ขอแชร์ประสบการณ์เท่าที่พอดีมีอยู่บ้างเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ
สิ่งที่ต้องรู้อันดับแรกคือ การปลูกเมล่อนมีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ แบ่งตามวัสดุปลูก คือ
1. ปลูกในดิน(soil) ตามที่เราคุ้นเคยกันดี อาศัยการหมักดิน ปรุงดินตามความรู้ที่มี
- ข้อดีคือ ต้นทุนต่ำ คุ้นเคยสำหรับคนไทย
- ข้อเสียคือ โรคพืชต่างๆที่มาพร้อมดิน , สภาพของดินในแต่ล่ะพื้นที่ไม่เหมือนกัน
2. ปลูกในวัสดุปลูก(substrate) แกลบดิบ แกลบเผา ขุยมะพร้าว ทราย หรือขี้เลื่อย
- ข้อดี คือ ไม่มีเชื้อโรคต่างๆที่มากับดิน เหมาะสมกับเมล่อนที่ชอบชื้น แต่ไม่ชอบน้ำขังหรือ ดินแห้ง
- ข้อเสีย วัสดุบางอย่างต้องล้างและทำความสะอาดให้ดีก่อนน้ำมาใช้งาน ใช้แรงงานเยอะ
3. ปลูกในน้ำ(hydroponic)
- ข้อดี คือ ลดระยะเวลาและแรงงานในการเตรียมวัสดุปลูก ให้ผลผลิตเร็วกว่านิดหน่อย
- ข้อเสีย คือ มีต้นทุนสูง ต้องมีความรู้และความชำนาญพอสมควร
การใช้ปุ๋ยของแต่ละประเภท
1. ปลูกในดิน(soil) สามารถใช้ปุ๋ยสูตรตามท้องตลาดทั่วไปได้ โดยแบ่งปุ๋ยเป็น 3 สูตรตามช่วงอายุ (5-7วันครั้ง)
- ช่วงแรกเริ่มลงปลูกใช้ปุ๋ย 15-15-15
- ช่วงสอง ช่วงผสมเกสร บำรุงผล 8-24-24
- ช่วงสาม ช่วงทำความหวาน 0-0-50
2. ปลูกในวัสดุปลูก(substrate) (1-3วันครั้ง)
สามารถใช้ปุ๋ย AB เหมือนปลูกในน้ำได้ หรือ สามารถใช้ปุ๋ยสูตรตามปลูกในดิน แต่ต้องเสริมด้วย แคลเซียมโบร่อน+ธาตุอาหารรามของพืช
เนื่องจากวัสดุปลูกไม่มีธาตุอาหารต่างๆอยู่เลย
3. ปลูกในน้ำ(hydroponic) (ทุกวัน) ต้องใช้ปุ๋ย AB ซึ่งต้องเป็นสูตรสำหรับไม้ผล เพราะปุ๋ย AB ที่ใช้ปลูกผักจะมีไนโตรเจนสูงและมีสูตรเดียวทำให้ติดลูกยาก ซึ่งจะแบ่งเป็นสูตรตามช่วงอายุเหมือนกัน สูตรปุ๋ย AB มีให้เลือกหลายสูตร อัตราส่วนและส่วนผสมอาจจะแตกต่างกันออกไป
ลองเลือกวิธีการที่ต้องการปลูก แล้วลองศึกษาขั้นตอนและวิธีการดูก่อนครับ
จากนั้นอยากให้ลองแบบเล็กๆดูก่อน หลายๆคนที่ผมรู้จักก้อเริ่มจาก 10-20 ต้นครับ
ส่วนเรื่องเมล็ดพันธุ์เบื้องต้นแนะนำเมล็ดพันธุ์ที่เป็น F1(เมล็ดพันธุ์ไฮบริดจากผู้ผลิต ที่ไม่ได้มาจากการนำเมล็ดที่ซื้อกินมาปลูกต่อ)
จะมีความเสถียรและแข็งแรงกว่า ไม่จำเป็นต้องเลือกสายพันธุ์ที่มีราคาแพง
และยังมีคำถามยอดฮิตอีกมากมาย เช่น ลงทุนเยอะไหม?, ปลูกแล้วขายใคร?, ทำการตลาดยังไง?, พันธุ์ไหนปลูกง่ายทนโรค?, พันธุ์ไหนเป็นที่ต้องการของตลาด? และอื่นๆอีกมากมาย
ใครมีคำถามลองถามมาก็ได้ครับ ถ้าตอบได้จะตอบให้ครับ หลายคำถามต้องอธิบายกันยาวและไม่ง่ายที่จะตอบ ไว้โอกาศหน้าจะมาอธิบายการปลูกในแต่ละแบบ และตอบคำถามในบางคำถามนะครับ
แชร์ประสบการณ์ปลูกเมล่อน สำหรับคนที่อยากปลูกเป็นอาชีพ
สิ่งที่ต้องรู้อันดับแรกคือ การปลูกเมล่อนมีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ แบ่งตามวัสดุปลูก คือ
1. ปลูกในดิน(soil) ตามที่เราคุ้นเคยกันดี อาศัยการหมักดิน ปรุงดินตามความรู้ที่มี
- ข้อดีคือ ต้นทุนต่ำ คุ้นเคยสำหรับคนไทย
- ข้อเสียคือ โรคพืชต่างๆที่มาพร้อมดิน , สภาพของดินในแต่ล่ะพื้นที่ไม่เหมือนกัน
2. ปลูกในวัสดุปลูก(substrate) แกลบดิบ แกลบเผา ขุยมะพร้าว ทราย หรือขี้เลื่อย
- ข้อดี คือ ไม่มีเชื้อโรคต่างๆที่มากับดิน เหมาะสมกับเมล่อนที่ชอบชื้น แต่ไม่ชอบน้ำขังหรือ ดินแห้ง
- ข้อเสีย วัสดุบางอย่างต้องล้างและทำความสะอาดให้ดีก่อนน้ำมาใช้งาน ใช้แรงงานเยอะ
3. ปลูกในน้ำ(hydroponic)
- ข้อดี คือ ลดระยะเวลาและแรงงานในการเตรียมวัสดุปลูก ให้ผลผลิตเร็วกว่านิดหน่อย
- ข้อเสีย คือ มีต้นทุนสูง ต้องมีความรู้และความชำนาญพอสมควร
การใช้ปุ๋ยของแต่ละประเภท
1. ปลูกในดิน(soil) สามารถใช้ปุ๋ยสูตรตามท้องตลาดทั่วไปได้ โดยแบ่งปุ๋ยเป็น 3 สูตรตามช่วงอายุ (5-7วันครั้ง)
- ช่วงแรกเริ่มลงปลูกใช้ปุ๋ย 15-15-15
- ช่วงสอง ช่วงผสมเกสร บำรุงผล 8-24-24
- ช่วงสาม ช่วงทำความหวาน 0-0-50
2. ปลูกในวัสดุปลูก(substrate) (1-3วันครั้ง)
สามารถใช้ปุ๋ย AB เหมือนปลูกในน้ำได้ หรือ สามารถใช้ปุ๋ยสูตรตามปลูกในดิน แต่ต้องเสริมด้วย แคลเซียมโบร่อน+ธาตุอาหารรามของพืช
เนื่องจากวัสดุปลูกไม่มีธาตุอาหารต่างๆอยู่เลย
3. ปลูกในน้ำ(hydroponic) (ทุกวัน) ต้องใช้ปุ๋ย AB ซึ่งต้องเป็นสูตรสำหรับไม้ผล เพราะปุ๋ย AB ที่ใช้ปลูกผักจะมีไนโตรเจนสูงและมีสูตรเดียวทำให้ติดลูกยาก ซึ่งจะแบ่งเป็นสูตรตามช่วงอายุเหมือนกัน สูตรปุ๋ย AB มีให้เลือกหลายสูตร อัตราส่วนและส่วนผสมอาจจะแตกต่างกันออกไป
ลองเลือกวิธีการที่ต้องการปลูก แล้วลองศึกษาขั้นตอนและวิธีการดูก่อนครับ
จากนั้นอยากให้ลองแบบเล็กๆดูก่อน หลายๆคนที่ผมรู้จักก้อเริ่มจาก 10-20 ต้นครับ
ส่วนเรื่องเมล็ดพันธุ์เบื้องต้นแนะนำเมล็ดพันธุ์ที่เป็น F1(เมล็ดพันธุ์ไฮบริดจากผู้ผลิต ที่ไม่ได้มาจากการนำเมล็ดที่ซื้อกินมาปลูกต่อ)
จะมีความเสถียรและแข็งแรงกว่า ไม่จำเป็นต้องเลือกสายพันธุ์ที่มีราคาแพง
และยังมีคำถามยอดฮิตอีกมากมาย เช่น ลงทุนเยอะไหม?, ปลูกแล้วขายใคร?, ทำการตลาดยังไง?, พันธุ์ไหนปลูกง่ายทนโรค?, พันธุ์ไหนเป็นที่ต้องการของตลาด? และอื่นๆอีกมากมาย
ใครมีคำถามลองถามมาก็ได้ครับ ถ้าตอบได้จะตอบให้ครับ หลายคำถามต้องอธิบายกันยาวและไม่ง่ายที่จะตอบ ไว้โอกาศหน้าจะมาอธิบายการปลูกในแต่ละแบบ และตอบคำถามในบางคำถามนะครับ