นางฟ้ามือใหม่ ตอน สัมภาษณ์ยังไงให้ได้ติดปีก (ปีกเคบาย่า2019)

กระทู้สนทนา
สวัสดีคะเพื่อนๆทู้กคน เราตั้งใจตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อจะบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวตั้งแต่ก่อนติดปีก>>>การเตรียมตัวก่อนไปบิน>>>ช่วงเทรน>>>แล้วตอนก็บินจริง (อย่างละเอียดยิบ ยาวหน่อยน้าาา)ให้เพื่อนๆที่สนใจในอาชีพนี้ได้อ่านเอาไว้เป็นแนวทางนะคะ จะได้รู้ว่า "ถ้าเราจะทำอาชีพแอร์เนี่ยเราต้องเจอกับอะไรบ้างนะคะ" ปะคะเริ่มกันเล๊ย!!! 

พาพันชอบ
ก่อนอื่นแนะนำตัวกันก่อนโน๊ะ!! เราไม่ได้จบโรงเรียนหรือมหาลัยอินเตอร์ ไม่ได้มีทักษะแต่งหน้าทำผมมือโปรอะไร แล้วก็ไม่ได้เรียนติวจากสถาบันใดๆก่อนสมัครเลยนะคะ เรามีเวลาเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์ประมาณ 1 สัปดาห์ เราไม่เคยสมัครสายการบินที่ไหนมาก่อน สมัครแค่สายการบินสิงค์สายเดียว ครั้งเดียว เเล้วก็ติดเลย มาติดตามกันเลยคะว่าเรามีการเตรียมตัวยังไง

เริ่มแรกเลยนะคะ เราก็ทำการกรอกใบสมัครออนไลน์ก่อน (เราสมัครออนไลน์ 12 ธ.ค.2018)
ขั้นตอนนี้ง่ายๆคะ ก็กรอกๆไปเรื่อยๆ มีการถามข้อมูลพื้นฐาน มีให้อัพ CV ด้วยนะคะ หลังจากกด SUBMIT เรียบร้อยก็นอนรอสวยๆไปคะ 
ส่วนมากทุกคนก็ผ่านนะคะ ถ้าไม่ไปกรอกอะไรแผงๆ 

หลังจากนั้น วันที่ 2ม.ค.2019 ทางสายการบินก็ส่งอีเมล์มาระบุวันเวลาสถานที่สัมภาษณ์ไว้นะคะ พร้อมทั้งเอกสารต่างๆที่เราต้องทำไปด้วยในวันสัมภาษณ์ เราได้สัมภาษณ์วันที่ 13 ม.ค.2019 เวลา 8:30น. ที่Anantara Siam Bangkok Hotel คะ 
หลังจากได้เมล์วันนัดสัมภาษณ์เรียบร้อย เราก็ทำการหาข้อมูลเลยคะว่า เขาต้องถ่ายรูปกันที่ไหน แต่ตัวยังไง ทำผมยังไง แนวคำถามจะประมาณไหน แต่ละด่านเป็นยังไง 

 13 ม.ค.2019 เราตื่น 6:00น. อาบน้ำแต่งหน้าเอง ส่วนผมนั้นเกินความสามารถคะเพราะตอนนั้นผมสั้นเลยนัดป้าร้านทำผมในซอย ให้ป้าทำผมให้คะ 
ส่วนชุดเรา เช่าเอาที่ร้านที่ไปถ่ายรูปคะในราคา800-900บาท สาเหตุที่แต่งหน้าเองมีเหตุผลหลักๆแค่ 2 อย่าง คือ ขี้เกียจตื่นเช้าเพื่อไปที่ร้าน และ มันแพ๊ง!! 
หน้าพร้อม! ผมพร้อม! เอกสารพร้อม! TAXIพร้อม! ก็ลุยกันเลยคะ!

เรามาถึงโรงแรมประมาณ7โมงนิดๆ ก็นั่งรอข้างล่างตรง Lobbyโรงเเรม (เขาจะมีห้องรับรองไว้ให้นะคะ ก็ไปรอที่ห้องนั้นคะ) มีน้ำ ขนมปัง ขาย ใครหิวก็ซื้อมาฟาดกันได้ตามใจชอบ จังหวะนี้อยากให้เพื่อนๆ ทำความรู้จักกันไว้ก่อนนะคะ เผื่อว่าได้สัมภาษณ์กลุ่มเดียวกันจะได้ไม่เกร็ง แล้วก็ตั้งสติเอาไว้นะคะ
อย่าไปหวั่นคะ อย่าไปคิดว่า"เหยแกกก คนนั้นเคยทำสายการบินนั่นนี่นู่นมาก่อน คนนี้จบอินเตอร์เมืองนอก ติวกับสถาบันนู่นนั่นนี่มา" สตรองไว้คะ! มีสติ
เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์ จะมีคนมาตามให้เราเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อตรวจเอกสารและทำขั้นตอนต่อๆไปคะ เพื่อนๆไม่ต้องกังวลใจนะคะว่าจะไปไม่ถูก ทำไม่ถูก เพราะทุกขั้นตอนมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล คอยบอกตลอดคะ 


1. ตรวจเอกสาร
อันนี้ขอย้ำนะคะเพื่อนๆ มันดูเหมือนเป็นเรื่องๆง่ายๆ แต่มีคนไม่ได้เข้าสัมภาษณ์เพราะเอกสารไม่พร้อมหลายคนนะคะ 
ขอให้ทุกคนตรวจทานเอกสารตัวเองให้ดีก่อนไปสัมภาษณ์

***Tipส่วนตัวคือตรวจเอกสารให้เรียบร้อยก่อนนอน ตอนเช้าจะได้ไม่รีบ ไม่ลืมนะจ๊ะ 

หลังตรวจเอกสารผ่านเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินสวยๆเรียงตัวกันไปเซ็นต์ชื่อรับหมายเลขแปะเสื้อกันคะ โดยสติ๊กเกอร์หมายเลขที่ได้รับมาแปะบนเสื้อ กับหมายเลขบนเอกสารเราจะเป็นเลขเดียวกันคะ ย้ำอีกครั้งนะคะตรวจทานทุกอย่างให้ละเอียด ไม่ต้องรีบคะ เขียนทุกอย่างด้วยลายมือที่อ่านง่าย เพื่อผลประโยชน์ตัวเราเองนะจ๊ะ


2. ด่านแรก
การสัมภาษณ์ด่านแรกนั้นจะเข้าไปพร้อมกัน10คนคะ กรรมการ2คน นั่งเป็นตัวยูหันหน้าเข้าหากรรมการ กรรมการถามคำถามเดียวแล้วให้ตอบทีละคนเป็นเวลา1นาที เริ่มจากฝั่งไหน อันนี้เเล้วแต่แต้มบุญที่มีนะจ๊ะ
ตอนนั้นของเรากรรมการเป็นผู้ชายทั้ง2คน คำถามที่ได้คือ "ชอบช่วงเวลาไหนของวันมากที่สุด พร้อมอธิบายเหตุผล"
เรา(ในใจ): โอ๊ยตายงานเข้า! คำถามเน้เจ้ไม่ได้เตรียมคำตอบมาอะฮือออTT คือมันเหมือนจะเป็นคำถามง่ายๆแต่เมื่อบวกกับตื่นเต้น ห้องเย็น 
เราก็จะมีอาการที่เราเรียก(เอาเอง)ว่า "อาการโง่เฉียบพลัน"คะ

***Tip ถ้าใครมีอาการแบบเรา ให้ใจเย็นๆคะ อย่ากลัว ฟังเพื่อน แล้วค่อยตอบด้วยความมั่นใจ ยิ้มเยอะๆ สนใจฟังเพื่อนคนอื่นด้วยนะคะ
  
คำตอบของเพื่อนๆที่ผ่านรอบนี้ก็จะมี
- ชอบตอนเช้าที่สุด เพราะเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ รู้สึกว่าเราจะได้ทำอะไรใหม่ๆ อะว่ากันไป 
- บางคนชอบตอนเที่ยงเพราะenjoy eating enjoyเพื่อนฝูง บลาๆๆ
เราตอบกรรมการไปว่า: เราชอบตอนเย็น เพราะเป็นเวลาเดียวที่จะได้อยู่กับครอบครัวจริงๆ ได้ทานอาหารเย็นร่วมกันถามไถ่ชีวิตกัน เป็นเวลาที่ทุกคนไม่สนใจหน้าจอมือถือ อะร่ายไป 
หลังจากนั้นก็ออกมารอหน้าห้องนะคะ แล้วประมาณ5นาที กรรมการจะเอาเอกสารมาให้กับเจ้าหน้าที่หน้าห้อง กรรมการจะเรียกหมายเลขคนที่ผ่าน จากนั้นก็เดินต่อไปอีกห้องนึงคะ
รอบของเราตอนนั้นผ่าน8จาก 10 ถือว่าเยอะมเลยทีเดียวคะ 


3.ด่านที่สอง ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เอื้อมแตะ 

4.ด่านที่สาม
รอบที่กลุ่มเราเหลือ 7 คน จาก 10คน เพราะมีคนนึงเอื้อมแตะไม่ถึงคะ เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องในด่านนี้ เราจะเจอเพื่อนๆจากกลุ่มก่อนหน้าที่นั่งรออยู่ เราก็เข้าไปนั่งให้ครบ 6 คน 

****Tip ระหว่างรอเขาเรียกไปสัมภาษณ์ก็เม้ามอยทำความรู้จักเพื่อนๆเอาไว้ก่อนนะคะ เพราะเมื่อถึงเวลาจริงเขาให้เวลาเพียง1นาทีเพื่อทำความรู้จักเพื่อน ซึ่งมันไม่พอ!

ด่านนี้จากที่เท่าที่หาข้อมูลมาจากเวปบอร์ดทั่วไปมีสองข้อมูลคะ คือ 1.เข้าไปพร้อมกัน6คน แล้วแบ่งเป็น2กลุ่มย่อย กลุ่มละ 3 เพื่อDebate หัวข้อที่เขาให้มา และ 2. เข้าไปพร้อมกัน 6 คน แล้วจับคู่กับเพื่อนข้างๆ ให้เวลา1นาทีทำความรู้จักเพื่อน แล้วให้เราแนะนำเพื่อนให้กรรมการฟังคะเป็นเวลา 1 นาที เช่นเดิมของเราได้แบบที่ 2 คือแนะนำเพื่อนคะ หลังจากนั้นกรรมการจะถามคำถามเพิ่มอีกคนละ1คำถาม แต่ด่านนี้คำถามแต่ละคนจะไม่เหมือนกันนะคะ
ด่านนี้กลุ่มเราผ่าน 2 คนคะ (บางกลุ่มผ่าน 1 บางกลุ่มผ่าน 3 แล้วแต่กรรมการนะคะ) 

***Tip2 (อันนี้เราคิดเองนะคะ อย่าดราม่ากันนะPleaseee) เราคิดว่าการแนะนำคนๆนึง นอกจากจะแนะนำข้อมูลพื้นฐาน(เช่น จบที่ไหนมา บ้านอยู่ไหน ตอนเรียนเคยทำกิจกรรมอะไรมา นู่นนี่ อะไรที่มันถามเอาเเล้วได้คำตอบอะแกรรร งงมะฮ่าาาา) เราแนะนำว่าให้นำสิ่งที่เพื่อนบอกมาแต่งเติมความรู้สึกลงไป เช่น เพื่อนบอกเราว่า "เพื่อนเคยทำกิจกรรมนี่นั่นโน่นมา เราก็อาจจะพูดต่อว่า แปลว่าเพื่อนเป็นคนอัธยาศัยดีเป็นได้ทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดี  organize งานเก่งมีระบบ เพื่อนเลยทำงานออกมาได้สำเร็จ" เรารู้สึกว่าคำตอบแบบนี้แสดงถึงว่าเราใส่ใจในตัวบุคคลๆนั้นจริงๆ ไม่ใช่เเค่ทำหน้าที่ตามที่เค้าสั่งเเล้วจบกันไป 

คำตอบจริงของเรา: เพื่อนชื่อ(ชื่อเล่น) จบจาก(ชื่อมหาลัย) เคยทำกิจกรรม(ว่าไปคะ) แปลว่าเพื่อนเป็น people person เราสองคนเข้ากันได้ดี(ตะกี้นี้)เพราะเพื่อนเป็นคนที่อัธยาศัยดีมาก แล้วสิ่งนึงที่ฉันประทับใจในเพื่อนคนนี้มากคือ ตะกี้นั่งหน้าห้องเพื่อนถามว่ากินข้าวเช้ามาแล้วยัง เรารู้สึกว่า เพื่อนเป็นคนที่แคร์คนรอบข้าง (นี่ สวยไหมหละ!) เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่าถ้ารับเพื่อนคนนี้ทำงาน ผู้โดยจะต้องประทับใจชัวร์! จบ!คะ 

***Tip3  ตอนตอบคำถามหากจำข้อมูลเพื่อนไม่ได้ก็make เอาเลยคะ กรรมการไม่สนใจ Fact หรอกคะ เขาแค่จะดูว่าเรามีวิธีพรีเซนต์เพื่อนยังไงต่างหาก

คำถามเดี่ยวที่ได้คือ: ถ้ากรรมการต้องการเลี้ยงสัตว์ จะแนะนำให้เขาเลี้ยงอะไร
ตอบ: ต้องดูก่อนว่ากรรมการมีเวลาว่างมากน้อยแค่ไหน ถ้าเวลาน้อยก็ปลา เวลามากก็หมาแมวคะ เพราะหมาแมวต้องใช้เวลาดูแลมากกว่า 
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเราก็ออกมานั่งรอฟังผลหน้าห้องตามเดิม แต่ด่านนี้กรรมการจะคิดหนัก ใช้เวลานานกว่าด่านแรกนิดนึงคะ

5.ด่านที่สี่
สัมภาษณ์เดี่ยว อันนี้ไม่ต้องเครียดคะ กรรมการใจดี ถามเรื่องทั่วๆไป ถามทัศนคติของเรา
***Tip ด่านนี้ไม่ต้องกังวลอะไรเลยคะไม่น่ากลัวเท่าด่านแรกๆ ตอบอย่างเป็นธรรมชาติและเป็นตัวเรา และเหมือนเดิมคะมั่นใจเข้าไว้ ยิ้มเยอะๆ

6.ด่านที่ห้า (ด่านสุดท้าย)
ด่านสุดท้าย เราก็ไปลองชุดกันคะ ตรวจผิวแผลปงแผลเป็น ตรวจหลัง(อันนี้ไม่รู้เพื่ออะไรนะคะ) เเล้วก็เดินให้กรรมการดูสวยๆ 

จบกลับบ้านได้คะ! กระบวนการสัมภาษณ์ของสายนี้ไวมากคะ เราสัมภาษณ์เสร็จทุกกระบวนการเวลาประมาณ 11โมงนิดๆ 
****************ขอบคุณมากนะคะทุกคนที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ ถ้าอยากทราบอะไรเพิ่มเติม ยินดีตอบทุกคำถามนะ และสุดท้ายนะคะ ใครกำลังจะสมัครไม่ว่าสายการบินไหนก็สู้ๆนะคะ มั่นใจไว้ ทำได้แน่นอน! 

รอติดตามตอนตรวจสุขภาพก่อนบินและตอนอื่นๆด้วยนะคะ สวัสดีคร่าาา บ้ายบายยยยย

เพี้ยนสู้สู้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่