เราไหว้พระพุทธเจ้าทำไม?
เราไหว้พระพุทธเจ้าทำไม? เพราะว่ากตัญญู สำนึกบุญคุณ รู้พระคุณของพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้เราไหว้ท่านทำให้เราอยู่ดี มีความปลอดภัย เราตื่นขึ้นมาได้เพราะพระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ ผู้คนเมตตาต่อเราเพราะว่าพระพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้
เราไหว้พระพุทธเจ้าจึงเกิดกุศล คือ โอกาสที่จะได้รับปัญญา แต่บางครั้งเราได้รับปัญญาแล้ว แต่เราไม่อยากจะทำตามปัญญานั้น แสดงว่าเราสละสิทธิ์เอง ช่วยไม่ได้ ก็ในเมื่อคุณมีสิทธิ์เข้าไปทำประตู แต่คุณไม่ทำ คุณมีสิทธิ์ได้รับคูปอง แต่คุณไม่เอา ก็ช่วยไม่ได้ หรือแม้แต่คุณได้รับคูปองแล้ว แต่คุณไม่ใช้ก็ช่วยไม่ได้ คุณรับสิทธิ์เองได้ คุณก็สละสิทธิ์เองได้
เราทำบุญ เราก็ได้รับผลไปแล้ว เรารับเป็นคูปอง รับมาเป็นสิทธิ์ แล้วคุณไม่ใช้สิทธิ์ก็เป็นการฟาวล์แล้ว เพราะว่าผลนี้จึงจะไปต่อผล ผลนี้จะไปเป็นเหตุของตัวนี้กันแล้วจะไปก่อให้เกิดผลที่ดีกว่านั้น เพราะเราทิ้งผลตรงนี้ก็เหมือนกับเราทิ้งเหตุไปเลย
สมมติว่าตรงนี้เกิดผลแล้ว จึงเป็นเหตุของตัวนี้ ถึงจะมาเกิดผลที่ดีกว่านี้
ถ้าเรามาสร้างกุศลแล้ว แต่เราไม่เข้าใจปัญญาขององค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราไว้นั้น กุศลก็คือมีโอกาสที่ได้รับสิทธิ์ให้เกิดปัญญา
ถ้าเราไปปัดกวาดวัดทุกวัน เดี๋ยวก็จะเจอพระองค์หนึ่งที่จะมาสอนเราได้ เพราะเรามีโอกาส ส่วนพระท่านให้โอกาส ยังไงก็ต้องมีผู้มาให้ปัญญา อาจจะเจอผู้รู้ก็ได้
เรานำภัตตาหารเรานำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ เราก็ได้บุญแล้ว คือ ได้ความสบายใจ แล้วตัวบุญนี้จะกักเก็บไว้เป็นเสบียงบุญให้กับเรา
ในเมื่อเราวถวายภัตตาหารนี้แล้ว เราก็ได้กุศลด้วย แต่สมมติว่า เราค้าขายเจ๊ง พระท่านก็ไม่ได้ให้ปัญญาแก่ผมเลย ก็เพราะเราไม่ได้ถามพระ พระท่านเลยไม่ได้อธิบายให้เรา
เราเอาสายยางน้ำไปถวายวัดแล้วจะรวย เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราเอาสายยางน้ำนี้ไปขาย นี่แหละ รวย
ถ้าเราซื้อผลไม้ไปถวายพระพุทธรูป ท่านก็ไม่ได้พูดปัญญาให้แก่เรา แต่เราเมื่อถวายพระพุทธรูปแล้ว เราต้องไปผ่านพระสงฆ์ให้ท่านอธิบายธรรมะ ให้ปัญญาแก่เรา
ถ้าเราถวายพระพุทธเจ้าแล้ว เราจะคิดถึงพระธรรมมั้ย ถ้าคิดถึงพระธรรม ในพระธรรมก็จะมีหมวดธรรมะเกี่ยวกับการค้าขาย เราก็จะเกิดกุศลแล้ว เป็นปัญญาไปทำค้าขายได้แล้ว ถึงแม้ไม่มีพระสงฆ์มาอธิบายให้เราทำมาค้าขายดีแล้ว
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
เราไหว้พระพุทธเจ้าทำไม?
เราไหว้พระพุทธเจ้าทำไม? เพราะว่ากตัญญู สำนึกบุญคุณ รู้พระคุณของพระพุทธเจ้า ทุกวันนี้เราไหว้ท่านทำให้เราอยู่ดี มีความปลอดภัย เราตื่นขึ้นมาได้เพราะพระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ ผู้คนเมตตาต่อเราเพราะว่าพระพุทธเจ้าได้สั่งสอนไว้
เราไหว้พระพุทธเจ้าจึงเกิดกุศล คือ โอกาสที่จะได้รับปัญญา แต่บางครั้งเราได้รับปัญญาแล้ว แต่เราไม่อยากจะทำตามปัญญานั้น แสดงว่าเราสละสิทธิ์เอง ช่วยไม่ได้ ก็ในเมื่อคุณมีสิทธิ์เข้าไปทำประตู แต่คุณไม่ทำ คุณมีสิทธิ์ได้รับคูปอง แต่คุณไม่เอา ก็ช่วยไม่ได้ หรือแม้แต่คุณได้รับคูปองแล้ว แต่คุณไม่ใช้ก็ช่วยไม่ได้ คุณรับสิทธิ์เองได้ คุณก็สละสิทธิ์เองได้
เราทำบุญ เราก็ได้รับผลไปแล้ว เรารับเป็นคูปอง รับมาเป็นสิทธิ์ แล้วคุณไม่ใช้สิทธิ์ก็เป็นการฟาวล์แล้ว เพราะว่าผลนี้จึงจะไปต่อผล ผลนี้จะไปเป็นเหตุของตัวนี้กันแล้วจะไปก่อให้เกิดผลที่ดีกว่านั้น เพราะเราทิ้งผลตรงนี้ก็เหมือนกับเราทิ้งเหตุไปเลย
สมมติว่าตรงนี้เกิดผลแล้ว จึงเป็นเหตุของตัวนี้ ถึงจะมาเกิดผลที่ดีกว่านี้
ถ้าเรามาสร้างกุศลแล้ว แต่เราไม่เข้าใจปัญญาขององค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราไว้นั้น กุศลก็คือมีโอกาสที่ได้รับสิทธิ์ให้เกิดปัญญา
ถ้าเราไปปัดกวาดวัดทุกวัน เดี๋ยวก็จะเจอพระองค์หนึ่งที่จะมาสอนเราได้ เพราะเรามีโอกาส ส่วนพระท่านให้โอกาส ยังไงก็ต้องมีผู้มาให้ปัญญา อาจจะเจอผู้รู้ก็ได้
เรานำภัตตาหารเรานำไปถวายพระภิกษุสงฆ์ เราก็ได้บุญแล้ว คือ ได้ความสบายใจ แล้วตัวบุญนี้จะกักเก็บไว้เป็นเสบียงบุญให้กับเรา
ในเมื่อเราวถวายภัตตาหารนี้แล้ว เราก็ได้กุศลด้วย แต่สมมติว่า เราค้าขายเจ๊ง พระท่านก็ไม่ได้ให้ปัญญาแก่ผมเลย ก็เพราะเราไม่ได้ถามพระ พระท่านเลยไม่ได้อธิบายให้เรา
เราเอาสายยางน้ำไปถวายวัดแล้วจะรวย เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราเอาสายยางน้ำนี้ไปขาย นี่แหละ รวย
ถ้าเราซื้อผลไม้ไปถวายพระพุทธรูป ท่านก็ไม่ได้พูดปัญญาให้แก่เรา แต่เราเมื่อถวายพระพุทธรูปแล้ว เราต้องไปผ่านพระสงฆ์ให้ท่านอธิบายธรรมะ ให้ปัญญาแก่เรา
ถ้าเราถวายพระพุทธเจ้าแล้ว เราจะคิดถึงพระธรรมมั้ย ถ้าคิดถึงพระธรรม ในพระธรรมก็จะมีหมวดธรรมะเกี่ยวกับการค้าขาย เราก็จะเกิดกุศลแล้ว เป็นปัญญาไปทำค้าขายได้แล้ว ถึงแม้ไม่มีพระสงฆ์มาอธิบายให้เราทำมาค้าขายดีแล้ว
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต