#เลอกวาเดาะ ช่วงปลายกรกฏาคม
#เลอกวาเดาะ #ขุนเขาแห่งศรัทธา อยู่ที่ บ้านเกร๊ะคี ต.แม่วะหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อยู่ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติแม่เมย
เลอกวาเดาะ มีตำนานเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่ ว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่ง น้อยใจสามี เพราะ คิดว่าสามีไปมีหญิงอื่น จึงเดินหนีขึ้นไปยอดเขา
สามีหลังจากทำไร่กลับมา ไม่พบภรรยาจึงออกตามหา พอรู้ว่าภรรยาหนีขึ้นเขามา จึงเดินขึ้นเขาไปตาม เพื่อหวังจะมาง้อให้ภรรยากลับ
แต่ภรรยาไม่ยอม จึงเดินหนีมายังภูเขาอีกลูกหนึ่ง ปัจจุบัน คือ #พระเจดีย์ยอดเลอกวาเดาะ ส่วนฝ่ายสามี อยู่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง ปัจจุบัน เรียกว่า เขาชาย
สามีได้ตะโกนข้ามเขาไปว่า “เค้าไม่เคยคิดนอกใจเธอเลย” ส่วนภรรยาก็ตะโกนกลับไปว่า “ถ้ารักจริงก็ให้ปีนเขาขึ้นมาหาเธอ”
ฝ่ายสามีจึงปีนขึ้นไปหาภรรยา ที่ยอดเขาเลอกวาเดาะ แล้วทั้งคู่ก็อธิฐานว่า จะรักกันอย่างมั่นคงตลอดไป และ ทั้งสองก็รักกันจนแก่เฒ่า
#เลอกวาเดาะ แปลว่า ภูเขาที่เอาไว้มองชื่นชมอย่างเดียว (ภาษากระเหรี่ยง ปกาเกอะญอ)
เลอ แปลว่า ก้อนหิน หรือ ภูเขา
กวา แปลว่า มอง หรือ ชม
เดาะ แปลว่า เล่น หรือ เพลิน
Cr.ข้อมูลจาก
ศูนย์ท่องเที่ยว เลอกวาเดาะ แม่วะหลวง
:::::::::::::::::::::::
#คลิปvdo
https://youtu.be/f-C9jYwIuB8
ครั้งนี้ผมเดินทางไปกับ #ทริปเดินป่าน้อยหลงทาง เริ่มต้นเดินจากกรุงเทพ ตอน3ทุ่มด้วยรถตู้ กว่าจะถึง ตลาดท่าสองยาง ก็เกือบเช้า ตอนนั้นกำลังงั่วเงี่ยๆ เลยไม่รู้ว่ากี่โมง เห็นว่าพี่น้อยลงไปซื้อเสบียงที่ตลาด ตอนนั้นฝนตก เลยนอนต่อดีกว่า
หลังจากพี่น้อยซื้อเสบียงเสร็จ ก็มุ่งหน้าสู่ #อุทยานแห่งชาติแม่เมย ใช้เวลาเดินทางอีกเกือบชั่วโมง ฝนตกๆหยุดๆ ดูท่าทริปนี้จะชุ่มช่ำแน่ๆ
ที่อช. มีห้องพักแบบนี้ด้วย
พี่น้อยสั่งมื้อเช้า พร้อมสั่งอาหารมื้อเที่ยงเพื่อพกกินระหว่าง ที่ร้านสวัสดิการตรงอช. และ เปลี่ยนชุดใส่เดินที่นี้เลย
:
:
ราว8โมง รถ4x4ของชาวบ้านที่นัดไว้ เพื่อจะไปส่งเราที่จุดเดินก็มาถึง จัดแจงสัมภาระขึ้นรถ มุ่งหน้าสู่ #วัดป่าเกร๊ะคี ซึ่งใช้เวลาเดินทางอีกราวชั่วโมง
แต่ระหว่างทางที่วิ่งไปตามถนนหลวง1267 ก็จะผ่านจุดชมวิวท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตกชาวดอย , ม่อนครูบาใส , ม่อนพูนสุดา , น้ำตกแม่ระเมิง , ม่อนกิ่วลม เป็นต้น
ตอนนี้ฝนยังคงตกไม่หนักมาก ซึ่งเพื่อนร่วมทริปชื่อฮก ได้บอกว่า “เช็คพยากรณ์อากาศมาว่า ที่นี้ฝนตก100%. ซึ่งนานๆจะเจอแบบนี้”
แล้ววิ่งรถมาได้ราวครึ่งชั่วโมง ก็จะเจอทางแยกซ้ายมือ มีป้ายบอกว่าไป #วัดป่าเกร๊ะคี หรือ เลยจากจุดชมวิวม่อนกิ่วลม มาประมาณ4km.
จากจุดนี้แนะนำ ว่าจะต้องใช้รถกระบะ4x4 ทางจะไต่ขึ้นเขาชัน บางช่วงทางเป็นคอนกรีต บางช่วงทางเป็นดินเหนียว ถ้ามาช่วงหน้าฝน ทางค่อนข้างลำบาก แต่ถ้ามาหน้าแล้ง รถกระบะ4x2 สามารถเข้าถึงได้
ทางซ้ายไปวัดป่าเกร๊ะคี
กว่าจะถึง จุดเริ่มเดินตรง #วัดป่าเกร๊ะคี ต.แม่วะหลวง ก็ 9โมงกว่า โดยเราสามารถ จ้างลูกหาบชาวบ้านที่นี้ ในราคาวันละ 500บ./คน ส่วนรถกระบะ4x4 คิดค่ารับ-ส่ง จากอุทยานแม่เมย-วัดป่าเกร๊ะคี จะอยู่ที่ 3,000/คัน
:
ความสูงที่จุดเริ่มเดิน
หลังจากแบ่งของให้ลูกหาบเรียบร้อย ก็เริ่มเดิน ตอน 9:40 ที่ความสูงราว 580ม. พอเริ่มเดินได้ไม่ทันไร ฝนก็เริ่มลงเม็ดหนักขึ้นอีกครั้ง
ช่วงแรก..ทางเดินจะเป็นทางราบ แต่ก็จะค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จึงเดินสบายไม่เหนื่อยมาก เดินตามทางมาได้ ราว7-800ม. ก็จะเจอร่องน้ำ หรือ ลำธารเล็กๆ แล้วเดินตามร่องน้ำไปอีกราว200ม. ก็จะถึงจุดพักก่อนที่จะเดินขึ้นชันๆ
ตอนนี้เดินมาได้ ราว20นาที กับระยะทาง ราว1km. จากจุดนี้ไป จะเจอบันไดปูนช่วงที่1. น่าจะทำไว้เพื่อช่วยให้เดินง่ายขึ้น แต่ความรู้สึกส่วนตัว รู้สึกว่าจะเดินยากกว่าทางพื้นดินธรรมชาติ
พวกเราค่อยๆเดินขึ้นไปทีละก้าวๆ แถวเรียงหนึ่งอย่างช้าๆ ระหว่างทางก็จะเจอป้ายชื่อจุดต่างๆ เช่น จาตุมหาราชิกา , ทางขึ้นสวรรค์ชั้น6 , เนินไผ่ พวกเราก็พักเหนื่อยตามจุดป้ายเป็นระยะๆ
*หมายเหตุ ป้ายที่นี้2ด้าน จะเขียนชื่อไม่เหมือนกัน
จากจุดบันไดปูนช่วงที่1 เดินมาได้ ราว10นาที หรือ ราว300ม. ก็ถึงบันไดปูนช่วงที่2 ตรงนี้จะมีป้าย ชิงช้าสวรรค์ ซึ่งระหว่างทางก็ยังมีป้ายอยู่เป็นระยะๆ เช่น ป้ายเขาเขี้ยวหนุมาน
พอพ้นบันไดปูน ตอนนี้จะเป็นทางเดินดินธรรมชาติแล้ว ทำให้รู้สึกเดินสะดวกกว่า ตอนนี้ทางยังคงชัน และ ก็ชันอย่างต่อเนื่อง พวกเราจึงค่อยๆเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
บางช่วง..ก็จะมีเชือก ไว้ค่อยช่วยจับประคอง ตอนนี้ฝนก็ยังคงตกลงเม็ดหนักพอสมควร จึงทำให้ช่วงเดินอากาศไม่ร้อน
จนเดินมาถึง จุดชมวิวอมก๋อย ตรงนี้จะเป็นจุดโล่งๆนิดหนึ่ง จึงพอที่จะสามารถชมวิวได้ แต่เนื่องจากฝนยังคงตกอยู่ ทำให้หมอกฟุ้ง มองไม่ค่อยเห็นอะไรสักเท่าไร
:
:
ตอนนี้เดินมาได้ ราว1ชั่วโมง กับระยะทางเกือบ2km. ตอนนี้เราจะเดินตามแนวสันเขา ซึ่งก็จะมองเห็นจุดตั้งแคมป์อยู่ไม่ไกล เสียดายหมอกฟุ้งทำให้ไม่ค่อยเห็นอะไรสักเท่าไร
จากตรงนี้ เดินไปอีกราว500ม. ก็จะถึงจุดพักแคมป์ ช่วงนี้ทางจะเดินชันไม่มาก มีเดินลงบางเล็กน้อยตามสันเชื่อม แล้วเดินขึ้นอีกนิดหน่อย
ก็ถึงจุดพักแคมป์ ตอน11โมง กับระยะทางราว2.6km. ซึ่งใช้เวลาเดินเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น ซึ่งจุดพักแคมป์ ผมวัดความสูงได้ ราว1,068ม.
บริเวณจุดพักแคมป์ จะมีศาลาไม่ใหญ่มาก น่าจะขนาด 3x5ม. เหมาะสำหรับเป็นโรงครัว แคมป์กลาง ซึ่งตอนนี้ด้านบนมีถังเก็บน้ำใบใหญ่ถึง2ใบ ส่วนถ้ามาหน้าแล้ง อาจจะไม่มีน้ำฝนให้เก็บในถัง
ถัดจากศาลามาก็จะมีองค์พระ ซึ่งตอนนี้บริเวณโดยรอบหมอกฟุ้ง ขาวโพลนไปหมด จนมองไม่เห็นวิวอะไรเลย
:
:
ผมมาถึงก่อนเพื่อนๆ จึงเดินหาทำเลกางเต๊นท์ ซึ่งดูแล้ว แคมป์ระหว่างข้างๆองค์พระกับศาลา น่าจะเหมาะสุด เพราะ ตรงนี้มีต้นไม้ช่วยบังลมที่มาจากหน้าผาฝั่งตะวันตก
ซึ่งช่วงที่ผมมา ต้องบอกว่าลมฝั่งตะวันตก ด้านหลังองค์พระ ลมแรงมาก แต่ถ้ากางเต๊นท์ ตรงนั้นข้อดีคือ ถ้าหมอกไม่ฟุ้ง เปิดเต๊นท์มา จะเห็นวิวทิวเขา กับ ทะเลหมอก
แต่ฝนยังคงตกอยู่ ผมจึงกางเต๊นท์ทามกลางสายฝน แล้วรีบทำความสะอาดร่างกายที่เปียกชุ่ม และ เปลี่ยนเสื้อผ้า
:
:
ตอนนี้..เพื่อนๆเริ่มทยอยมากันแล้ว แต่ฝนก็ยังคงตกๆหยุดๆ แม้จะไม่มาก แต่ก็ทำให้หมอกฟุ้งขาวโพ้นไปหมด
พวกเราได้แต่รอเวลา และ หวังว่าฟ้าจะเปิด เพราะ ถ้าสถานการณ์ฝนยังคงตกอยู่ แถมหมอกฟุ้งหนา จะมีความเสี่ยงสูงเรื่องความปลอดภัยในการไปกราบไหว้ #ยอดพระเจดีย์เลอกวาเดาะ
ทางไปยอดพระเจดีย์
:
:
เลอกวาเดาะ วัดป่าเกร๊ะคี จ.ตาก อช.แม่เมย
#เลอกวาเดาะ ช่วงปลายกรกฏาคม
#เลอกวาเดาะ #ขุนเขาแห่งศรัทธา อยู่ที่ บ้านเกร๊ะคี ต.แม่วะหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อยู่ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติแม่เมย
เลอกวาเดาะ มีตำนานเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่ ว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่ง น้อยใจสามี เพราะ คิดว่าสามีไปมีหญิงอื่น จึงเดินหนีขึ้นไปยอดเขา
สามีหลังจากทำไร่กลับมา ไม่พบภรรยาจึงออกตามหา พอรู้ว่าภรรยาหนีขึ้นเขามา จึงเดินขึ้นเขาไปตาม เพื่อหวังจะมาง้อให้ภรรยากลับ
แต่ภรรยาไม่ยอม จึงเดินหนีมายังภูเขาอีกลูกหนึ่ง ปัจจุบัน คือ #พระเจดีย์ยอดเลอกวาเดาะ ส่วนฝ่ายสามี อยู่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง ปัจจุบัน เรียกว่า เขาชาย
สามีได้ตะโกนข้ามเขาไปว่า “เค้าไม่เคยคิดนอกใจเธอเลย” ส่วนภรรยาก็ตะโกนกลับไปว่า “ถ้ารักจริงก็ให้ปีนเขาขึ้นมาหาเธอ”
ฝ่ายสามีจึงปีนขึ้นไปหาภรรยา ที่ยอดเขาเลอกวาเดาะ แล้วทั้งคู่ก็อธิฐานว่า จะรักกันอย่างมั่นคงตลอดไป และ ทั้งสองก็รักกันจนแก่เฒ่า
#เลอกวาเดาะ แปลว่า ภูเขาที่เอาไว้มองชื่นชมอย่างเดียว (ภาษากระเหรี่ยง ปกาเกอะญอ)
เลอ แปลว่า ก้อนหิน หรือ ภูเขา
กวา แปลว่า มอง หรือ ชม
เดาะ แปลว่า เล่น หรือ เพลิน
Cr.ข้อมูลจาก
ศูนย์ท่องเที่ยว เลอกวาเดาะ แม่วะหลวง
:::::::::::::::::::::::
#คลิปvdo
https://youtu.be/f-C9jYwIuB8
ครั้งนี้ผมเดินทางไปกับ #ทริปเดินป่าน้อยหลงทาง เริ่มต้นเดินจากกรุงเทพ ตอน3ทุ่มด้วยรถตู้ กว่าจะถึง ตลาดท่าสองยาง ก็เกือบเช้า ตอนนั้นกำลังงั่วเงี่ยๆ เลยไม่รู้ว่ากี่โมง เห็นว่าพี่น้อยลงไปซื้อเสบียงที่ตลาด ตอนนั้นฝนตก เลยนอนต่อดีกว่า
หลังจากพี่น้อยซื้อเสบียงเสร็จ ก็มุ่งหน้าสู่ #อุทยานแห่งชาติแม่เมย ใช้เวลาเดินทางอีกเกือบชั่วโมง ฝนตกๆหยุดๆ ดูท่าทริปนี้จะชุ่มช่ำแน่ๆ
ที่อช. มีห้องพักแบบนี้ด้วย
พี่น้อยสั่งมื้อเช้า พร้อมสั่งอาหารมื้อเที่ยงเพื่อพกกินระหว่าง ที่ร้านสวัสดิการตรงอช. และ เปลี่ยนชุดใส่เดินที่นี้เลย
:
:
ราว8โมง รถ4x4ของชาวบ้านที่นัดไว้ เพื่อจะไปส่งเราที่จุดเดินก็มาถึง จัดแจงสัมภาระขึ้นรถ มุ่งหน้าสู่ #วัดป่าเกร๊ะคี ซึ่งใช้เวลาเดินทางอีกราวชั่วโมง
แต่ระหว่างทางที่วิ่งไปตามถนนหลวง1267 ก็จะผ่านจุดชมวิวท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตกชาวดอย , ม่อนครูบาใส , ม่อนพูนสุดา , น้ำตกแม่ระเมิง , ม่อนกิ่วลม เป็นต้น
ตอนนี้ฝนยังคงตกไม่หนักมาก ซึ่งเพื่อนร่วมทริปชื่อฮก ได้บอกว่า “เช็คพยากรณ์อากาศมาว่า ที่นี้ฝนตก100%. ซึ่งนานๆจะเจอแบบนี้”
แล้ววิ่งรถมาได้ราวครึ่งชั่วโมง ก็จะเจอทางแยกซ้ายมือ มีป้ายบอกว่าไป #วัดป่าเกร๊ะคี หรือ เลยจากจุดชมวิวม่อนกิ่วลม มาประมาณ4km.
จากจุดนี้แนะนำ ว่าจะต้องใช้รถกระบะ4x4 ทางจะไต่ขึ้นเขาชัน บางช่วงทางเป็นคอนกรีต บางช่วงทางเป็นดินเหนียว ถ้ามาช่วงหน้าฝน ทางค่อนข้างลำบาก แต่ถ้ามาหน้าแล้ง รถกระบะ4x2 สามารถเข้าถึงได้
ทางซ้ายไปวัดป่าเกร๊ะคี
กว่าจะถึง จุดเริ่มเดินตรง #วัดป่าเกร๊ะคี ต.แม่วะหลวง ก็ 9โมงกว่า โดยเราสามารถ จ้างลูกหาบชาวบ้านที่นี้ ในราคาวันละ 500บ./คน ส่วนรถกระบะ4x4 คิดค่ารับ-ส่ง จากอุทยานแม่เมย-วัดป่าเกร๊ะคี จะอยู่ที่ 3,000/คัน
:
ความสูงที่จุดเริ่มเดิน
หลังจากแบ่งของให้ลูกหาบเรียบร้อย ก็เริ่มเดิน ตอน 9:40 ที่ความสูงราว 580ม. พอเริ่มเดินได้ไม่ทันไร ฝนก็เริ่มลงเม็ดหนักขึ้นอีกครั้ง
ช่วงแรก..ทางเดินจะเป็นทางราบ แต่ก็จะค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จึงเดินสบายไม่เหนื่อยมาก เดินตามทางมาได้ ราว7-800ม. ก็จะเจอร่องน้ำ หรือ ลำธารเล็กๆ แล้วเดินตามร่องน้ำไปอีกราว200ม. ก็จะถึงจุดพักก่อนที่จะเดินขึ้นชันๆ
ตอนนี้เดินมาได้ ราว20นาที กับระยะทาง ราว1km. จากจุดนี้ไป จะเจอบันไดปูนช่วงที่1. น่าจะทำไว้เพื่อช่วยให้เดินง่ายขึ้น แต่ความรู้สึกส่วนตัว รู้สึกว่าจะเดินยากกว่าทางพื้นดินธรรมชาติ
พวกเราค่อยๆเดินขึ้นไปทีละก้าวๆ แถวเรียงหนึ่งอย่างช้าๆ ระหว่างทางก็จะเจอป้ายชื่อจุดต่างๆ เช่น จาตุมหาราชิกา , ทางขึ้นสวรรค์ชั้น6 , เนินไผ่ พวกเราก็พักเหนื่อยตามจุดป้ายเป็นระยะๆ
*หมายเหตุ ป้ายที่นี้2ด้าน จะเขียนชื่อไม่เหมือนกัน
จากจุดบันไดปูนช่วงที่1 เดินมาได้ ราว10นาที หรือ ราว300ม. ก็ถึงบันไดปูนช่วงที่2 ตรงนี้จะมีป้าย ชิงช้าสวรรค์ ซึ่งระหว่างทางก็ยังมีป้ายอยู่เป็นระยะๆ เช่น ป้ายเขาเขี้ยวหนุมาน
พอพ้นบันไดปูน ตอนนี้จะเป็นทางเดินดินธรรมชาติแล้ว ทำให้รู้สึกเดินสะดวกกว่า ตอนนี้ทางยังคงชัน และ ก็ชันอย่างต่อเนื่อง พวกเราจึงค่อยๆเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
บางช่วง..ก็จะมีเชือก ไว้ค่อยช่วยจับประคอง ตอนนี้ฝนก็ยังคงตกลงเม็ดหนักพอสมควร จึงทำให้ช่วงเดินอากาศไม่ร้อน
จนเดินมาถึง จุดชมวิวอมก๋อย ตรงนี้จะเป็นจุดโล่งๆนิดหนึ่ง จึงพอที่จะสามารถชมวิวได้ แต่เนื่องจากฝนยังคงตกอยู่ ทำให้หมอกฟุ้ง มองไม่ค่อยเห็นอะไรสักเท่าไร
:
:
ตอนนี้เดินมาได้ ราว1ชั่วโมง กับระยะทางเกือบ2km. ตอนนี้เราจะเดินตามแนวสันเขา ซึ่งก็จะมองเห็นจุดตั้งแคมป์อยู่ไม่ไกล เสียดายหมอกฟุ้งทำให้ไม่ค่อยเห็นอะไรสักเท่าไร
จากตรงนี้ เดินไปอีกราว500ม. ก็จะถึงจุดพักแคมป์ ช่วงนี้ทางจะเดินชันไม่มาก มีเดินลงบางเล็กน้อยตามสันเชื่อม แล้วเดินขึ้นอีกนิดหน่อย
ก็ถึงจุดพักแคมป์ ตอน11โมง กับระยะทางราว2.6km. ซึ่งใช้เวลาเดินเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น ซึ่งจุดพักแคมป์ ผมวัดความสูงได้ ราว1,068ม.
บริเวณจุดพักแคมป์ จะมีศาลาไม่ใหญ่มาก น่าจะขนาด 3x5ม. เหมาะสำหรับเป็นโรงครัว แคมป์กลาง ซึ่งตอนนี้ด้านบนมีถังเก็บน้ำใบใหญ่ถึง2ใบ ส่วนถ้ามาหน้าแล้ง อาจจะไม่มีน้ำฝนให้เก็บในถัง
ถัดจากศาลามาก็จะมีองค์พระ ซึ่งตอนนี้บริเวณโดยรอบหมอกฟุ้ง ขาวโพลนไปหมด จนมองไม่เห็นวิวอะไรเลย
:
:
ผมมาถึงก่อนเพื่อนๆ จึงเดินหาทำเลกางเต๊นท์ ซึ่งดูแล้ว แคมป์ระหว่างข้างๆองค์พระกับศาลา น่าจะเหมาะสุด เพราะ ตรงนี้มีต้นไม้ช่วยบังลมที่มาจากหน้าผาฝั่งตะวันตก
ซึ่งช่วงที่ผมมา ต้องบอกว่าลมฝั่งตะวันตก ด้านหลังองค์พระ ลมแรงมาก แต่ถ้ากางเต๊นท์ ตรงนั้นข้อดีคือ ถ้าหมอกไม่ฟุ้ง เปิดเต๊นท์มา จะเห็นวิวทิวเขา กับ ทะเลหมอก
แต่ฝนยังคงตกอยู่ ผมจึงกางเต๊นท์ทามกลางสายฝน แล้วรีบทำความสะอาดร่างกายที่เปียกชุ่ม และ เปลี่ยนเสื้อผ้า
:
:
ตอนนี้..เพื่อนๆเริ่มทยอยมากันแล้ว แต่ฝนก็ยังคงตกๆหยุดๆ แม้จะไม่มาก แต่ก็ทำให้หมอกฟุ้งขาวโพ้นไปหมด
พวกเราได้แต่รอเวลา และ หวังว่าฟ้าจะเปิด เพราะ ถ้าสถานการณ์ฝนยังคงตกอยู่ แถมหมอกฟุ้งหนา จะมีความเสี่ยงสูงเรื่องความปลอดภัยในการไปกราบไหว้ #ยอดพระเจดีย์เลอกวาเดาะ
ทางไปยอดพระเจดีย์
:
: