คะแนน IMDb ปัจจุบัน: 8.4/10
ผู้กำกับ: Andrew Stanton
สตูดิโอ: Pixar Animation Studios / Walt Disney Pictures
เสียงพากย์โดย: Ben Burtt, Elissa Knight, Jeff Garlin
🌍
เรื่องย่อ
"WALL·E" เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันไซไฟที่เล่าเรื่องในโลกอนาคต เมื่อมนุษย์ละทิ้งโลกไปอาศัยอยู่บนยานอวกาศยักษ์ เนื่องจากโลกถูกปกคลุมด้วยขยะล้นปริมาณและไร้สิ่งมีชีวิต
WALL·E (Waste Allocation Load Lifter – Earth-Class) คือหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายที่ยังคงทำหน้าที่เก็บขยะอยู่เพียงลำพังบนโลก เขาใช้ชีวิตซ้ำซากแต่มีความอยากรู้อยากเห็น และค่อย ๆ เก็บของแปลก ๆ ที่เจอไว้ใน "บ้าน" ของตัวเอง
วันหนึ่ง เขาได้พบกับหุ่นยนต์สาวสุดล้ำจากยานอวกาศชื่อ
EVE ที่ลงมาเพื่อภารกิจสำรวจ และการพบกันครั้งนี้ ได้เปลี่ยนชีวิตของ WALL·E ไปตลอดกาล พร้อมจุดประกายความหวังให้มนุษยชาติได้กลับบ้านอีกครั้ง...
🎞
รีวิวหลังรับชม
✅
จุดเด่นของภาพยนตร์
เล่าเรื่องแบบ “ไร้บทพูดยาว” แต่เข้าใจและซึ้งได้สุดหัวใจ
ครึ่งเรื่องแรกของ WALL·E แทบไม่มีบทสนทนา แต่งานภาพและเสียงทำหน้าที่แทนได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งอารมณ์ขัน ความเหงา และความอบอุ่นที่เกิดจากหุ่นยนต์ไร้เสียงพูด
แอนิเมชันสุดประณีตและทรงพลัง
Pixar ทำให้โลกที่ว่างเปล่าและแห้งแล้ง กลายเป็นภาพที่งดงาม น่าจดจำ และเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ซ่อนความหมายเอาไว้มากมาย
ธีมเรื่องที่ลึกซึ้งและสะท้อนสังคมจริง
WALL·E ไม่ใช่แค่หนังน่ารักสำหรับเด็ก แต่มันพูดถึง
ผลกระทบของขยะ, การบริโภคแบบเกินตัว, ความเกียจคร้านของมนุษย์, และ
ความหวังในการฟื้นฟูโลก ได้อย่างลึกซึ้งและแทงใจ
ความรักแบบเรียบง่ายแต่ “จริงใจที่สุด”
ความสัมพันธ์ระหว่าง WALL·E และ EVE คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้อบอุ่นหัวใจ เป็นความรักที่ไม่ต้องมีคำพูด แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย เสียสละ และการเติบโตไปพร้อมกัน
ซาวด์ดีไซน์และดนตรีประกอบทรงพลัง
เสียงของ WALL·E ที่สร้างโดย Ben Burtt (เจ้าพ่อเสียงของ R2-D2 จาก Star Wars) มีคาแรกเตอร์ชัดมาก และเพลง
“Define Dancing” รวมถึงธีมหลักก็อบอุ่นและไพเราะสุด ๆ
❌
จุดที่อาจเป็นข้อเสีย
โทนหนังอาจช้าในช่วงแรกสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม
ด้วยความที่ไม่มีบทพูดและใช้ภาพเล่าเรื่อง บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อหาเดินช้าเกินไป
ภาคท้ายเปลี่ยนโทนจากโรแมนติก-เงียบสงบเป็นแอ็กชันเร็ว ๆ
บางคนอาจรู้สึกว่าครึ่งหลังที่ขึ้นยานแม่เปลี่ยนอารมณ์เร็วและมีความแฟนตาซีมากขึ้น จนไม่ลื่นไหลกับครึ่งแรก
🏆
สรุป
"WALL·E" คือหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชันที่
สมบูรณ์แบบทั้งภาพ เสียง เนื้อหา และหัวใจ มันทำให้เราตกหลุมรักหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ ที่มีจิตใจยิ่งใหญ่ และเชื่อมั่นในความหวังที่มนุษย์แทบจะลืมไปแล้ว
เป็นหนังที่ดูได้ทุกวัย ทุกยุค และ
จะยังคงทรงพลังแม้เวลาจะผ่านไปอีกนานแค่ไหนก็ตาม
คะแนน: 8.5/10 ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐
รีวิวภาพยนตร์ "WALL·E" (2008) – หุ่นน้อยผู้เก็บความหวังไว้กลางซากโลก
คะแนน IMDb ปัจจุบัน: 8.4/10
ผู้กำกับ: Andrew Stanton
สตูดิโอ: Pixar Animation Studios / Walt Disney Pictures
เสียงพากย์โดย: Ben Burtt, Elissa Knight, Jeff Garlin
🌍 เรื่องย่อ
"WALL·E" เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันไซไฟที่เล่าเรื่องในโลกอนาคต เมื่อมนุษย์ละทิ้งโลกไปอาศัยอยู่บนยานอวกาศยักษ์ เนื่องจากโลกถูกปกคลุมด้วยขยะล้นปริมาณและไร้สิ่งมีชีวิต
WALL·E (Waste Allocation Load Lifter – Earth-Class) คือหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายที่ยังคงทำหน้าที่เก็บขยะอยู่เพียงลำพังบนโลก เขาใช้ชีวิตซ้ำซากแต่มีความอยากรู้อยากเห็น และค่อย ๆ เก็บของแปลก ๆ ที่เจอไว้ใน "บ้าน" ของตัวเอง
วันหนึ่ง เขาได้พบกับหุ่นยนต์สาวสุดล้ำจากยานอวกาศชื่อ EVE ที่ลงมาเพื่อภารกิจสำรวจ และการพบกันครั้งนี้ ได้เปลี่ยนชีวิตของ WALL·E ไปตลอดกาล พร้อมจุดประกายความหวังให้มนุษยชาติได้กลับบ้านอีกครั้ง...
🎞 รีวิวหลังรับชม
✅ จุดเด่นของภาพยนตร์
เล่าเรื่องแบบ “ไร้บทพูดยาว” แต่เข้าใจและซึ้งได้สุดหัวใจ
ครึ่งเรื่องแรกของ WALL·E แทบไม่มีบทสนทนา แต่งานภาพและเสียงทำหน้าที่แทนได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งอารมณ์ขัน ความเหงา และความอบอุ่นที่เกิดจากหุ่นยนต์ไร้เสียงพูด
แอนิเมชันสุดประณีตและทรงพลัง
Pixar ทำให้โลกที่ว่างเปล่าและแห้งแล้ง กลายเป็นภาพที่งดงาม น่าจดจำ และเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ซ่อนความหมายเอาไว้มากมาย
ธีมเรื่องที่ลึกซึ้งและสะท้อนสังคมจริง
WALL·E ไม่ใช่แค่หนังน่ารักสำหรับเด็ก แต่มันพูดถึง ผลกระทบของขยะ, การบริโภคแบบเกินตัว, ความเกียจคร้านของมนุษย์, และ ความหวังในการฟื้นฟูโลก ได้อย่างลึกซึ้งและแทงใจ
ความรักแบบเรียบง่ายแต่ “จริงใจที่สุด”
ความสัมพันธ์ระหว่าง WALL·E และ EVE คือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้อบอุ่นหัวใจ เป็นความรักที่ไม่ต้องมีคำพูด แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย เสียสละ และการเติบโตไปพร้อมกัน
ซาวด์ดีไซน์และดนตรีประกอบทรงพลัง
เสียงของ WALL·E ที่สร้างโดย Ben Burtt (เจ้าพ่อเสียงของ R2-D2 จาก Star Wars) มีคาแรกเตอร์ชัดมาก และเพลง “Define Dancing” รวมถึงธีมหลักก็อบอุ่นและไพเราะสุด ๆ
❌ จุดที่อาจเป็นข้อเสีย
โทนหนังอาจช้าในช่วงแรกสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม
ด้วยความที่ไม่มีบทพูดและใช้ภาพเล่าเรื่อง บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อหาเดินช้าเกินไป
ภาคท้ายเปลี่ยนโทนจากโรแมนติก-เงียบสงบเป็นแอ็กชันเร็ว ๆ
บางคนอาจรู้สึกว่าครึ่งหลังที่ขึ้นยานแม่เปลี่ยนอารมณ์เร็วและมีความแฟนตาซีมากขึ้น จนไม่ลื่นไหลกับครึ่งแรก
🏆 สรุป
"WALL·E" คือหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชันที่ สมบูรณ์แบบทั้งภาพ เสียง เนื้อหา และหัวใจ มันทำให้เราตกหลุมรักหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ ที่มีจิตใจยิ่งใหญ่ และเชื่อมั่นในความหวังที่มนุษย์แทบจะลืมไปแล้ว
เป็นหนังที่ดูได้ทุกวัย ทุกยุค และ จะยังคงทรงพลังแม้เวลาจะผ่านไปอีกนานแค่ไหนก็ตาม
คะแนน: 8.5/10 ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐