นริศโรจน์ เฟื่องระบิล เปิดเผยว่า ทีมงานรายการ Law of the Jungle ลักลอบขึ้นเรือไปจับหอยมือเสือนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ทำให้เจ้าหน้าที่แจ้งความล่าช้า พร้อม
ติดแบล็กลิสต์โปรดิวเซอร์รายการดังห้ามถ่ายทำในประเทศไทยอีก
รายการ Law of the Jungle เป็นการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้อนุมัติให้ เข้าถ่ายทำในบริเวณเกาะแหวน และเกาะมุก ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และได้ชี้แจงระเบียบและข้อกฎหมายให้ปฏิบัติโดยเคร่งครัด
ลักลอบจับหอยมือเสือ นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต
โดยในวันที่ 2 เมษายน ต้องมีการถ่ายทำบริเวณอ่าวสบาย เกาะมุก โดยมีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ เป็นผู้แทนกำกับดูแล แต่เนื่องจากมีคลื่นลมแรงมาก ไม่สามารถถ่ายทำได้ทางทีมงานเกาหลีจึงประสานหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ให้จัดเรือเพื่อจะขอเคลื่อนย้ายทีมงาน นักแสดง กลับไปยังที่พัก
จากนั้นทางคณะแจ้งกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่ควบคุมว่า ขอยุติการถ่ายทำ แต่จริงๆ ได้
แอบขึ้นเรือไปนอกพื้นที่ๆ อนุญาตให้ถ่ายทำ และไปดำน้ำจับหอยมือเสือโดยพลการ
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้แจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกันตัง ให้ดำเนินคดีในความผิดแห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แล้ว
“ ตอนอนุญาตทางเกาหลีก็มีหนังสือยืนยันว่าจะเคารพกฎ แต่สุดท้ายก็ฝ่าฝืนจึงต้องลงโทษขั้นสูงสุดเท่าที่ทำได้คือ blacklist และดำเนินการทางกฏหมายต่อไป ”
เปิดหนังสือขออนุญาต ถ่ายรายการ ระบุชัด ไม่ล่าสัตว์ในไทย
ทั้งนี้ นายนริศโรจน์ ยังได้แนบรูปภาพหนังสือขออนุญาตถ่ายทำรายการ Law of the Jungle ของโปรดิวเซอร์โช ยองแจ ซึ่งมีข้อความ ระบุว่า ขออนุญาตเข้าถ่ายทำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. - 3 เม.ย. และพร้อมจะปฏิบัติตามข้อตกลงดังนี้
1.จะไม่มีการถ่ายทำและการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในประเทศไทย
2.ทางรายการมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของเนื้อหาโดยจากตอนแรกที่มีการกำหนดให้ผู้เข้าร่วมรายการใช้ชีวิตและค้างคืนในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อถ่ายทำและนำเสนอภาพการเดินทางและการทำกิจกรรมต่างๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยหลังจากถ่ายทำกิจกรรมต่างๆ แล้วเสร็จ ทีมงานและผู้เข้าร่วมรายการทุกคนจะออกไปค้างคืนที่เกาะลิบงในพื้นที่ส่วนตัว และจะไม่พักค้างคืนในพื้นที่เป็นของอุทยานแห่งชาติ
แม้ว่าในหนังสือขออนุญาตเข้าถ่ายทำจะมีการระบุไว้ชัดเจนว่า จะไม่ล่าสัตว์ในประเทศไทย แต่ในรายการ Law of the Jungle ก็ได้มีการจับหอยมือเสือซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และอยู่ในบัญชีไซเตสขึ้นมาจากทะเลเพื่อประกอบอาหารรับประทาน
นอกจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ล่าสุด นายนริศโรจน์ ระบุว่า กรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมด้วย
“Law of the Jungle” ขอโทษอย่างเป็นทางการ ปมจับหอยมือเสือ
รายการ “Law of the Jungle” ของเกาหลีใต้ ขอโทษอย่างเป็นทางการ ปมจับหอยมือเสือมาประกอบอาหารระหว่างถ่ายทำรายการในเขตอุทยานฯ ประเทศไทย พร้อมลบคลิปวิดีโอตอนดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของรายการแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากกรณีรายการเกาหลี “Law of the Jungle” ที่ได้มาถ่ายทำในประเทศไทย และออกอากาศทางช่อง SBS เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอี ยอลอึม นักแสดงสาวชาวเกาหลี หนึ่งในผู้ร่วมรายการ ได้จับหอยมือเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองมาประกอบอาหารที่บริเวณเกาะมุก ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมากจนนำไปสู่กระบวนการทางกฎหมาย
ล่าสุด วันนี้ (6 ก.ค.2562) สำนักข่าวเกาหลีใต้ รายงานว่า ทางรายการ “Law of the Jungle” ได้นำคลิปวิดีโอของรายการขณะจับและนำหอยมือเสือมาประกอบอาหารออกจากช่องทางออนไลน์และหน้าเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของรายการแล้ว และทางทีมงานก็ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษอย่างเป็นทางการ ว่า
“ เราต้องขอโทษเป็นอย่างมากถึงความผิดพลาดในการรับทราบข้อกฎหมายเกี่ยวกับกรณีหอยมือเสือในประเทศไทยที่ไม่ครบถ้วน และในอนาคตทางทีมงานจะระมัดระวังการกระทำต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น ”
ทั้งนี้
รายการ Law of the Jungle ยืนยันว่า ได้รับการอนุญาตให้เข้าถ่ายทำในพื้นที่ โดยได้ให้บริษัทแห่งหนึ่งประสานงานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช เพื่อเข้าถ่ายทำในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เกาะแหวน และเกาะมุก
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้อธิบายว่าเป็นการยากที่จะติดตามทีมงานระหว่างถ่ายทำรายการ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่าจะถ่ายทำบริเวณไหนในเขตอุทยานบ้าง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังทีมงานทางเกาหลีเพื่อให้รับทราบถึงการกระทำความผิดและการดำเนินการทางกฎหมายแล้ว
https://news.thaipbs.or.th/content/281479
https://news.thaipbs.or.th/content/281459
“Law of the Jungle” รายการเกาหลีชื่อดังลักลอบขึ้นเรือจับหอยมือเสือนอกพื้นที่ได้รับอนุญาต + ทางรายการออกมาขอโทษและชี้แจง
รายการ Law of the Jungle เป็นการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้อนุมัติให้ เข้าถ่ายทำในบริเวณเกาะแหวน และเกาะมุก ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และได้ชี้แจงระเบียบและข้อกฎหมายให้ปฏิบัติโดยเคร่งครัด
จากนั้นทางคณะแจ้งกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่ควบคุมว่า ขอยุติการถ่ายทำ แต่จริงๆ ได้แอบขึ้นเรือไปนอกพื้นที่ๆ อนุญาตให้ถ่ายทำ และไปดำน้ำจับหอยมือเสือโดยพลการ
ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้แจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกันตัง ให้ดำเนินคดีในความผิดแห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แล้ว
1.จะไม่มีการถ่ายทำและการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในประเทศไทย
2.ทางรายการมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของเนื้อหาโดยจากตอนแรกที่มีการกำหนดให้ผู้เข้าร่วมรายการใช้ชีวิตและค้างคืนในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อถ่ายทำและนำเสนอภาพการเดินทางและการทำกิจกรรมต่างๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยหลังจากถ่ายทำกิจกรรมต่างๆ แล้วเสร็จ ทีมงานและผู้เข้าร่วมรายการทุกคนจะออกไปค้างคืนที่เกาะลิบงในพื้นที่ส่วนตัว และจะไม่พักค้างคืนในพื้นที่เป็นของอุทยานแห่งชาติ
แม้ว่าในหนังสือขออนุญาตเข้าถ่ายทำจะมีการระบุไว้ชัดเจนว่า จะไม่ล่าสัตว์ในประเทศไทย แต่ในรายการ Law of the Jungle ก็ได้มีการจับหอยมือเสือซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และอยู่ในบัญชีไซเตสขึ้นมาจากทะเลเพื่อประกอบอาหารรับประทาน
นอกจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ล่าสุด นายนริศโรจน์ ระบุว่า กรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้งนี้ รายการ Law of the Jungle ยืนยันว่า ได้รับการอนุญาตให้เข้าถ่ายทำในพื้นที่ โดยได้ให้บริษัทแห่งหนึ่งประสานงานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช เพื่อเข้าถ่ายทำในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เกาะแหวน และเกาะมุก
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้อธิบายว่าเป็นการยากที่จะติดตามทีมงานระหว่างถ่ายทำรายการ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่าจะถ่ายทำบริเวณไหนในเขตอุทยานบ้าง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังทีมงานทางเกาหลีเพื่อให้รับทราบถึงการกระทำความผิดและการดำเนินการทางกฎหมายแล้ว
https://news.thaipbs.or.th/content/281479
https://news.thaipbs.or.th/content/281459