(ยาวหน่อยนะคะ แต่อยากให้อ่าน)
เริ่มเรื่องก่อนนะ เราเคยเป็นแผลที่กระจกตา 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนจำความได้ น่าจะตอนเด็ก 5 - 6 ขวบ รอบนั้นมีอาการตาแดงข้างซ้าย เกิดอาการมัว แม่เราส่งเราไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ใช้เวลารักษาประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ แล้วนำยากลับมารักษาต่อที่บ้าน โดยการป้ายขึ้ผึ้งก่อนนอนทุกคนจนหาย เราก็ใช้ชีวิตปกติ
จนถึงตอนช่วงอายุ 17 - 18 ตอนนั้นเป็นวัยรุ่น อยู่ๆมีอาการเคืองตา ปวดตา แล้วมีตาแดง เราก็ไปซื้อยาจากร้านขายยามาหยอด และป้าย โดยที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลเท่าไหร่ (มาคิดได้ตอนนี้เสียใจค่ะ) เราซื้อยามาใช้ได้ระยะหนึ่งตาเราเริ่มหายแดง แต่มีอาการมัวอยู่ โดยตาข้างหนึ่งมั่ว แต่อีกข้างเป็นปกติ เราก็ยังไม่ได้ไปหาหมอ และใช้ชีวิตเป็นปกติ
พอช่วงอายุ 21 เริ่มได้ทำงาน เริ่มมีความรู้สึกอยากหาย (ตอนนั้นเริ่มเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่าย) เราก็เริ่มอ่าน ศึกษาบทความต่างๆจนทำให้เราทราบว่า โรคที่เราเป็นอยู่นั้นคือโรค แผลบนกระจกตา หรือ corneal ulcer และพบว่าโรคนี้สามารถรักษาหายได้ โดยการเปลี่ยนกระจกตา ซึงดวงตาที่จะนำมาเปลี่ยนนั้นต้องเป็นของผู้บริจาคที่เสียชีวิต ซึ่งรอรับได้ตามคิวจากสภากาชาด หรือรักษากับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึง ซึ่งค่ารักษาตอนนั้นคร่าวๆ 130,000+ บาท เราเลือกตัวเลือกรอคิวจากสภากาชาดค่ะ ดังนั้นเราเลยเริ่มเขารับการรักษาจากโรงบาลยาบาลในตัวอำเภอ โดยตัวอำเภอได้ส่งตัวต่อให้เราไปรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยหมอที่นี่นัดทุกเดือนเป็นเวลา 6 เดือน ระยะทางจากบ้านเราไปกลับโรงพยาบาลประจำจังหวัด 220 กิโล ซึ่งเดือนที่ 7 เราตัดสินใจบอกหมอว่าต้องการเปลี่ยนกระจกตา หมอโรงบาลนี้จึงส่งต่อเราไปยังโรงพยาบาลประจำภาคเหนือแห่งหนึ่ง ที่มีคณะแพทย์และสามารถเปลี่ยนกระจกตาได้
เรามาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยพบแพทย์ และพบอาจารย์แพทย์ โดยทางโรงพยาบาลนี้ก็ตรวจ ดูอาการ เพราะตอนที่เรามาที่นี่นั้น อาการปวด แดง เจ็บหายหมดแล้ว จึงแค่สังเกตุการณ์ และเฝ้าดูอาการเท่านั้น โดยหมอที่นี่ทำการนัดอีก 1 - 2 ครั้ง เราก็จำไม่ได้ว่าเดือนละครั้งหรือ 3 เดือนครั้ง จนถึงครั้งสุดท้าย ทางคุณหมอและอาจารย์หมอก็ให้เรากรอกแบบฟอร์มประสงค์ขอรับดวงตา โดยหมอก็ให้เราไปตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด อะไรต่างๆ แล้ว ก็แจ้งให้เราทราบว่า การรอรับดวงตานั้นต้องใช้ระยะเวลานาน อาจจะต้องรอ 4 - 8 ปี โดยคุณหมอบอกเราว่า หากมีดวงตาที่ผู้บริจาคมาแล้วจะทำการโทรหาและแจ้งมาเข้ารับการรับการผ่าตัด โดยจะทำการนัดดูอาการและเฝ้าสังเกตการณ์ ทุกๆ 1 ปี (เพราะจากบ้านเราถึงโรงพยาบาลอยู่ห่างไกลกัน ไปกลับ 260 กว่ากิโล)
ปีที่ 1 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปีที่ 2 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปีที่ 3 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปีที่ 4 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปี่ที่ 5 ปีนี ช่วง ปลายเดือน กุมภาพันธ์ 62 เรานอนอยู่ที่บ้าน อยู่ๆมีสายเข้าเบอร์เรา เรารับ ในสายบอกว่าโทรจากหมอโรงพยาบาลที่เราติดต่อขอรับดวงตาไว้ ทางคุณหมอบอกว่าตอนนี้มีดวงตามา เราเป็น 1 ในตัวเลือก ยังมีความประสงค์จะรับดวงตาอยู่ไหม เราตอบอย่างไวค่ะ ว่ายังสนใจรับอยู่ ทางคุณหมอก็ถามรายละเอียดต่างๆของเราไป และแจ้งว่า หากได้รับเลือกแล้วจะทำการโทรกลับอีกครั้ง ภายใน 1 อาทิตย์ ผลปรากฏว่า เงียบกริบหายไปเลย (สงสัยไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก)
- จนถึงเดือน มิถุนายน ถึงเวลาหมอนัดประจำปี เราก็ไปตามนัดตามเคย หมอก็บอกว่าดวงตาเป็นของผู้เสียชีวิตที่แจ้งความประสงค์จะบริจาค ก็ให้เรารอไปก่อน แล้วนัดอีกที ปี 63 (เส้นทางนี้อีกยาวไกล) แล้วจะมาอัพเดทในปีต่อไปนะคะ
ที่เราโพส เราแค่อยากจะบอกเรื่องราวและอยากเตือนคนอื่นๆนะคะ หากมีอาการหรือเป็นโรคอะไรแล้ว ควรจะรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นแรกๆนะคะ แล้วจะไม่ได้เสียใจทีหลังแบบเรา
และอยากให้คนเราสนใจที่จะบริจาคร่างกายและดวงตากันมากขึ้นค่ะ เพราะจากการดูข้อมูลต่างๆแล้วอัตตราคนที่บริจาคและผู้รอรับนั่นต่างกันมาก ซึ่งมีผู้รอคิวรับบริอวัยวะเยอะ แต่กลับมีผู้ที่ประสงค์บริจาคน้อย (เข้าใจเลยค่ะ ว่าความหวัง และการรอคอยของผู้ที่ต้องการอวัยวะนั้นเป็นแบบไหนแล้ว ซักวันหนึ่งมันอาจจะเป็นวันของเรา)
จากโรคแผลที่กระจกตานี้ ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มั่นใจ จากเป็นคนมั่นใจ กลับทำให้เราไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตากับคนอื่น ทำให้เรากังวลใจ ไม่กล้าพบผู้คนใหม่ๆ เราจึงได้โรคเพิ่มขึ้นมาอีกโรคนั่นคือโรคแพนิค หรือโรคตื่นตระหนก นั่นเอง แต่เราก็ทำการักษาและทานยาไปเรื่อยๆค่ะ (แล้วจะมาเขียนเล่าที่หลังนะคะ)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
**** อัพเดทนะคะ วันนี้ 8 ก.ย. 2562 เวลา 17.32 น. ****
- ทางโรงพยาบาลได้มีการโทรมาหา และแจ้งว่า จะได้รับดวงตาภายในอาทิตย์นี้ หากดวงตามาถึงแล้วจะโทรหาอีกครั้ง โดยถามว่าสะดวกเดินทางมารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลไหม หากได้คิว (เราตอบกลับไปว่าสะดวกและพร้อมมาก) และถามเรื่องการใช้สิทธิ์ในการรักษา พร้อมกลับปิดท้ายว่าแล้วยังไงภายในอาทิตย์นี้ทางโรงพยาบาลจะโทรหาอีกครั้งนะคะ มารอลุ้นกันต่อไปค่ะ แล้วจะมาอัพเดทให้เป็นระยะๆนะคะ
16 ก.ย. 62 ครบ 1 อาทิตย์ ไม่มีการติกต่อกลับ รอบนี้น่าจะยังไม่ได้ ต้องรอต่อไป T_T
ประสบการณ์ เป็นแผลที่กระจกตา และการรอคิวรับบริจาคดวงตา จนนำไปสู่โรคแพนิค
เริ่มเรื่องก่อนนะ เราเคยเป็นแผลที่กระจกตา 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนจำความได้ น่าจะตอนเด็ก 5 - 6 ขวบ รอบนั้นมีอาการตาแดงข้างซ้าย เกิดอาการมัว แม่เราส่งเราไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ใช้เวลารักษาประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ แล้วนำยากลับมารักษาต่อที่บ้าน โดยการป้ายขึ้ผึ้งก่อนนอนทุกคนจนหาย เราก็ใช้ชีวิตปกติ
จนถึงตอนช่วงอายุ 17 - 18 ตอนนั้นเป็นวัยรุ่น อยู่ๆมีอาการเคืองตา ปวดตา แล้วมีตาแดง เราก็ไปซื้อยาจากร้านขายยามาหยอด และป้าย โดยที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลเท่าไหร่ (มาคิดได้ตอนนี้เสียใจค่ะ) เราซื้อยามาใช้ได้ระยะหนึ่งตาเราเริ่มหายแดง แต่มีอาการมัวอยู่ โดยตาข้างหนึ่งมั่ว แต่อีกข้างเป็นปกติ เราก็ยังไม่ได้ไปหาหมอ และใช้ชีวิตเป็นปกติ
พอช่วงอายุ 21 เริ่มได้ทำงาน เริ่มมีความรู้สึกอยากหาย (ตอนนั้นเริ่มเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่าย) เราก็เริ่มอ่าน ศึกษาบทความต่างๆจนทำให้เราทราบว่า โรคที่เราเป็นอยู่นั้นคือโรค แผลบนกระจกตา หรือ corneal ulcer และพบว่าโรคนี้สามารถรักษาหายได้ โดยการเปลี่ยนกระจกตา ซึงดวงตาที่จะนำมาเปลี่ยนนั้นต้องเป็นของผู้บริจาคที่เสียชีวิต ซึ่งรอรับได้ตามคิวจากสภากาชาด หรือรักษากับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึง ซึ่งค่ารักษาตอนนั้นคร่าวๆ 130,000+ บาท เราเลือกตัวเลือกรอคิวจากสภากาชาดค่ะ ดังนั้นเราเลยเริ่มเขารับการรักษาจากโรงบาลยาบาลในตัวอำเภอ โดยตัวอำเภอได้ส่งตัวต่อให้เราไปรักษาในโรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยหมอที่นี่นัดทุกเดือนเป็นเวลา 6 เดือน ระยะทางจากบ้านเราไปกลับโรงพยาบาลประจำจังหวัด 220 กิโล ซึ่งเดือนที่ 7 เราตัดสินใจบอกหมอว่าต้องการเปลี่ยนกระจกตา หมอโรงบาลนี้จึงส่งต่อเราไปยังโรงพยาบาลประจำภาคเหนือแห่งหนึ่ง ที่มีคณะแพทย์และสามารถเปลี่ยนกระจกตาได้
เรามาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ โดยพบแพทย์ และพบอาจารย์แพทย์ โดยทางโรงพยาบาลนี้ก็ตรวจ ดูอาการ เพราะตอนที่เรามาที่นี่นั้น อาการปวด แดง เจ็บหายหมดแล้ว จึงแค่สังเกตุการณ์ และเฝ้าดูอาการเท่านั้น โดยหมอที่นี่ทำการนัดอีก 1 - 2 ครั้ง เราก็จำไม่ได้ว่าเดือนละครั้งหรือ 3 เดือนครั้ง จนถึงครั้งสุดท้าย ทางคุณหมอและอาจารย์หมอก็ให้เรากรอกแบบฟอร์มประสงค์ขอรับดวงตา โดยหมอก็ให้เราไปตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด อะไรต่างๆ แล้ว ก็แจ้งให้เราทราบว่า การรอรับดวงตานั้นต้องใช้ระยะเวลานาน อาจจะต้องรอ 4 - 8 ปี โดยคุณหมอบอกเราว่า หากมีดวงตาที่ผู้บริจาคมาแล้วจะทำการโทรหาและแจ้งมาเข้ารับการรับการผ่าตัด โดยจะทำการนัดดูอาการและเฝ้าสังเกตการณ์ ทุกๆ 1 ปี (เพราะจากบ้านเราถึงโรงพยาบาลอยู่ห่างไกลกัน ไปกลับ 260 กว่ากิโล)
ปีที่ 1 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปีที่ 2 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปีที่ 3 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปีที่ 4 เรามาตามนัดปกติ ไม่อาการผิดปกติใดๆ นัดต่ออีก 1 ปี
ปี่ที่ 5 ปีนี ช่วง ปลายเดือน กุมภาพันธ์ 62 เรานอนอยู่ที่บ้าน อยู่ๆมีสายเข้าเบอร์เรา เรารับ ในสายบอกว่าโทรจากหมอโรงพยาบาลที่เราติดต่อขอรับดวงตาไว้ ทางคุณหมอบอกว่าตอนนี้มีดวงตามา เราเป็น 1 ในตัวเลือก ยังมีความประสงค์จะรับดวงตาอยู่ไหม เราตอบอย่างไวค่ะ ว่ายังสนใจรับอยู่ ทางคุณหมอก็ถามรายละเอียดต่างๆของเราไป และแจ้งว่า หากได้รับเลือกแล้วจะทำการโทรกลับอีกครั้ง ภายใน 1 อาทิตย์ ผลปรากฏว่า เงียบกริบหายไปเลย (สงสัยไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก)
- จนถึงเดือน มิถุนายน ถึงเวลาหมอนัดประจำปี เราก็ไปตามนัดตามเคย หมอก็บอกว่าดวงตาเป็นของผู้เสียชีวิตที่แจ้งความประสงค์จะบริจาค ก็ให้เรารอไปก่อน แล้วนัดอีกที ปี 63 (เส้นทางนี้อีกยาวไกล) แล้วจะมาอัพเดทในปีต่อไปนะคะ
ที่เราโพส เราแค่อยากจะบอกเรื่องราวและอยากเตือนคนอื่นๆนะคะ หากมีอาการหรือเป็นโรคอะไรแล้ว ควรจะรักษาตั้งแต่เริ่มเป็นแรกๆนะคะ แล้วจะไม่ได้เสียใจทีหลังแบบเรา
และอยากให้คนเราสนใจที่จะบริจาคร่างกายและดวงตากันมากขึ้นค่ะ เพราะจากการดูข้อมูลต่างๆแล้วอัตตราคนที่บริจาคและผู้รอรับนั่นต่างกันมาก ซึ่งมีผู้รอคิวรับบริอวัยวะเยอะ แต่กลับมีผู้ที่ประสงค์บริจาคน้อย (เข้าใจเลยค่ะ ว่าความหวัง และการรอคอยของผู้ที่ต้องการอวัยวะนั้นเป็นแบบไหนแล้ว ซักวันหนึ่งมันอาจจะเป็นวันของเรา)
จากโรคแผลที่กระจกตานี้ ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มั่นใจ จากเป็นคนมั่นใจ กลับทำให้เราไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตากับคนอื่น ทำให้เรากังวลใจ ไม่กล้าพบผู้คนใหม่ๆ เราจึงได้โรคเพิ่มขึ้นมาอีกโรคนั่นคือโรคแพนิค หรือโรคตื่นตระหนก นั่นเอง แต่เราก็ทำการักษาและทานยาไปเรื่อยๆค่ะ (แล้วจะมาเขียนเล่าที่หลังนะคะ)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
**** อัพเดทนะคะ วันนี้ 8 ก.ย. 2562 เวลา 17.32 น. ****
- ทางโรงพยาบาลได้มีการโทรมาหา และแจ้งว่า จะได้รับดวงตาภายในอาทิตย์นี้ หากดวงตามาถึงแล้วจะโทรหาอีกครั้ง โดยถามว่าสะดวกเดินทางมารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลไหม หากได้คิว (เราตอบกลับไปว่าสะดวกและพร้อมมาก) และถามเรื่องการใช้สิทธิ์ในการรักษา พร้อมกลับปิดท้ายว่าแล้วยังไงภายในอาทิตย์นี้ทางโรงพยาบาลจะโทรหาอีกครั้งนะคะ มารอลุ้นกันต่อไปค่ะ แล้วจะมาอัพเดทให้เป็นระยะๆนะคะ
16 ก.ย. 62 ครบ 1 อาทิตย์ ไม่มีการติกต่อกลับ รอบนี้น่าจะยังไม่ได้ ต้องรอต่อไป T_T