วันนี้ดึกหน่อยพรุ่งนี้คงตื่นสาย มาเขียนอะไรด้วยความเงียบยามราตรีนั้น มีสมาธิดีเหลือเกิน แต่อาจไม่ใช่เรื่องอภิรมณ์นะครับ
เมื่อเริ่มสัปดาห์นี้ ผมได้ข่าวจากเพื่อนสมัยเรียน ว่า มีเพื่อนคนนึงเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการโรคประจำตัวหลายอย่าง เธอ เป็นคนอ้วนตั้งแต่สมัยเรียน แต่ตอนยังเด็กไม่มีปัญหาสุขภาพ และเป็นลูกอาจารย์เสียด้วย เคยสนิทกันครับ จนจบมาแยกย้ายจากวัยมัธยม ผมก็ไม่ได้เจอเธออีก ได้ข่าวว่าเธอทำงานที่โรงเรียนฝ่ายธุรการไม่ได้ต่อ มหาวิทยาลัย
ชีวิตก็ ดำเนินไปเลยผ่านนานจนนิ้วมือนับไม่พอ ก็มีกลุ่มเพื่อนยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งต่างจากผมที่ เมื่อเข้ามหาลัย เรียนจบแล้วทำงาน ก็ไปตามทางข้างหน้าอย่างเดียว จน วันนึงเจอเพื่อนแบบดวงชะตาชักพามาพบ เพราะผมไม่เล่น โซเชียล ไม่มีเฟสบุ๊ค คือ หาผมไม่เจอแน่นอน ยกเว้น มาบังเอญเจอกัน
ก็ ยุคนี้มีไลน์กลุ่ม ก็เลยได้มาคล้ายๆ รวมกันอีกครั้ง สอบถาม เหมือนเพลง See you again ของหนัง Fast 7 ทำนองว่า ไม่เจอกันนาน มีเรื่องเล่าเยอะ และก็มาถึงเรื่อง เพื่อนคนที่ป่วยนี่ อาการค่อนข้างหนัก
คนป่วยครับ หลังจากอาการดีขึ้น ก็มีทัศนคติให้รู้กันว่า ตอนที่มีความรู้สึกว่า จะตาย บอกได้เลยว่า นาทีนั้นคงคิดว่าตายแล้ว แต่ก็รอดมา
คนที่คิดว่าจะตายแล้ว ยอมแล้ว นาทีนั้นมันบอกว่า มีอย่างเดียวคือ เป็น หรือ ตาย เรื่องอื่นโยนทิ้งไปจากสมองสิ้นเชิง ไม่ว่า กำลังผ่อนบ้าน รถคันเก่ามันไม่เท่ห์ อยากได้รถใหม่ ต้องหาเงินอีกเท่าไหร่ รวมไปถึง คนรอบข้าง นิสัยดีไหม คนนั้นทำให้รู้สึกไม่ชอบ เกลียดไอ้นี่ หรืออยากเจอคนนั้นสุดๆเลย แม้แต่ ขับรถ โดนเบียด เฮ้ย เสียอารมณ์ ของแบบนี้ยอมไม่ได้ อีโก้ทั้งหมด ไร้ค่า ในเวลาจะเป็นจะตาย
คนที่ผ่านจุดนั้นมา ทำให้รู้ว่า ชีวิต ก็แค่นี้ละ จะมีตัวตน จะมีสไตล์ หรือไม่ มันล้วนแต่ สิ่งแต่งเติม บวกกับ ความคิดล้วนๆ
สำคัญสุดคืออะไรหนอ เพื่อนผมบอกว่า ไม่เจอไม่มีวันรู้ ว่า กี่อย่างก็ตามที่ทำอยุ่ หากมันจะจบแบบเราไม่มีสิทธิ์สานต่ออะไรเลย มันไม่ใช่ห่วงนะ แต่มันคือ ความว่างเปล่า แต่เธอรอดมาได้ อะไรสำคัญสุด สำหรับเธอน้อ ?
เงิน สิ่งของ แต่งตัวสวย เป็นที่ยอมรับ ใครๆก็ทำดีด้วย ใครๆก็ให้ความสนใจ แน่นอนสิ่งเหล่านี้ คนเราก็ให้ความสำคัญ แต่ แล้วมันทำให้เรามีความสุขที่แท้จริงไหม อันนี้ก็ต่างคนต่างคิด
แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ เธอจะดีใจเวลามีคนไปเยี่ยม และผมก็ไม่รู้ว่า เธอจะสุขภาพแย่ลงอีกเมื่อไหร่
เธอโสดครับ ตัวอ้วนเลย เบาหวาน ความดัน ไต มาหมดและมาตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยหลายปีก่อนหน้านี้ก็เป็นแล้ว
มีเพื่อนคนนึง พูดออกมาตั้งแต่เริ่มกลับมารวมกลุ่มไลน์กันว่า ขอเจอเพื่อนก่อนเลย ไม่อยากไปงานศพ ( อายุพวกเราไม่ได้ถึงขนาดนั้นนะ ผมแอบคิด ) แต่สุขภาพคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ผมก็เลยมาคิดว่า สิ่งสำคัญ อาจไม่ใช่มีแต่ความสุข แต่การไม่ทุกข์ คงจะสำคัญกว่า และการจะไม่ทุกข์ได้ อาจมีหลายวิธี บางคนในกลุ่มเพื่อนบอก เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอสำหรับเขา เผื่อเจ็บป่วยก็ต้องใช้เงิน อ้อ ลืมบอกเพื่อน ผญ ที่ป่วยเธอใช้เงินค่ารักษาตัวไปจนแย่แล้วน่ะครับ
แต่เพื่อนอีกคนกลับบอกว่า ถ้ามัวแต่หาเงินมารองรับการรักษา ชีวิตมันจะมีความสุขเหรอ ? เออ
คนละเหตุผล คนละด้าน คนละคน ผมเชื่อว่า คนแต่ละคน ร้อยคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมก็คือ มองว่า เรื่องไม่เคยเจอ ไม่เคยคิด ก็เจอมาแล้ว สิ่งที่มันเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครเปลี่ยนได้ ไม่แน่และไม่รู้ว่าวันไหน อะไรจะเกิด แม้ไม่อยากให้เกิด แต่มันคงห้ามไม่ได้
เราคงต้องเดินต่อไป ตามเส้นทางและวิถีชีวิต มันอาจจะสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ก็ต้องมีสติไว้บอกตัวเองเสมอว่า ปลายทางนั้น ก็คือที่เดียวกัน
และผมไม่ได้สนใจสิ่งไหนสำคัญหรือไม่ ผมแค่รู้ว่า ผมต้องเดินต่อไป
ก้าวต่อไป ตราบชีวิตสุด ดุจกระแสชล
อันชีวิตคิดไป ใจได้รู้
การคงอยู่หรือจากไป ให้ความหมาย
สุขทุกข์นั้นล้วนผันแปร มิแน่ทาย
ขอจรุงมุ่งจุดหมาย ถึงปลายทาง
สิ่งไหนสำคัญที่สุด ?
เมื่อเริ่มสัปดาห์นี้ ผมได้ข่าวจากเพื่อนสมัยเรียน ว่า มีเพื่อนคนนึงเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการโรคประจำตัวหลายอย่าง เธอ เป็นคนอ้วนตั้งแต่สมัยเรียน แต่ตอนยังเด็กไม่มีปัญหาสุขภาพ และเป็นลูกอาจารย์เสียด้วย เคยสนิทกันครับ จนจบมาแยกย้ายจากวัยมัธยม ผมก็ไม่ได้เจอเธออีก ได้ข่าวว่าเธอทำงานที่โรงเรียนฝ่ายธุรการไม่ได้ต่อ มหาวิทยาลัย
ชีวิตก็ ดำเนินไปเลยผ่านนานจนนิ้วมือนับไม่พอ ก็มีกลุ่มเพื่อนยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งต่างจากผมที่ เมื่อเข้ามหาลัย เรียนจบแล้วทำงาน ก็ไปตามทางข้างหน้าอย่างเดียว จน วันนึงเจอเพื่อนแบบดวงชะตาชักพามาพบ เพราะผมไม่เล่น โซเชียล ไม่มีเฟสบุ๊ค คือ หาผมไม่เจอแน่นอน ยกเว้น มาบังเอญเจอกัน
ก็ ยุคนี้มีไลน์กลุ่ม ก็เลยได้มาคล้ายๆ รวมกันอีกครั้ง สอบถาม เหมือนเพลง See you again ของหนัง Fast 7 ทำนองว่า ไม่เจอกันนาน มีเรื่องเล่าเยอะ และก็มาถึงเรื่อง เพื่อนคนที่ป่วยนี่ อาการค่อนข้างหนัก
คนป่วยครับ หลังจากอาการดีขึ้น ก็มีทัศนคติให้รู้กันว่า ตอนที่มีความรู้สึกว่า จะตาย บอกได้เลยว่า นาทีนั้นคงคิดว่าตายแล้ว แต่ก็รอดมา
คนที่คิดว่าจะตายแล้ว ยอมแล้ว นาทีนั้นมันบอกว่า มีอย่างเดียวคือ เป็น หรือ ตาย เรื่องอื่นโยนทิ้งไปจากสมองสิ้นเชิง ไม่ว่า กำลังผ่อนบ้าน รถคันเก่ามันไม่เท่ห์ อยากได้รถใหม่ ต้องหาเงินอีกเท่าไหร่ รวมไปถึง คนรอบข้าง นิสัยดีไหม คนนั้นทำให้รู้สึกไม่ชอบ เกลียดไอ้นี่ หรืออยากเจอคนนั้นสุดๆเลย แม้แต่ ขับรถ โดนเบียด เฮ้ย เสียอารมณ์ ของแบบนี้ยอมไม่ได้ อีโก้ทั้งหมด ไร้ค่า ในเวลาจะเป็นจะตาย
คนที่ผ่านจุดนั้นมา ทำให้รู้ว่า ชีวิต ก็แค่นี้ละ จะมีตัวตน จะมีสไตล์ หรือไม่ มันล้วนแต่ สิ่งแต่งเติม บวกกับ ความคิดล้วนๆ
สำคัญสุดคืออะไรหนอ เพื่อนผมบอกว่า ไม่เจอไม่มีวันรู้ ว่า กี่อย่างก็ตามที่ทำอยุ่ หากมันจะจบแบบเราไม่มีสิทธิ์สานต่ออะไรเลย มันไม่ใช่ห่วงนะ แต่มันคือ ความว่างเปล่า แต่เธอรอดมาได้ อะไรสำคัญสุด สำหรับเธอน้อ ?
เงิน สิ่งของ แต่งตัวสวย เป็นที่ยอมรับ ใครๆก็ทำดีด้วย ใครๆก็ให้ความสนใจ แน่นอนสิ่งเหล่านี้ คนเราก็ให้ความสำคัญ แต่ แล้วมันทำให้เรามีความสุขที่แท้จริงไหม อันนี้ก็ต่างคนต่างคิด
แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ เธอจะดีใจเวลามีคนไปเยี่ยม และผมก็ไม่รู้ว่า เธอจะสุขภาพแย่ลงอีกเมื่อไหร่
เธอโสดครับ ตัวอ้วนเลย เบาหวาน ความดัน ไต มาหมดและมาตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยหลายปีก่อนหน้านี้ก็เป็นแล้ว
มีเพื่อนคนนึง พูดออกมาตั้งแต่เริ่มกลับมารวมกลุ่มไลน์กันว่า ขอเจอเพื่อนก่อนเลย ไม่อยากไปงานศพ ( อายุพวกเราไม่ได้ถึงขนาดนั้นนะ ผมแอบคิด ) แต่สุขภาพคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ผมก็เลยมาคิดว่า สิ่งสำคัญ อาจไม่ใช่มีแต่ความสุข แต่การไม่ทุกข์ คงจะสำคัญกว่า และการจะไม่ทุกข์ได้ อาจมีหลายวิธี บางคนในกลุ่มเพื่อนบอก เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอสำหรับเขา เผื่อเจ็บป่วยก็ต้องใช้เงิน อ้อ ลืมบอกเพื่อน ผญ ที่ป่วยเธอใช้เงินค่ารักษาตัวไปจนแย่แล้วน่ะครับ
แต่เพื่อนอีกคนกลับบอกว่า ถ้ามัวแต่หาเงินมารองรับการรักษา ชีวิตมันจะมีความสุขเหรอ ? เออ
คนละเหตุผล คนละด้าน คนละคน ผมเชื่อว่า คนแต่ละคน ร้อยคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมก็คือ มองว่า เรื่องไม่เคยเจอ ไม่เคยคิด ก็เจอมาแล้ว สิ่งที่มันเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครเปลี่ยนได้ ไม่แน่และไม่รู้ว่าวันไหน อะไรจะเกิด แม้ไม่อยากให้เกิด แต่มันคงห้ามไม่ได้
เราคงต้องเดินต่อไป ตามเส้นทางและวิถีชีวิต มันอาจจะสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ก็ต้องมีสติไว้บอกตัวเองเสมอว่า ปลายทางนั้น ก็คือที่เดียวกัน