ปัญหาหลายๆ อย่างเกิดขึ้นจากข่าวมากมาย เช่น ปัญหาการจอดรถ ปัญหาคอนโดให้เช่ารายวัน ปัญหาใช้พื้นที่จัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสม ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น แต่รัฐกลับไม่มีการแก้ปัญหาอย่างชัดเจน
ผมเคยไปดูบ้านในโครงการจัดสรร มีนิติบุคคลดูแล มี รปภ. กล้องวงจรปิด สมัยที่กำลังหาบ้าน ไปเจอโครงการหนึ่ง ทำเลค่อนข้างดี เฟสแรกอยู่ใกล้ถนนใหญ่ ขายหมดแล้ว แต่ก็มีขายมือสอง ส่วนเฟสที่สอง (แยกจากเฟสแรกใช้ทางเข้าออกคนละทาง) เหลือไม่กี่หลัง อยู่ติดกับเฟสแรก แต่ก็ใกล้กับเสาไฟฟ้าแรงสูง เลยเลือกที่จะเข้าไปดูเฟสแรกก่อน สรุปคือ ไม่เลือกทั้ง 2 เฟส ไปหาที่อื่น
ปรากกฎว่าถนนในโครงการกว้างประมาณแค่ถนน 2 เลน (มีทางกลับรถแยกต่างหาก) แต่ปัญหาที่เจอนอกจากถนนแคบแล้ว ยังเจอปัญหาการจอดรถ เนื่องมาจาก บ้านภายในโครงการ เปิดเป็นบริษัท (มีป้ายติดชัดเจน) แถมยังเปิดติดกันหลายหลัง (คนละบริษัท) มีพนักงานและคนมาติดต่อจอดรถบนถนนตลอดแนว ทำให้ถนนเหลือเลนเดียว แคบ เข้า-ออกลำบาก จึงไม่คิดจะซื้อ เพราะคิดว่าซื้อมาต้องเจอปัญหาระยะยาวแน่นอน แค่ปัญหาคนภายในหมู่บ้านจอดรถบนถนนส่วนกลางก็แย่อยู่แล้ว ยังมาเจอปัญหาคนเปิดเป็นบริษัทอีก
ผมไม่เข้าใจว่า ภาครัฐมีนโยบายยังไง ถึงได้อนุญาตให้เจ้าของบ้าน สามารถจดทะเบียนเปิดเป็นบริษัทได้ ทั้งที่พื้นที่นั้น ถูกจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัย ควรเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างเดียว ไม่ใช่สำหรับทำการค้า แถมหมู่บ้านยังมีนิติดูแลอีกด้วย
ทุกวันนี้โครงการที่อยู่ ก็ยังมีคนเปิดเป็นบริษัท มีป้ายชัดเจนเหมือนกัน แต่ก็ยังโชคดี ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
ภาครัฐควรเข้ามาดูแลในส่วนนี้ ไม่ควรให้ พื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัย สามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ หากคนที่ต้องการเปิดบริษัท ควรไปอยู่ในพื้นที่ๆ เหมาะแก่การตั้งบริษัท เช่น เช่าพื้นที่ในตึก หรือเป็นตึกเพื่อการพาณิชย์ (เดี๋ยวนี้ก็มีโครงการขายตึกที่เป็นอาคารพาณิชย์รุ่นใหม่ มีพื้นที่จอดรถส่วนกลางเยอะ) ไม่ใช่เอาพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัย มาทำเป็นบริษัท เพราะนอกจากไม่เหมาะสมแล้ว ยังสร้างปัญหาเรื่องการจอดรถอีกด้วย
ยังไม่รวมถึงปัญหาคอนโด ที่เปิดให้เช่ารายวัน (เช่ารายเดือนรายปี ยังพอเข้าใจได้) คือ คอนโดไม่ใช่โรงแรม ที่จะให้ใครเข้าๆ ออกๆ ได้ คนที่อยู่อาศัยเขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัยได้เหมือนกัน
ส่วนตัวแนะนำคนที่จะซื้อคอนโด และบ้านเดี่ยว ควรเลือกให้ดี เพราะปัญหาเหล่านี้ ยังไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง และปัญหาเหล่านี้แหละจะสร้างความรำคาญระยะยาวให้กับคุณ
เมืองไทยควรจัดระเบียบที่พักอาศัย และการค้าให้แยกออกจากกันอย่างชัดเจน ใครคิดจะซื้อบ้านควรอ่าน
ผมเคยไปดูบ้านในโครงการจัดสรร มีนิติบุคคลดูแล มี รปภ. กล้องวงจรปิด สมัยที่กำลังหาบ้าน ไปเจอโครงการหนึ่ง ทำเลค่อนข้างดี เฟสแรกอยู่ใกล้ถนนใหญ่ ขายหมดแล้ว แต่ก็มีขายมือสอง ส่วนเฟสที่สอง (แยกจากเฟสแรกใช้ทางเข้าออกคนละทาง) เหลือไม่กี่หลัง อยู่ติดกับเฟสแรก แต่ก็ใกล้กับเสาไฟฟ้าแรงสูง เลยเลือกที่จะเข้าไปดูเฟสแรกก่อน สรุปคือ ไม่เลือกทั้ง 2 เฟส ไปหาที่อื่น
ปรากกฎว่าถนนในโครงการกว้างประมาณแค่ถนน 2 เลน (มีทางกลับรถแยกต่างหาก) แต่ปัญหาที่เจอนอกจากถนนแคบแล้ว ยังเจอปัญหาการจอดรถ เนื่องมาจาก บ้านภายในโครงการ เปิดเป็นบริษัท (มีป้ายติดชัดเจน) แถมยังเปิดติดกันหลายหลัง (คนละบริษัท) มีพนักงานและคนมาติดต่อจอดรถบนถนนตลอดแนว ทำให้ถนนเหลือเลนเดียว แคบ เข้า-ออกลำบาก จึงไม่คิดจะซื้อ เพราะคิดว่าซื้อมาต้องเจอปัญหาระยะยาวแน่นอน แค่ปัญหาคนภายในหมู่บ้านจอดรถบนถนนส่วนกลางก็แย่อยู่แล้ว ยังมาเจอปัญหาคนเปิดเป็นบริษัทอีก
ผมไม่เข้าใจว่า ภาครัฐมีนโยบายยังไง ถึงได้อนุญาตให้เจ้าของบ้าน สามารถจดทะเบียนเปิดเป็นบริษัทได้ ทั้งที่พื้นที่นั้น ถูกจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัย ควรเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างเดียว ไม่ใช่สำหรับทำการค้า แถมหมู่บ้านยังมีนิติดูแลอีกด้วย
ทุกวันนี้โครงการที่อยู่ ก็ยังมีคนเปิดเป็นบริษัท มีป้ายชัดเจนเหมือนกัน แต่ก็ยังโชคดี ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
ภาครัฐควรเข้ามาดูแลในส่วนนี้ ไม่ควรให้ พื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัย สามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ หากคนที่ต้องการเปิดบริษัท ควรไปอยู่ในพื้นที่ๆ เหมาะแก่การตั้งบริษัท เช่น เช่าพื้นที่ในตึก หรือเป็นตึกเพื่อการพาณิชย์ (เดี๋ยวนี้ก็มีโครงการขายตึกที่เป็นอาคารพาณิชย์รุ่นใหม่ มีพื้นที่จอดรถส่วนกลางเยอะ) ไม่ใช่เอาพื้นที่จัดสรรเพื่ออยู่อาศัย มาทำเป็นบริษัท เพราะนอกจากไม่เหมาะสมแล้ว ยังสร้างปัญหาเรื่องการจอดรถอีกด้วย
ยังไม่รวมถึงปัญหาคอนโด ที่เปิดให้เช่ารายวัน (เช่ารายเดือนรายปี ยังพอเข้าใจได้) คือ คอนโดไม่ใช่โรงแรม ที่จะให้ใครเข้าๆ ออกๆ ได้ คนที่อยู่อาศัยเขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัยได้เหมือนกัน
ส่วนตัวแนะนำคนที่จะซื้อคอนโด และบ้านเดี่ยว ควรเลือกให้ดี เพราะปัญหาเหล่านี้ ยังไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง และปัญหาเหล่านี้แหละจะสร้างความรำคาญระยะยาวให้กับคุณ