พาร์ทสองนี้จะมาเล่าในส่วนของการแคสติ้งนักแสดงพากย์ , การแอนิเมชั่น และการทำเพลงของหนังในฉบับคร่าวๆ
* การแคสนักแสดงพากย์เสียงตัวละคร *
การคัดเลือกนักแสดงที่มาพากย์ตัวละครต่างๆ จะทำให้หนังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น อย่างเช่น การแคส James Earl Jones เจ้าของเสียง Darth Vader ในตำนาน มาพากย์เป็นมูฟาซา
เพราะเสียงของเขาทรงพลังและเหมือนกับเสียงคำรามของสิงโต เหมาะเจาะกับการเป็นเจ้าป่า
ในส่วนของ Nathan Lane เเรกเริ่มเขาแคสในบทของ ซาซู และ Ernie Sabella แรกเริ่มเขาแคสในบทหนึ่งในแก๊งค์ไฮยีนา พอถึงเวลาเข้าห้องอัดสองคนนี้ขอทดลองอัดเสียงพากย์ในบทไฮยีนาพร้อมกัน
ปรากฎว่าผู้กำกับชอบเคมีของสองคนนี้และขำกับการพากย์ของพวกเขา จึงตัดสินใจให้สองคนนี้ไปพากย์บททีโมนกับพุมบาแทนซะงั้น ส่วนบทเหล่าไฮยีน่า Cheech Marin ได้บทเป็นบันไซ ,
Whoopi Goldberg รับบทเป็น เซนซี่ และ Jim Cummings รับบทเจ้าเอ็ด (ตัวที่ไม่พูดอะไรสักอย่างนอกจากหัวเราะซะใจแบบได้อารมณ์มากกก 5555)
บทของซิมบ้าวัยหนุ่มตกเป็นของ Matthew Broderick , ในตอนแรก Tim Curry ได้รับการพิจารณาสำหรับบทของ สกา แต่ถัดมา Curry ดันไปติดเล่นหนังเรื่อง Home Alone 2
บทจึงตกเป็นของ Jeremy Irons (คนที่เล่นเป็นอัลเฟรดในแบทแมนเวอร์ชั่นหนังล่าสุดอ่ะ) แทน Irons ได้แรงบันดาลในการเล่นบท Claus von Blow ในหนังเรื่อง Reversal of Fortune นำมาใส่อารมณ์และบทพูดเล็กน้อยของสกาอีกด้วย
* แอนิเมชั่น *
- การพัฒนา The Lion King นั้นเกิดขึ้นใกล้เคียงกับหนังเรื่อง Pocahontas ซึ่ง Animators หรือนักออกแบบการสร้างภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว ของดิสนีย์เชื่อว่าสองเรื่องนี้จะโด่งดังอย่างมากแน่ๆ (ละมันก็ดังจริงๆทั้งคู่)
- นักออกแบบตัวการ์ตูน(Animators)คนสำคัญคือ Mark Henn ในการวาดเจ้า ซิมบ้าในวัยเด็ก ,
Ruben A. Aquino รับผิดชอบ ซิมบ้าในวัยหนุ่ม
Andreas Deja ผู้วาด สการ์
Aaron Blaise ผู้วาด นาลาในวัยเด็ก
Anthony DeRosa ผู้วาด นาลาในวัยสาว
และ Tony Fucile ผู้วาด Mufasa
- ในช่วง 20 นาทีแรกของหนัง รวมถึงฉากเพลง "I Just Can't Wait to Be King" สถานที่การทำฉากนี้คือ Disney-MGM สตูดิโอ
- มีศิลปินกว่า 600 คน รวมถึง animators และช่างเทคนิคต่างๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานชินนี้
- กว่า 1 ล้านภาพวาดที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับหนังเรื่องนี้ รวมถึงพื้นหลังที่วาดด้วยมือกว่า 1,197 รูป และ 119,058 colored frames ของหนัง
- ในสัปดาห์ก่อนที่หนังจะฉาย เกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหวขึ้นทำให้ต้องมีการปิดสตูดิโอที่ทำงาน และส่งผลให้เหล่า animators ต้องทำงานที่บ้านแทน
- นี่คือแอนิเมชั่นของดิสนี่ย์เรื่องที่ 3 ที่ในหนังนำเสนอแต่สัตว์ล้วนๆ ไม่มีคนประกอบ
- เหล่า animators ยังได้ไปสัมผัสกับสัตว์จริงๆ ที่สวนสัตว์ไมอามี่เพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวของเหล่าสัตว์
รวมถึงยังได้ Jim Fowler ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าที่มีชื่อเสียงมากมาให้คำแนะนำถึงสตูดิโอ
- Kenyan national park เป็นโมเดลของการสร้าง the Pride Lands หรือ ป่าผาทรนง
- ฉากที่วิลเดอบีสต์แตกตื่นและทำให้ซิมบ้าต้องหนีออกจากบ้านเกิดนั้น ใช้เวลาทำกว่า 3 ปี เพราะการสร้างเทคนิคที่ค่อนข้างซับซ้อนและเพื่อที่จะได้ภาพหลากหลายมุมที่แตกต่างกัน
* ดนตรีของหนัง *
- Tim Rice เคยทำงานร่วมกับ Alan Menken ใน Aladdin มาก่อน จึงเชิญชวนมาทำเพลงใน The Lion King กันอีกรอบ แต่ Menken แกไม่ว่าง คนที่ร่วมงานกลายมาเป็น Elton John
- Rice กับ John เขียนร่วมกันทั้ง 5 เพลง "Circle of Life", "I Just Can't Wait to Be King", "Be Prepared", "Hakuna Matata" และ "Can You Feel the Love Tonight"
แถม Elton John ยังขอ perfomance ด้วยตนเองในเพลง Can You Fell the Love Toning ซึ่งได้เปิดในช่วงของเอนด์เครดิตหนัง
- ซาวด์ประกอบนั้นได้ Hans Zimmer มาทำ เพราะแกเคยทำประกอบหนังที่เกี่ยวกับแอฟริกันอย่างเรื่อง The Power of One และ A World Apart เพราะฉะนั้นจะหาคนเหมาะเจาะแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนอกจากแกและยังได้ Lebohang Morake มาเสริมในเรื่องของดนตรีแนวแอฟริกันที่จะเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับหนังมากขึ้น Zimmer ได้ผู้ช่วย Mark Mancina กับ Jay Rifkin ในการ arragement ด้วย
- The Lion King ได้ทำเพลงและซาวน์แทรควางขายในวันที่ 27 เมษายน ปี 1994 ซึ่งขายดีจนติดอันดับ 4 ของ Billboard ในปีนั้น และยังได้ Certifications ระดับ
Platinum,Gold,Diamond จากหลากหลายประเทศ
เข้าชิงรางวัลต่างๆจาก 3 งานประกาศใหญ่ๆ 1.ออสการ์ 2.ลูกโลกทองคำ 3.แกรมมี่ อวอร์ด และได้รางวัล 8 ครั้งด้วยกัน (รายละเอียดรางวัลไหนนั้นจะมาเขียนต่อในพาร์ทหน้า)
นี่คือเรื่องราวคร่าวๆที่อยากนำเสนอกัน ใครมีอะไรเสริมเพิ่มเติมได้เลย สำหรับพาร์ทต่อไปจะเป็นพาร์ทสุดท้าย เล่าเรื่องของตอนที่หนังออกฉาย กระแสนักวิจารณ์ และการประสบสำเร็จอย่างล้นหล่าม จนถึงการได้มาสร้างเป็น Live-Action ในปี 2019 นี้
(source : wikipedia , imdb)
โพส : https://www.facebook.com/Dektitnung/posts/2440828472647840
ติดตามเราได้ที่แฟนเพจเด็กติดหนัง : https://www.facebook.com/Dektitnung
ทวิตเตอร์เด็กติดหนัง : https://twitter.com/dektitnang
The Lion King Story Part Two การแคสนักแสดง / การทำแอนิเมชั่น / การทำเพลง
พาร์ทแรกเล่าไปในเรื่องของช่วง production ของหนังไป แล้ว ใครยังไม่ได้อ่านตามไปตำกันได้ >> https://ppantip.com/topic/39055087
เพราะเสียงของเขาทรงพลังและเหมือนกับเสียงคำรามของสิงโต เหมาะเจาะกับการเป็นเจ้าป่า
ในส่วนของ Nathan Lane เเรกเริ่มเขาแคสในบทของ ซาซู และ Ernie Sabella แรกเริ่มเขาแคสในบทหนึ่งในแก๊งค์ไฮยีนา พอถึงเวลาเข้าห้องอัดสองคนนี้ขอทดลองอัดเสียงพากย์ในบทไฮยีนาพร้อมกัน
ปรากฎว่าผู้กำกับชอบเคมีของสองคนนี้และขำกับการพากย์ของพวกเขา จึงตัดสินใจให้สองคนนี้ไปพากย์บททีโมนกับพุมบาแทนซะงั้น ส่วนบทเหล่าไฮยีน่า Cheech Marin ได้บทเป็นบันไซ ,
Whoopi Goldberg รับบทเป็น เซนซี่ และ Jim Cummings รับบทเจ้าเอ็ด (ตัวที่ไม่พูดอะไรสักอย่างนอกจากหัวเราะซะใจแบบได้อารมณ์มากกก 5555)
บทของซิมบ้าวัยหนุ่มตกเป็นของ Matthew Broderick , ในตอนแรก Tim Curry ได้รับการพิจารณาสำหรับบทของ สกา แต่ถัดมา Curry ดันไปติดเล่นหนังเรื่อง Home Alone 2
บทจึงตกเป็นของ Jeremy Irons (คนที่เล่นเป็นอัลเฟรดในแบทแมนเวอร์ชั่นหนังล่าสุดอ่ะ) แทน Irons ได้แรงบันดาลในการเล่นบท Claus von Blow ในหนังเรื่อง Reversal of Fortune นำมาใส่อารมณ์และบทพูดเล็กน้อยของสกาอีกด้วย
- นักออกแบบตัวการ์ตูน(Animators)คนสำคัญคือ Mark Henn ในการวาดเจ้า ซิมบ้าในวัยเด็ก ,
Ruben A. Aquino รับผิดชอบ ซิมบ้าในวัยหนุ่ม
Andreas Deja ผู้วาด สการ์
Aaron Blaise ผู้วาด นาลาในวัยเด็ก
Anthony DeRosa ผู้วาด นาลาในวัยสาว
และ Tony Fucile ผู้วาด Mufasa
- ในช่วง 20 นาทีแรกของหนัง รวมถึงฉากเพลง "I Just Can't Wait to Be King" สถานที่การทำฉากนี้คือ Disney-MGM สตูดิโอ
- มีศิลปินกว่า 600 คน รวมถึง animators และช่างเทคนิคต่างๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานชินนี้
- กว่า 1 ล้านภาพวาดที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับหนังเรื่องนี้ รวมถึงพื้นหลังที่วาดด้วยมือกว่า 1,197 รูป และ 119,058 colored frames ของหนัง
- ในสัปดาห์ก่อนที่หนังจะฉาย เกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหวขึ้นทำให้ต้องมีการปิดสตูดิโอที่ทำงาน และส่งผลให้เหล่า animators ต้องทำงานที่บ้านแทน
- นี่คือแอนิเมชั่นของดิสนี่ย์เรื่องที่ 3 ที่ในหนังนำเสนอแต่สัตว์ล้วนๆ ไม่มีคนประกอบ
- เหล่า animators ยังได้ไปสัมผัสกับสัตว์จริงๆ ที่สวนสัตว์ไมอามี่เพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวของเหล่าสัตว์
รวมถึงยังได้ Jim Fowler ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าที่มีชื่อเสียงมากมาให้คำแนะนำถึงสตูดิโอ
- Kenyan national park เป็นโมเดลของการสร้าง the Pride Lands หรือ ป่าผาทรนง
- ฉากที่วิลเดอบีสต์แตกตื่นและทำให้ซิมบ้าต้องหนีออกจากบ้านเกิดนั้น ใช้เวลาทำกว่า 3 ปี เพราะการสร้างเทคนิคที่ค่อนข้างซับซ้อนและเพื่อที่จะได้ภาพหลากหลายมุมที่แตกต่างกัน
- Rice กับ John เขียนร่วมกันทั้ง 5 เพลง "Circle of Life", "I Just Can't Wait to Be King", "Be Prepared", "Hakuna Matata" และ "Can You Feel the Love Tonight"
แถม Elton John ยังขอ perfomance ด้วยตนเองในเพลง Can You Fell the Love Toning ซึ่งได้เปิดในช่วงของเอนด์เครดิตหนัง
- ซาวด์ประกอบนั้นได้ Hans Zimmer มาทำ เพราะแกเคยทำประกอบหนังที่เกี่ยวกับแอฟริกันอย่างเรื่อง The Power of One และ A World Apart เพราะฉะนั้นจะหาคนเหมาะเจาะแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนอกจากแกและยังได้ Lebohang Morake มาเสริมในเรื่องของดนตรีแนวแอฟริกันที่จะเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับหนังมากขึ้น Zimmer ได้ผู้ช่วย Mark Mancina กับ Jay Rifkin ในการ arragement ด้วย
- The Lion King ได้ทำเพลงและซาวน์แทรควางขายในวันที่ 27 เมษายน ปี 1994 ซึ่งขายดีจนติดอันดับ 4 ของ Billboard ในปีนั้น และยังได้ Certifications ระดับ
Platinum,Gold,Diamond จากหลากหลายประเทศ
เข้าชิงรางวัลต่างๆจาก 3 งานประกาศใหญ่ๆ 1.ออสการ์ 2.ลูกโลกทองคำ 3.แกรมมี่ อวอร์ด และได้รางวัล 8 ครั้งด้วยกัน (รายละเอียดรางวัลไหนนั้นจะมาเขียนต่อในพาร์ทหน้า)
นี่คือเรื่องราวคร่าวๆที่อยากนำเสนอกัน ใครมีอะไรเสริมเพิ่มเติมได้เลย สำหรับพาร์ทต่อไปจะเป็นพาร์ทสุดท้าย เล่าเรื่องของตอนที่หนังออกฉาย กระแสนักวิจารณ์ และการประสบสำเร็จอย่างล้นหล่าม จนถึงการได้มาสร้างเป็น Live-Action ในปี 2019 นี้
(source : wikipedia , imdb)
โพส : https://www.facebook.com/Dektitnung/posts/2440828472647840
ติดตามเราได้ที่แฟนเพจเด็กติดหนัง : https://www.facebook.com/Dektitnung
ทวิตเตอร์เด็กติดหนัง : https://twitter.com/dektitnang