สืบเนื่องมาจากปลายปีที่แล้ว
คาบเกี่ยวมาจนถึงต้นปี ความกระตือรือร้นในการเดินป่าของเรายังมีเต็ม100 แน่นอนว่าเราจะยังไม่หยุดเดินง่ายๆแม่ว่าวันเวลาจะล่วงเลยมาจนถึงเดือนมีนาคมแล้วก็ตาม
ก็เป็นอีกครั้งที่เราพยายามsearchหาเส้นทางในการท่องเที่ยวครั้งใหม่
แต่ถ้าถามว่าครั้งนี้พิเศษยังไง เราขอตะโกนดังๆเลยว่า
Chanya journeysครั้งนี้มีเพื่อนไปด้วยแล้ว!!!
คืนวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เสียงแจ้งเตือนข้อความในอินสตาแกรมดังขึ้น
ตามมาด้วยบทสนทนาจากเพื่อนห่างๆสมัยมัธยมคนหนึ่ง
สืบเนื่องมาจากการลงรูปไปเดินป่าของเราทำให้เราได้พบเจอใครอีกหลายๆคนที่ชอบเดินป่าเหมือนกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกันจะถูกดึงดูดมาเจอกันเสมอ
เราพูดคุยกันอย่างถูกคอและเริ่มเชิญชวนหาที่เที่ยวแห่งใหม่ด้วยกัน
ในหัวเราตอนนั้นขอแค่ให้ได้ไป
ไม่ว่าจะไปไหน ก็ขอให้ได้ไป !
ซึ่งคำตอบสุดท้ายที่ได้
แน่นอนว่าหนีไม่พ้น ดอยทูเล
แม้รู้ทั้งรู้ว่าไปก็คงไม่เจอทะเลหมอก
แม้ว่าอากาศจะร้อนแค่ไหน แม้ว่าจะผิดฤดูยังไง เราก็ยังยืนยันคำเดิม
จริงๆครั้งนี้เราไม่ได้ไปแค่ดอยทูเลหรอกนะ แต่รวมถึงม่อนคลุย ม่อนคลุยหลวงด้วย
แต่บังเอิญว่าคำว่า”ฤดู”มันคล้องจองกับคำว่า”ทูเล”พอดี เรากลัวชื่อมันไม่เท่ แค่นั้นแหละ....
วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๒
การเดินทางพร้อมเพื่อนร่วมทริปหน้าใหม่อีก๓คนได้เริ่มต้นขึ้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต
เราตีตั๋วจากกรุงเทพไปแม่สอดโดยรถทัวร์ ม.๑ก ออกจากหมอชิต๒๒.๔๐ เพื่อที่จะไปถึงแม่สอดช่วงเช้ามืดและเดินทางต่อโดยรถสองแถวเข้าอำเภอท่าสองยาง
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เช้ามืดเวลาตี5ครึ่ง เราทุกคนเดินทางมาถึงขนส่งแม่สอด
การติดต่อเรื่องการเดินทางในทริปนี้ทั้ง ลูกหาบ คนนำทาง ทั้งหมดเราติดต่อผ่าน อบต ท่าสองยาง
โชคดีที่ว่าช่วงที่เราไปเป็นวันธรรมดา ไม่ตรงกับวันหยุด และไม่มีใครขึ้นไปเลยยกเว้นเราทั้ง๔คน กับคุณลุงลูกหาบของเรา
ไม่มีใครแบบไม่มีเลย
ไม่มีแม้แต่คนเดียว .
ถือซะว่าจะได้ไปถ่ายรูปสวยๆแบบไม่ต้องเกรงใจใคร
ได้ยึดลานกางเต็นท์เป็นของเราทั้งหมดละกัน
ระหว่างทางบนรถสองแถวก็เป็นบรรยากาศน่ารักๆที่ได้พบเจอผู้คนมากมาย เด็กๆรีบไปโรงเรียน คุณลุงคุณป้าขนของไปขาย คุณตาคุณยายไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านข้างๆ
เกือบ11โมง
เราทั้ง4เดินทางมาถึง อบต ท่าสองยาง จริงๆแล้วมีความผิดพลาดในการขึ้นรถสองแถวนิดหน่อยเลยทำให้การเดินทางมาใช้เวลานานมาก
ย้ำว่านานมาก ถ้าใครที่จะมาให้สังเกตรถสองแถวที่จะขึ้นให้ดีดี ให้เลือกขึ้นรถสองแถว "แม่สอด-แม่สะเรียง" แล้วบอกคนขับว่าลง อบต ท่าสองยาง
จะได้ประหยัดเวลาการเดินทางได้อีกหน่อย
เนื่องจากข้างบนไม่มีห้องน้ำเหมือนอย่างเคย
ทุกคนจึงแยกย้ายอาบน้ำ เปลี่ยนชุด เตรียมตัวลุยกันเต็มที่
แน่นอนล่ะว่าการไปเที่ยวหลายๆคนก็ต้องดูแลซึ่งกันและกัน และเมื่อมีคนในทีมเราหิว เราก็ต้องพาไปกินข้าว
ร้านอาหารที่ไม่ไกลจาก อบต เป็นตัวเลือกเดียวที่เรามี และเป็นตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
กระเพราะหมูสับไข่ดาวอร่อยมาก กินไปคุยไปจนพี่คนขับรถโฟวิวต้องมาตามให้รีบขึ้นไปที่จุดสตาร์ท เพราะคงไม่มีใครอยากเดินตากแดดเวลาเที่ยงวันหรอกจริงมั้ย ?.
ความกังวลเล็กๆของเรากำลังค่อยๆแสดงตัวออกมา
การเดินป่าเดือนมีนาคมของประเทศไทย กับอุณหภูมิ๓๘องศา ในเวลาเที่ยง กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
รถโฟวิวขับมาจอดบริเวณจุดเริ่มเดินขึ้นของพวกเรา ลูกหาบพร้อม ของพร้อม คนพร้อม แดดก็พร้อมเช่นกัน
ระยะทางในการเดินครั้งนี้อยู่ราวๆ7.5กิโลเมตร บวกกับอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ทำให้การเดินทางของพวกเราในครั้งค่อนข้างทุลักทุเลสมกับชื่อดอยทูเลจริงๆนั้นแหละ
ลักษณะของทางเดินค่อนข้างเป็นทุ่งหญ้า ป่าโปร่ง ไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ทึบสักเท่าไร การหาร่มเงาในขณะเดินจึงเป็นเรื่องยาก
ทางเดินส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินขึ้น ชันมากชันน้อยสลับกันไป เดินไปพักไป ดมยาดมกันไปตลอดทาง
เกือบ5โมงเย็นเราทุกคนพาตัวเองมาถึงจุดกางเต็นท์กันจนได้ จุดกางเต็นท์ที่ไม่มีใคร นอกจากพวกเรา
ลมเย็นๆที่พัดผ่านพอทำให้หายเหนื่อยกันได้บ้าง น้ำเย็นๆที่คุณลุงลูกหาบลงไปตักมาให้จากน้ำตกช่วยชีวิตเราไว้ได้เยอะ
ไม่นานนักแสงแดดก็จากลาเราไป ลมแรงมาก อากาศเริ่มหนาว
ภูเขากว้างใหญ่
กับ ความเงียบสงัด
คำตอบคงจะหนีไม่พ้นความเหงา
เหงาได้ไม่นานหรอก
เราเอะใจขึ้นว่าลืมอะไรบางอย่าง
.
.
.
เต็นท์ไง
เต็นท์ยังไม่ได้กาง ฟ้ามืดแล้ว รีบกลับเหอะ
ด้วยความที่เราเดินป่าบ่อยกว่าเพื่อนๆคนอื่นหน่อยนึง
เลยเหมือนจะดูเป็นผู้เชี่ยวชาญในการกางเต็นท์ แค่ดูเหมือนนะ
เพราะสุดท้ายก็ได้คุณลุงลูกหาบนี่แหละเราถึงมีที่นอนกันในคืนนี้
คืนนี้อากาศหนาวมาก
แตกต่างกับเมื่อช่วงกลางวันที่เราเดินขึ้นมา
เสียงฟืนในกองไฟ
แสงดาวบนฟ้า กับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ทุกอย่างมันลงตัวในแบบของมันเอง
เช้าตรู่วันที่๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๒
เสียงลมพัดเบาๆ
กับแสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะพ้นขอบฟ้าขึ้นมา
เช้าวันใหม่ในหน้าร้อนนี้พอจะมีหมอกบางๆให้เราเห็นอยู่บ้าง
วันนี้เราจะเดินทางต่อจากดอยทูเล ไปม่อนคลุยหลวง
คงจะเป็นเพราะกองไฟอุ่นๆเมื่อคืนเลยทำให้ทุกคนนอนหลับกันเต็มที่ มีแรงลุยต่อกันแบบลืมเหนื่อยไปเลย
ตลอดเส้นทางเป็นทางชันเลียบน้ำตกไปเรื่อยๆ
มีร่มไม้ให้พอหลบแดดเยอะหน่อย
จุดกลางเต็นท์ที่ม่อนคลุยหลวงจะอยู่ติดกับทางน้ำตก
ซึ่งในตอนที่เราไปน้ำแห้งไปหมดแล้ว
ช่วงบ่ายๆข้าวของถูดจัดแจงให้เข้าที่เข้าทาง
เต็นท์ถูกกางตั้งแต่ฟ้ายังสว่าง ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน นอนหลับกันสักตื่นหลังจากเดินทางไกลติดต่อกันมา2วัน
๖โมงเย็น ที่จุดชมวิวม่อนคลุยหลวง
บรรยากาศเงียบสงัด
น่าแปลกที่เราสามารถนั่งมองภูเขาที่อยู่ข้างหน้าได้เป็นชั่วโมงๆโดยที่ไม่เบื่อ
เพลงโปรดในเพลย์ลิสโปรดถูกเปิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศกลางธรรมชาติที่ครองใจเราไปแล้ว
นึกไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรดีกว่านี้
สุดท้ายแล้ว
การเดินทางทุกครั้งเราไม่รู้เลยว่าจะต้องเจอกับอะไร
สถานที่เปลี่ยน
เพื่อนร่วมทางเปลี่ยน มุมมองเปลี่ยน ตัวเราเองก็เปลี่ยนเช่นกัน
ขอบคุณเนย พี่เอม พี่อุ้ม คุณลุงลูกหาบ
ที่ทำให้ทริปนี้มีความหมาย
และน่าจดจำอีกครั้ง
เป็นการเที่ยวกับเพื่อนครั้งแรกหลังจากที่ผ่านมาเที่ยวคนเดียวมาตลอด
- ผิ ด ฤ ดู ที่ ทู เ ล -
คาบเกี่ยวมาจนถึงต้นปี ความกระตือรือร้นในการเดินป่าของเรายังมีเต็ม100 แน่นอนว่าเราจะยังไม่หยุดเดินง่ายๆแม่ว่าวันเวลาจะล่วงเลยมาจนถึงเดือนมีนาคมแล้วก็ตาม
ก็เป็นอีกครั้งที่เราพยายามsearchหาเส้นทางในการท่องเที่ยวครั้งใหม่
แต่ถ้าถามว่าครั้งนี้พิเศษยังไง เราขอตะโกนดังๆเลยว่า