ขอเปิดด้วยภาพซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ผมเองไม่เคยเห็นมาก่อน คลื่นสองฝั่งซัดมากระทบกัน จุดที่ผมไปยืนชมนั้นอยู่แถว ๆ ภูเก็ต อยู่ระหว่างการเดินทาง โดยเป็นครั้งแรกที่ได้พบและทำให้ตะลึงถึงความแปลก เพราะคลื่นฟากหนึ่ง ซัดมาพบกับอีกฟากหนึ่ง และจุดตัดตรงกลางนั้นมีความลึกมาก นับว่าเป็นการชมดวงอาทิตย์ตกดินที่สวยงามและแปลกตาที่สุดอีกครั้งหนึ่งในรอบปี
สำหรับอุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่งอันได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน มีผู้คนจำนวนมากรีวิวการท่องเที่ยวให้เห็นกันไปแล้ว ดังนั้นการนำเสนอการท่องเที่ยวในครั้งนี้จึงอยากจะนำเสนอในมุมมองความสวยงามและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และสะท้อนบางอย่างมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเรื่องของการเดินทาง ของกิน ที่เที่ยว สามารถหาได้ในรีวิวอื่น ๆ ที่มีอยู่มากพอสมควร สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เป็นแบบ One Day Trip อันได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เกาะตาชัย และหมู่เกาะสิมิลัน
ขอเริ่มจากเกาะตาชัยก่อน เป็นหมู่เกาะที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวได้ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกาะตาชัยเป็นหนึ่งในหมู่เกาะสิมิลัน เดิมมีชื่อว่าเกาะบัว เนื่องจากบนเกาะแห่งนี้มีบึงบัวขนาดใหญ่ดังเช่นในภาพ ส่วนที่ได้ชื่อว่าเกาะตาชัยเพราะ มีชาวประมงชาวมอแกนนามว่า "ชัย" ชาวบ้านเรียกกันว่าตาชัย มาที่เกาะแห่งนี้ เป็นเกาะที่ใช้หลบพายุ เนื่องจากสามารถหลบได้ทั้งสองด้านจึงเป็นที่นิยมสำหรับชาวประมง หลังจากนั้นก็เรียกกันง่าย ๆ ว่าเกาะตาชัยจนติดปาก เกาะตาชัยเป็นเกาะลำดับที่ 11 ของหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ห่างจากกลุ่มมากที่สุด จุดเด่นก็คงไม่พ้นปูไก่ หอยมรกต และค้างคาวแม่ไก่ห้อยหัวให้เห็นอยู่ทั่วไป อีกทั้งยังมีหาดทรายขาวละเอียดนุ่มละมุนยาว 800 เมตร ที่ถ่ายรูปออกมายังไงก็สวยงาม
ในการเดินทางไปชมทั้ง 3 เกาะ โดยส่วนตัวแล้วมองว่าเกาะตาชัยนั้นมีความขาวและทรายละเอียดมากที่สุด
ลักษณะทางธรรมชาติของป่าในภาคใต้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นป่าดิบชื้น ซึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และหมู่เกาะสิมิลัน สภาพผืนป่าบนเกาะทั้งหมดก็เป็นป่าดิบชื้นเช่นกัน
เมื่อซูมภาพเข้าไปเราจะเห็นได้ว่า ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติด้านผืนป่านั้นมีอยู่เต็มพื้นที่
กิจกรรมบนเกาะตาชัยนั้นเราจะทำได้หลายอย่าง เช่น การเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เดินขึ้นไปจุดชมวิว การชมวิถีชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนเกาะ การดำน้ำตื้น และการพักผ่อนบริเวณชายหาด จากภาพคลื่นกำลังซัดเข้าฝั่ง สีน้ำทะเลสวยงามตัดกับสีของหาดทรายสวยงามเป็นอย่างมาก
เริ่มต้นกันที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อขึ้นไปดูจุดชมวิว ลักษณะเส้นทางจะเป็นการเดินขึ้นเขาระยะทางไม่ไกลมากนักซึ่งลักษณะทางเดินก็จะเป็นอย่างที่เห็นในภาพ
ส่วนจุดชมวิวด้านบนนี้จะสามารถเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะตาชัยอีกฟากหนึ่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งฝั่งนี้จะไม่มีชายหาดแต่มีความเงียบสงบ เกาะตาชัยนั้นเป็นเกาะที่เหล่าชาวประมงใช้เพื่อหลบพายุ ซึ่งสามารถหลบได้ทั้งสองฝั่ง ซึ่งคือจุดชมวิวที่เห็นในภาพคือด้านหนึ่ง และอีกด้านหนึ่งคือด้านที่มีชายหาดนั่นเอง ยามที่พายุมาด้านใดก็สามารถที่จะหลบได้ในฝั่งตรงข้าม
หลังจากที่ขึ้นไปชมจุดชมวิวแล้ว อีกเส้นทางหนึ่งสำหรับการศึกษาธรรมชาตินั้นจะเป็นเส้นทางที่สามารถดูปูไก่ซึ่งในช่วงเวลากลางวันจะหลบอยู่ตามรากไม้ ปูไก่ เป็นปูที่เวลาเสียงก้ามกระทบกันมีเสียงคล้ายไก่จึงถูกเรียกตามชื่อนี้ ปูไก่ไม่นิยมนำมาเป็นอาหารเพราะเนื้อมีกลิ่นฉุน และบนเกาะตาชัยหากไปรบกวนปูไก่จะต้องเสียค่าปรับด้วย การถ่ายภาพปูไก่ในเวลากลางวันก็มีข้อห้ามไม่ให้ใช้แฟลชในการถ่ายภาพเช่นกัน หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นรูปที่ปูไก่นั้นออกมาเดินที่ชายหาด ซึ่งหากจะเห็นได้ต้องเป็นช่วงเวลาเช้า ดังนั้นโดยปกติจึงจะเห็นหลบพักผ่อนอยู่แถวรากไม้แบบนี้นั่นเอง
ค้างคาวแม่ไกก็อยู่ตามต้นไม้ให้เห็นทั่วไปเช่นกัน
สำหรับหอยมรกต เป็นหอยที่พบได้เฉพาะที่เกาะตาชัยเท่านั้น มีลักษณะเฉพาะ ที่ก้นหอยจะหมุนวนซ้ายแตกต่างจากหอยชนิดอื่นที่จะวนขวา ทำให้อวัยวะนั้นก็กลับวนไปอีกทาง และทำให้การขยายพันธุ์ทำได้เฉพาะในหอยชนิดเดียวกันเท่านั้น แต่เดิมหอยพันธุ์นี้จะมีทั้งวนขวาและวนซ้าย แต่เป็นการวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอด ขนาดจึงมีเล็กลงเรื่อย ๆ เพื่อหนีจากผู้ล่า โอกาสที่จะเห็นหอยชนิดนี้เคลื่อนที่นั้นเป็นเรื่องยาก
ปูเสฉวนขนาดใหญ่สามารถพบได้ทั่วไปบนเกาะตาชัย
ก่อนจะไปที่หมู่เกาะอื่น ๆ จะขอประมวลภาพการดำน้ำจากทั้ง 3 เกาะไว้ก่อน บางจุดที่ไปดำน้ำก็ฟอกขาวไปมากแล้ว
นับได้ว่าท้องทะเลไทยนั้นสวยงามมาก ความสวยงามแบบนี้เหมาะแก่การมาพักผ่อน แต่ในฐานะที่เราเป็นนักท่องเที่ยว สิ่งที่ไม่ควรทำคือการทำลายธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการเหยียบบนปะการัง ทิ้งขยะลงทะเล เก็บเปลือกหอย หรือปะการังกลับมา ซึ่งเราสามารถเก็บความทรงจำที่สวยงามไว้ด้วยภาพถ่ายแบบนี้นั่นเอง
ต่อด้วยอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะที่ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือมากที่สุดกว่าสองชั่วโมงกว่า และเรือไม่ได้มีการออกเดินทางมาที่นี่ทุกวันจะมีเฉพาะบางวันเท่านั้น เป็นหมู่เกาะที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในเรื่องของการดำน้ำตื้น ซึ่งกิจกรรมหลัก ๆ ของการมาทริปแบบวันเดียวก็คือการมาดำน้ำตื้นนั่นเอง ซึ่งหากต้องการที่จะดำน้ำให้ครบทุกจุดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันในการมาทริปที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์
จุดดำน้ำตื้นของหมู่เกาะสุรินทร์นั้น น้ำใส ใสมาก ใสจนสามารถมองเห็นปะการังได้จากบนเรือ
เมื่อลองซูมภาพลงไปชัด ๆ จะเห็นเหล่าปะการังได้อย่างชัดเจนจากบนเรือ
หลังจากที่เราดำน้ำกันในช่วงเช้า ก็จะมาเดินเล่นบนที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โดยรอบบริเวณเกาะนั้นก็มีชายหาดที่ขาวละเอียดแต่ต้องระวังเนื่องจากบางจุดก็มีเศษหินขนาดใหญ่ปะปนมาอยู่ด้วย
ในช่วงบ่ายนอกเหนือจากกิจกรรมดำน้ำแล้ว ยังได้ไปชมวิถีชีวิตของชาวยิปซีทะเล หรือชาวมอแกน ซึ่งชาวบ้านที่นี่ทุกคนจะมีนามสกุลพระราชทานที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเล เช่น กล้าทะเล เป็นต้น จากผลกระทบของซึนามิเมื่อหลายปีก่อน ทำให้จากเดิมที่บ้านของชาวมอแกนนั้นจะเป็นการตั้งเสาแล้วอยู่บริเวณทะเลเปลี่ยนเป็นขึ้นไปอยู่บนฝั่งแทน ซึ่งก็อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เช่นกัน
บ้านของชาวมอแกนมีลักษณะคล้ายกันหมด
ชาวมอแกนว่ากันว่ามีความสามารถพิเศษในการดำน้ำ สามารถมองเห็นใต้น้ำได้โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ใด ๆ และยังสามารถดำน้ำได้นานอีกด้วย
เด็ก ๆ ชาวมอแกน ที่ดูจะคุ้นชินกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
แมวทะเลก็มี
และสุดท้ายกับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลันนั้นจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการดำน้ำลึกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยที่เกาะ 7 เรามีโอกาสที่จะสามารถเจอเต่าทะเลได้ นักท่องเที่ยวสามารถพักบนที่พัก ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติได้จัดเตรียมไว้บนเกาะ 4 ได้ ในการท่องเที่ยวแบบวันเดียว จะมีกิจกรรมให้ทำคือการดำน้ำและการพักผ่อนบนชายหาด โดยจะมีเกาะ 4 และเกาะ 8 ที่จะได้ขึ้นไปบนชายหาด
ที่เกาะ 8 สัญลักษณ์หินรูปใบพัดก็ดูจะเป็นอะไรที่เห็นชัดเจนดี คนเยอะมาก และก็ร้อนมากเช่นกัน
จุดชมวิวบนเกาะ 8
อีกด้านหนึ่งของเกาะ 8 ที่เงียบสงบดี
เกาะสิมิลันจะมีบางส่วนที่เป็นหาดทรายเล็ก ๆ โดยจะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเด็ดขาด เป็นการอนุรักษ์พื้นที่เปราะบางทางธรรมชาติ
เนื่องจากเวลาจำกัด ในการเที่ยวแบบวันเดียว หากจะขึ้นมาชมจุดชมวิวที่เกาะ 4 จะต้องทำเวลาในการเดินขึ้นเขาเพื่อมาที่จุดชมวิวพอสมควร ทางชันและใช้เวลาในการเดิน แต่เมื่อขึ้นมาถึงก็คุ้มค่ากับความงดงามของทิวทัศน์ที่ได้เห็น
ซูมลงมาเห็นนักท่องเที่ยวและความสวยงามของสีน้ำทะเล หลังจากชมความงามบนจุดชมวิวเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกลับ
ปิดท้ายทริปด้วยภาพของดวงอาทิตย์ตกดินที่ริมชายหาด ของจังหวัดพังงาที่สวยงาม
ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทางทะเล หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลัน เกาะตาชัย
ขอเปิดด้วยภาพซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ผมเองไม่เคยเห็นมาก่อน คลื่นสองฝั่งซัดมากระทบกัน จุดที่ผมไปยืนชมนั้นอยู่แถว ๆ ภูเก็ต อยู่ระหว่างการเดินทาง โดยเป็นครั้งแรกที่ได้พบและทำให้ตะลึงถึงความแปลก เพราะคลื่นฟากหนึ่ง ซัดมาพบกับอีกฟากหนึ่ง และจุดตัดตรงกลางนั้นมีความลึกมาก นับว่าเป็นการชมดวงอาทิตย์ตกดินที่สวยงามและแปลกตาที่สุดอีกครั้งหนึ่งในรอบปี
สำหรับอุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่งอันได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน มีผู้คนจำนวนมากรีวิวการท่องเที่ยวให้เห็นกันไปแล้ว ดังนั้นการนำเสนอการท่องเที่ยวในครั้งนี้จึงอยากจะนำเสนอในมุมมองความสวยงามและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และสะท้อนบางอย่างมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเรื่องของการเดินทาง ของกิน ที่เที่ยว สามารถหาได้ในรีวิวอื่น ๆ ที่มีอยู่มากพอสมควร สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เป็นแบบ One Day Trip อันได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เกาะตาชัย และหมู่เกาะสิมิลัน
ขอเริ่มจากเกาะตาชัยก่อน เป็นหมู่เกาะที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวได้ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกาะตาชัยเป็นหนึ่งในหมู่เกาะสิมิลัน เดิมมีชื่อว่าเกาะบัว เนื่องจากบนเกาะแห่งนี้มีบึงบัวขนาดใหญ่ดังเช่นในภาพ ส่วนที่ได้ชื่อว่าเกาะตาชัยเพราะ มีชาวประมงชาวมอแกนนามว่า "ชัย" ชาวบ้านเรียกกันว่าตาชัย มาที่เกาะแห่งนี้ เป็นเกาะที่ใช้หลบพายุ เนื่องจากสามารถหลบได้ทั้งสองด้านจึงเป็นที่นิยมสำหรับชาวประมง หลังจากนั้นก็เรียกกันง่าย ๆ ว่าเกาะตาชัยจนติดปาก เกาะตาชัยเป็นเกาะลำดับที่ 11 ของหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ห่างจากกลุ่มมากที่สุด จุดเด่นก็คงไม่พ้นปูไก่ หอยมรกต และค้างคาวแม่ไก่ห้อยหัวให้เห็นอยู่ทั่วไป อีกทั้งยังมีหาดทรายขาวละเอียดนุ่มละมุนยาว 800 เมตร ที่ถ่ายรูปออกมายังไงก็สวยงาม
ในการเดินทางไปชมทั้ง 3 เกาะ โดยส่วนตัวแล้วมองว่าเกาะตาชัยนั้นมีความขาวและทรายละเอียดมากที่สุด
ลักษณะทางธรรมชาติของป่าในภาคใต้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นป่าดิบชื้น ซึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และหมู่เกาะสิมิลัน สภาพผืนป่าบนเกาะทั้งหมดก็เป็นป่าดิบชื้นเช่นกัน
เมื่อซูมภาพเข้าไปเราจะเห็นได้ว่า ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติด้านผืนป่านั้นมีอยู่เต็มพื้นที่
กิจกรรมบนเกาะตาชัยนั้นเราจะทำได้หลายอย่าง เช่น การเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เดินขึ้นไปจุดชมวิว การชมวิถีชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนเกาะ การดำน้ำตื้น และการพักผ่อนบริเวณชายหาด จากภาพคลื่นกำลังซัดเข้าฝั่ง สีน้ำทะเลสวยงามตัดกับสีของหาดทรายสวยงามเป็นอย่างมาก
เริ่มต้นกันที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อขึ้นไปดูจุดชมวิว ลักษณะเส้นทางจะเป็นการเดินขึ้นเขาระยะทางไม่ไกลมากนักซึ่งลักษณะทางเดินก็จะเป็นอย่างที่เห็นในภาพ
ส่วนจุดชมวิวด้านบนนี้จะสามารถเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเกาะตาชัยอีกฟากหนึ่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งฝั่งนี้จะไม่มีชายหาดแต่มีความเงียบสงบ เกาะตาชัยนั้นเป็นเกาะที่เหล่าชาวประมงใช้เพื่อหลบพายุ ซึ่งสามารถหลบได้ทั้งสองฝั่ง ซึ่งคือจุดชมวิวที่เห็นในภาพคือด้านหนึ่ง และอีกด้านหนึ่งคือด้านที่มีชายหาดนั่นเอง ยามที่พายุมาด้านใดก็สามารถที่จะหลบได้ในฝั่งตรงข้าม
หลังจากที่ขึ้นไปชมจุดชมวิวแล้ว อีกเส้นทางหนึ่งสำหรับการศึกษาธรรมชาตินั้นจะเป็นเส้นทางที่สามารถดูปูไก่ซึ่งในช่วงเวลากลางวันจะหลบอยู่ตามรากไม้ ปูไก่ เป็นปูที่เวลาเสียงก้ามกระทบกันมีเสียงคล้ายไก่จึงถูกเรียกตามชื่อนี้ ปูไก่ไม่นิยมนำมาเป็นอาหารเพราะเนื้อมีกลิ่นฉุน และบนเกาะตาชัยหากไปรบกวนปูไก่จะต้องเสียค่าปรับด้วย การถ่ายภาพปูไก่ในเวลากลางวันก็มีข้อห้ามไม่ให้ใช้แฟลชในการถ่ายภาพเช่นกัน หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นรูปที่ปูไก่นั้นออกมาเดินที่ชายหาด ซึ่งหากจะเห็นได้ต้องเป็นช่วงเวลาเช้า ดังนั้นโดยปกติจึงจะเห็นหลบพักผ่อนอยู่แถวรากไม้แบบนี้นั่นเอง
ค้างคาวแม่ไกก็อยู่ตามต้นไม้ให้เห็นทั่วไปเช่นกัน
สำหรับหอยมรกต เป็นหอยที่พบได้เฉพาะที่เกาะตาชัยเท่านั้น มีลักษณะเฉพาะ ที่ก้นหอยจะหมุนวนซ้ายแตกต่างจากหอยชนิดอื่นที่จะวนขวา ทำให้อวัยวะนั้นก็กลับวนไปอีกทาง และทำให้การขยายพันธุ์ทำได้เฉพาะในหอยชนิดเดียวกันเท่านั้น แต่เดิมหอยพันธุ์นี้จะมีทั้งวนขวาและวนซ้าย แต่เป็นการวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอด ขนาดจึงมีเล็กลงเรื่อย ๆ เพื่อหนีจากผู้ล่า โอกาสที่จะเห็นหอยชนิดนี้เคลื่อนที่นั้นเป็นเรื่องยาก
ปูเสฉวนขนาดใหญ่สามารถพบได้ทั่วไปบนเกาะตาชัย
ก่อนจะไปที่หมู่เกาะอื่น ๆ จะขอประมวลภาพการดำน้ำจากทั้ง 3 เกาะไว้ก่อน บางจุดที่ไปดำน้ำก็ฟอกขาวไปมากแล้ว
นับได้ว่าท้องทะเลไทยนั้นสวยงามมาก ความสวยงามแบบนี้เหมาะแก่การมาพักผ่อน แต่ในฐานะที่เราเป็นนักท่องเที่ยว สิ่งที่ไม่ควรทำคือการทำลายธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการเหยียบบนปะการัง ทิ้งขยะลงทะเล เก็บเปลือกหอย หรือปะการังกลับมา ซึ่งเราสามารถเก็บความทรงจำที่สวยงามไว้ด้วยภาพถ่ายแบบนี้นั่นเอง
ต่อด้วยอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เป็นหมู่เกาะที่ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือมากที่สุดกว่าสองชั่วโมงกว่า และเรือไม่ได้มีการออกเดินทางมาที่นี่ทุกวันจะมีเฉพาะบางวันเท่านั้น เป็นหมู่เกาะที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในเรื่องของการดำน้ำตื้น ซึ่งกิจกรรมหลัก ๆ ของการมาทริปแบบวันเดียวก็คือการมาดำน้ำตื้นนั่นเอง ซึ่งหากต้องการที่จะดำน้ำให้ครบทุกจุดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันในการมาทริปที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์
จุดดำน้ำตื้นของหมู่เกาะสุรินทร์นั้น น้ำใส ใสมาก ใสจนสามารถมองเห็นปะการังได้จากบนเรือ
เมื่อลองซูมภาพลงไปชัด ๆ จะเห็นเหล่าปะการังได้อย่างชัดเจนจากบนเรือ
หลังจากที่เราดำน้ำกันในช่วงเช้า ก็จะมาเดินเล่นบนที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โดยรอบบริเวณเกาะนั้นก็มีชายหาดที่ขาวละเอียดแต่ต้องระวังเนื่องจากบางจุดก็มีเศษหินขนาดใหญ่ปะปนมาอยู่ด้วย
ในช่วงบ่ายนอกเหนือจากกิจกรรมดำน้ำแล้ว ยังได้ไปชมวิถีชีวิตของชาวยิปซีทะเล หรือชาวมอแกน ซึ่งชาวบ้านที่นี่ทุกคนจะมีนามสกุลพระราชทานที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเล เช่น กล้าทะเล เป็นต้น จากผลกระทบของซึนามิเมื่อหลายปีก่อน ทำให้จากเดิมที่บ้านของชาวมอแกนนั้นจะเป็นการตั้งเสาแล้วอยู่บริเวณทะเลเปลี่ยนเป็นขึ้นไปอยู่บนฝั่งแทน ซึ่งก็อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เช่นกัน
บ้านของชาวมอแกนมีลักษณะคล้ายกันหมด
ชาวมอแกนว่ากันว่ามีความสามารถพิเศษในการดำน้ำ สามารถมองเห็นใต้น้ำได้โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ใด ๆ และยังสามารถดำน้ำได้นานอีกด้วย
เด็ก ๆ ชาวมอแกน ที่ดูจะคุ้นชินกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
แมวทะเลก็มี
และสุดท้ายกับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลันนั้นจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการดำน้ำลึกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยที่เกาะ 7 เรามีโอกาสที่จะสามารถเจอเต่าทะเลได้ นักท่องเที่ยวสามารถพักบนที่พัก ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติได้จัดเตรียมไว้บนเกาะ 4 ได้ ในการท่องเที่ยวแบบวันเดียว จะมีกิจกรรมให้ทำคือการดำน้ำและการพักผ่อนบนชายหาด โดยจะมีเกาะ 4 และเกาะ 8 ที่จะได้ขึ้นไปบนชายหาด
ที่เกาะ 8 สัญลักษณ์หินรูปใบพัดก็ดูจะเป็นอะไรที่เห็นชัดเจนดี คนเยอะมาก และก็ร้อนมากเช่นกัน
จุดชมวิวบนเกาะ 8
อีกด้านหนึ่งของเกาะ 8 ที่เงียบสงบดี
เกาะสิมิลันจะมีบางส่วนที่เป็นหาดทรายเล็ก ๆ โดยจะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเด็ดขาด เป็นการอนุรักษ์พื้นที่เปราะบางทางธรรมชาติ
เนื่องจากเวลาจำกัด ในการเที่ยวแบบวันเดียว หากจะขึ้นมาชมจุดชมวิวที่เกาะ 4 จะต้องทำเวลาในการเดินขึ้นเขาเพื่อมาที่จุดชมวิวพอสมควร ทางชันและใช้เวลาในการเดิน แต่เมื่อขึ้นมาถึงก็คุ้มค่ากับความงดงามของทิวทัศน์ที่ได้เห็น
ซูมลงมาเห็นนักท่องเที่ยวและความสวยงามของสีน้ำทะเล หลังจากชมความงามบนจุดชมวิวเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกลับ
ปิดท้ายทริปด้วยภาพของดวงอาทิตย์ตกดินที่ริมชายหาด ของจังหวัดพังงาที่สวยงาม