เรื่องนี้ดูเผินๆ จากใบปิดและตัวอย่างหนัง เหมือนหนังแนว Horror, Mystery หรือ หนังผีทั่วๆไปแนวถนัดของผู้สร้างหนังในไทย แต่พอได้ดูเรื่องนี้จริงๆ มันไม่ใช่หนังผีชวนสยองอะไรเลย มันลึกซึ้งกว่านั้น มันเป็นหนังแนวจิตวิทยาผสมความเป็นหนังทริลเลอร์ที่คนเขียนบท เขียนเรื่องมาสุดยอดมาก เราคนดูจะคาดเดาเหตุการณ์อะไรในหนังต่อไม่ได้เลย
หนังเรื่องนี้ได้รับเสียงตอบรับดี ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี พ.ศ. 2550 ด้วย รางวัลสุพรรณหงส์ เพลงประกอบหนังดีเด่น ที่ขับร้องโดย เจนนิเฟอร์ คิ้ม เพลงที่ฟังแล้วทั้งเพราะและหลอนในเวลาเดียวกัน รวมถึงรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยม พี่เป้ อารักษ์ ที่ร้องเพลง มาเล มาเล่ ไปทะเลดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้แกต้องแสดงเป็นคนจิตหลอน เพ้อเห็นภาพหลอน ดูสับสน สายตาเหมือนคนหวาดระแวงตลอด ซึ่งแกแสดงดีมากๆครับ ไม่ดูมากไปหรือน้อยไป อินกับบท กำลังดี ลงตัว
เป็นผลงานการกำกับของ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับหนังเรื่อง 4 แพร่ง และ 5 แพร่ง ซึ่งก็เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ผมชอบผลงานของแกนะ และเขียนบทโดย จิระ มะลิกุล ที่ภายหลังแกคนนี้ก็มาเขียนบทเจ๋งๆ ฉลาดๆ ในเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง นั่นแหละ โดยแกร่วมเขียนบทกับ ชูเกียรติ์ วีระกุล คนเขียนบทเรื่อง 13 เกมส์สยอง, ช็อคโกแลต นั่นเอง
เรื่องนี้ผมเคยดูตอนเด็กๆ ครั้งนึงกับแม่ ซึ่งครั้งแรกที่ดู ทนดูไม่ได้ ดูหนังมันเครียดไงไม่รู้ แถมดูไม่รู้เรื่อง สุดท้ายหลับ เพราะยังเด็กอยู่ พอโตขึ้นหยิบแผ่น DVD เรื่องนี้มาดูใหม่ กลับชอบมากๆ ทั้งการแสดงของพระเอก เนื้อเรื่อง บท ฉากต่างๆในหนัง มันลงตัว ดีไปหมด สมแล้วที่ในปีนั้นหนังไทยเรื่องนี้จะได้รับรางวัลมากมาย
เรื่องย่อคร่าวๆ เกี่ยวกับ ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ชลสิทธิ์ ที่อาศัยอยู่กับพี่สาว เอ๋ นักศึกษาแพทย์
(แป้ง อรจิรา) และเขากำลังตกอยู่ในอาการเครียด หลอน และคิดว่ามีสิ่งลี้ลับบางอย่างตามทำร้ายเขาอยู่ และจะนำพาอันตรายมาสู่พี่สาวของเขาด้วย การได้ยินเสียงแปลกๆ ทำให้เขาเริ่มสืบหาจากเบาะแสที่ตนสงสัยใคร่รู้ เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่เขาพบเห็น นำไปสู่การค้นพบคดีการฆาตกรรมที่นำพาเขาดิ่งไปอันตรายที่มากกว่าเดิม การไปพัวพันกับผู้หญิงลึกลับชื่อ ดาราราย
(เมย์ ภัทรวรินทร์) และสภาวะจิตใจของเขาที่ไม่สามารถบอกได้ว่า ตอนไหนคือเหตุการณ์จริง หรือ เหตุการณ์ไหนที่เขาหลอนคิดไปเอง
ใครเคยดูหนังแนวๆจิตวิทยา ทริลเลอร์ ที่ตัวเอกของเรื่องดูหลอนๆ สับสนในชีวิต มีหลายบุคคลิก หวาดระแวง อย่างหนังฮฮลลีวู้ดดังๆเรื่อง Fight Club, Vallina Sky, The Machinist, Enemy เรื่อง ศพ บอดี้ 19 ก็มาแนวๆเดียวกัน และทำได้ดี เนื้อเรื่องของหนังมันคาดเดาอะไรต่อไม่ได้เลย มีการหักมุมคาดไม่ถึงด้วย อารมณ์เหมือนเรื่อง The Sixth Sense เลย ตอนเฉลยปมช่วงท้ายเรื่อง หักมุมสุดๆ
เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์การฆาตกรรมจริงๆ ของคดีหมอดังคนหนึ่งในอดีตด้วยและนำมาสร้างเป็นหนังผูกโยงเหตุการณ์ต่างๆให้น่าสนใจขึ้น ซึ่งทำได้ดีมากๆครับ หนังดูสมเหตุสมผล ไม่มีจุดไหนที่ทำให้คนดูไม่เคลียร์กับประเด็นต่างๆ ตอนท้ายของหนังเฉลยปมออกมาได้ดี กระจ่าง ชัดเจน และชวนขนหัวลุกได้เช่นกัน
สรุป คือ หนังไทยเรื่องนี้ใครไม่เคยดูและชอบหนังแนวทริลเลอร์ จิตวิทยา ไม่ควรพลาดครับ และส่วนใหญ่ผมจะเน้นการดูหนังของ
ฮฮลลีวู้ด ดูหนังไทยเยอะอยู่แต่ไม่มากเท่าหนังฝรั่ง และส่วนใหญ่ก็จะชอบหนังทางฮฮลลีวู้ดมากกว่า แต่หนังไทยเรื่องนี้ผมให้เป็นหนังที่ดีเทียบเท่าหนังฮฮลลีวู้ดแนวๆเดียวกันเลยครับ
9/10 รีวิวโดย เจสัน ตอง
ภาพยนตร์เรื่อง บอดี้ศพ 19 (2550) หนังจิตวิทยาสุดหลอนที่ดีมากๆ เนื้อเรื่องเหมือนหนังฮฮลลีวู้ด
หนังเรื่องนี้ได้รับเสียงตอบรับดี ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี พ.ศ. 2550 ด้วย รางวัลสุพรรณหงส์ เพลงประกอบหนังดีเด่น ที่ขับร้องโดย เจนนิเฟอร์ คิ้ม เพลงที่ฟังแล้วทั้งเพราะและหลอนในเวลาเดียวกัน รวมถึงรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยม พี่เป้ อารักษ์ ที่ร้องเพลง มาเล มาเล่ ไปทะเลดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้แกต้องแสดงเป็นคนจิตหลอน เพ้อเห็นภาพหลอน ดูสับสน สายตาเหมือนคนหวาดระแวงตลอด ซึ่งแกแสดงดีมากๆครับ ไม่ดูมากไปหรือน้อยไป อินกับบท กำลังดี ลงตัว
เป็นผลงานการกำกับของ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับหนังเรื่อง 4 แพร่ง และ 5 แพร่ง ซึ่งก็เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ผมชอบผลงานของแกนะ และเขียนบทโดย จิระ มะลิกุล ที่ภายหลังแกคนนี้ก็มาเขียนบทเจ๋งๆ ฉลาดๆ ในเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง นั่นแหละ โดยแกร่วมเขียนบทกับ ชูเกียรติ์ วีระกุล คนเขียนบทเรื่อง 13 เกมส์สยอง, ช็อคโกแลต นั่นเอง
เรื่องนี้ผมเคยดูตอนเด็กๆ ครั้งนึงกับแม่ ซึ่งครั้งแรกที่ดู ทนดูไม่ได้ ดูหนังมันเครียดไงไม่รู้ แถมดูไม่รู้เรื่อง สุดท้ายหลับ เพราะยังเด็กอยู่ พอโตขึ้นหยิบแผ่น DVD เรื่องนี้มาดูใหม่ กลับชอบมากๆ ทั้งการแสดงของพระเอก เนื้อเรื่อง บท ฉากต่างๆในหนัง มันลงตัว ดีไปหมด สมแล้วที่ในปีนั้นหนังไทยเรื่องนี้จะได้รับรางวัลมากมาย
เรื่องย่อคร่าวๆ เกี่ยวกับ ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ชลสิทธิ์ ที่อาศัยอยู่กับพี่สาว เอ๋ นักศึกษาแพทย์
(แป้ง อรจิรา) และเขากำลังตกอยู่ในอาการเครียด หลอน และคิดว่ามีสิ่งลี้ลับบางอย่างตามทำร้ายเขาอยู่ และจะนำพาอันตรายมาสู่พี่สาวของเขาด้วย การได้ยินเสียงแปลกๆ ทำให้เขาเริ่มสืบหาจากเบาะแสที่ตนสงสัยใคร่รู้ เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่เขาพบเห็น นำไปสู่การค้นพบคดีการฆาตกรรมที่นำพาเขาดิ่งไปอันตรายที่มากกว่าเดิม การไปพัวพันกับผู้หญิงลึกลับชื่อ ดาราราย
(เมย์ ภัทรวรินทร์) และสภาวะจิตใจของเขาที่ไม่สามารถบอกได้ว่า ตอนไหนคือเหตุการณ์จริง หรือ เหตุการณ์ไหนที่เขาหลอนคิดไปเอง
ใครเคยดูหนังแนวๆจิตวิทยา ทริลเลอร์ ที่ตัวเอกของเรื่องดูหลอนๆ สับสนในชีวิต มีหลายบุคคลิก หวาดระแวง อย่างหนังฮฮลลีวู้ดดังๆเรื่อง Fight Club, Vallina Sky, The Machinist, Enemy เรื่อง ศพ บอดี้ 19 ก็มาแนวๆเดียวกัน และทำได้ดี เนื้อเรื่องของหนังมันคาดเดาอะไรต่อไม่ได้เลย มีการหักมุมคาดไม่ถึงด้วย อารมณ์เหมือนเรื่อง The Sixth Sense เลย ตอนเฉลยปมช่วงท้ายเรื่อง หักมุมสุดๆ
เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์การฆาตกรรมจริงๆ ของคดีหมอดังคนหนึ่งในอดีตด้วยและนำมาสร้างเป็นหนังผูกโยงเหตุการณ์ต่างๆให้น่าสนใจขึ้น ซึ่งทำได้ดีมากๆครับ หนังดูสมเหตุสมผล ไม่มีจุดไหนที่ทำให้คนดูไม่เคลียร์กับประเด็นต่างๆ ตอนท้ายของหนังเฉลยปมออกมาได้ดี กระจ่าง ชัดเจน และชวนขนหัวลุกได้เช่นกัน
สรุป คือ หนังไทยเรื่องนี้ใครไม่เคยดูและชอบหนังแนวทริลเลอร์ จิตวิทยา ไม่ควรพลาดครับ และส่วนใหญ่ผมจะเน้นการดูหนังของ
ฮฮลลีวู้ด ดูหนังไทยเยอะอยู่แต่ไม่มากเท่าหนังฝรั่ง และส่วนใหญ่ก็จะชอบหนังทางฮฮลลีวู้ดมากกว่า แต่หนังไทยเรื่องนี้ผมให้เป็นหนังที่ดีเทียบเท่าหนังฮฮลลีวู้ดแนวๆเดียวกันเลยครับ
9/10 รีวิวโดย เจสัน ตอง