านเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์นั้นอยู่
5. Auto-playing Video Ads with Sound – โฆษณาวิดีโอเล่นอัตโนมัติพร้อมเสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้ใช้เปิดดูบนมือถือในที่สาธารณะ มันจะสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่นจนต้องรีบปิดมันลง
6. Postitial Ads with Countdown – โฆษณาแบบนับถอยหลัง เป็นโฆษณาที่จะปรากฏขึ้นขณะที่กำลังดูเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยมันจะบังคับให้ผู้ใช้รอมันนับถอยหลังก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถยกเลิกโฆษณาได้หรือโฆษณาไปปิดเอง
7. Full-screen Scrollover Ads –เป็นโฆษณาแบบเต็มหน้าจอที่บังคับให้ผู้ใช้ต้องเลื่อนดูโฆษณาที่ลอยอยู่ด้านหน้าของเนื้อหาโดยกินพื้นที่มากกว่า 30% ของหน้าเว็บไซต์ แถมยังบดบังสายตาเนื้อหาที่กำลังอ่านในขณะนั้น
8. Large Sticky Ads –โฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ด้านล่างของหน้าเว็บไซต์ที่กินพื้นที่มากกว่า 30% ของหน้าเว็บไซต์บนจอมือถือทั้งหมด และมันสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะคลิ๊กไปดูหน้าอื่นแล้วก็ตาม
โดยการแบนดังกล่าวได้มีผลกับเว็บไซต์ทั่วโลกแล้วหลังที่เคยเปิดใช้แค่ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งเว็บไซต์ใดที่แสดงโฆษณาแบบ 1 ใน 12 แบบนี้ ก็จะโดน Chrome แบน ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างประสบการณ์ในการเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง รวมไปถึงประสบการณ์การค้นหาข้อมูลที่ทำได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
ที่มา:
http://www.atimedesign.com/webdesign/chrome-autoblock-ads/
12 รูปแบบโฆษณาที่ไม่ผ่านเกณฑ์ Coalition for Better Ads เตรียมโดน Google แบน!
รูปแบบการแบนโฆษณาบน Desktop 4 แบบ
1. Pop-up Ads – โฆษณาป๊อปอัพ เป็นป๊อปอัพโฆษณาคั่นระหว่างหน้า ที่เด้งขึ้นมาในขณะที่เราเลื่อนดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ มันมาเป็นอันดับแรกๆ เลยที่สร้างความน่ารำคาญที่สุดสำหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์
2. Auto-playing Video Ads with Sound – โฆษณาวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติพร้อมเสียง เป็นโฆษณาวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติและเปิดเสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ใช้ โดยคนส่วนใหญ่จะรีบปิดมันลงอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดมัน
3. Prestitial Ads with Countdown – โฆษณาแบบนับถอยหลัง เป็นโฆษณาที่จะปรากฏขึ้นก่อนที่จะดูเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยมันจะบังคับให้ผู้ใช้รอมันนับถอยหลังก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถยกเลิกโฆษณาได้หรือโฆษณาไปปิดเอง
4. Large Sticky Ads – โฆษณาขนาดใหญ่ติดที่ขอบด้านล่างของหน้าเว็บไซต์ที่กินพื้นที่มากกว่า 30% ของหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด และมันสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะคลิ๊กไปดูหน้าอื่นแล้วก็ตาม
รูปแบบการแบนโฆษณาบน Mobile 8 แบบ
1. Pop-up Ads – โฆษณาป๊อปอัพ เป็นป๊อปอัพโฆษณาคั่นระหว่างหน้า ที่เด้งขึ้นมาในขณะที่เราเลื่อนดูเนื้อหาเว็บไซต์บนมือถือ มันมาเป็นอันดับแรกๆ เลยที่สร้างความน่ารำคาญที่สุดสำหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์
2. Prestitial Ads – เป็นโฆษณาแบบที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือก่อนที่จะเข้าไปดูเนื้อหาของเว็บไซต์ ปิดกั้นผู้ใช้ไม่ให้เห็นเนื้อหาโดยทันที โดยป๊อปอัปเหล่านี้มีขนาดที่แตกต่างกันออกไปทั้งแบบเต็มหน้าจอ หรือขนาดอื่นๆ
3. Ad Density Higher than 30% – เป็นโฆษณาที่กินพื้นที่มากกว่า 30% เมื่อเทียบกับเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์บนมือถือหรือมีความถี่ของโฆษณาสูง โดยจะพิจารณาโทษแบนจากความหนาแน่นของโฆษณาที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
4. Flashing Animated Ads – โฆษณาแบบเคลื่อนไหวไฟกระพริบ เป็นโฆษณาแบบที่มีพื้นหลังข้อความหรือสีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้ผู้ใช้เกิดความรำคาญ และสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้ขณะที่พวกเขากำลังอ่านเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์นั้นอยู่
5. Auto-playing Video Ads with Sound – โฆษณาวิดีโอเล่นอัตโนมัติพร้อมเสียงที่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้ใช้เปิดดูบนมือถือในที่สาธารณะ มันจะสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่นจนต้องรีบปิดมันลง
6. Postitial Ads with Countdown – โฆษณาแบบนับถอยหลัง เป็นโฆษณาที่จะปรากฏขึ้นขณะที่กำลังดูเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยมันจะบังคับให้ผู้ใช้รอมันนับถอยหลังก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถยกเลิกโฆษณาได้หรือโฆษณาไปปิดเอง
7. Full-screen Scrollover Ads –เป็นโฆษณาแบบเต็มหน้าจอที่บังคับให้ผู้ใช้ต้องเลื่อนดูโฆษณาที่ลอยอยู่ด้านหน้าของเนื้อหาโดยกินพื้นที่มากกว่า 30% ของหน้าเว็บไซต์ แถมยังบดบังสายตาเนื้อหาที่กำลังอ่านในขณะนั้น
8. Large Sticky Ads –โฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ด้านล่างของหน้าเว็บไซต์ที่กินพื้นที่มากกว่า 30% ของหน้าเว็บไซต์บนจอมือถือทั้งหมด และมันสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะคลิ๊กไปดูหน้าอื่นแล้วก็ตาม
โดยการแบนดังกล่าวได้มีผลกับเว็บไซต์ทั่วโลกแล้วหลังที่เคยเปิดใช้แค่ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งเว็บไซต์ใดที่แสดงโฆษณาแบบ 1 ใน 12 แบบนี้ ก็จะโดน Chrome แบน ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างประสบการณ์ในการเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง รวมไปถึงประสบการณ์การค้นหาข้อมูลที่ทำได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
ที่มา: http://www.atimedesign.com/webdesign/chrome-autoblock-ads/