เมื่อ H&M ทำให้เสียความรู้สึก

กระทู้สนทนา
อันนี้ยืมยูสน้องมาโพส 

เกริ่นไว้ก่อนผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้อเสื้อผ้ามาก มีมากจนตู้เสื้อผ้ามีถึง2ห้องนอน เพราะเนื่องจากหน้าที่การงานต้องทำให้เปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อย แต่เสื้อผ้าส่วนใหญ่ผมจะสนใจซื้อตอนพวกลด 50% ขึ้นไป และจากการซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ จนทำให้มีหลายตัวไม่เคยที่จะได้ใส่ บางตัวเป็นปีสองปีเพิ่งจะเอามาใส่ และที่มาถึงคำว่าแจ็คพอตในเหตุการณ์ในครั้งนี้

เนื่องจากเมื่อวานผมมาทำงานในห้างเวลาช่วงเช้าว่างและเห็นมีแบรนเสื้อผ้าลดราคาและทำให้ผมสนใจจะไปซื้อตุนไว้อีก เพราะเห็นแก่ราคาถูก555 แต่พอเดินเข้าไปก็มีเสียงเซ็นเซอร์เตือน พนักงานเห็นผมไม่มีถุงอะไรในมือมีแต่มือถือและกระเป๋าเงินจึงคิดว่าเซนเซอร์น่าจะเตือนจากหูฟังบลูทูธหรือว่าบัตรที่อยู่ในกระเป๋าเงินเปล่า แต่ด้วยความคนเยอะผมก็อึดอัดเลยเดินออกมาเผื่อรอคนน้อยลงแล้วค่อยเข้าไปใหม่ ตอนออกก็มีเสียงอีก ทีนี้การ์ดของร้าน พนักงานก็มาพูดคุยและค้นว่ามีอะไรออกมาไหม สรุปไม่มี ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันเป็นสิทธิของเขา และเราบริสุทธิ์ใจ ผมก็เลยคิดว่ามาจากหูฟังบูลทูธไหม เลยเอาหูฟังไปเช็คก็ไม่มีเสียง หรือบัตรในกระเป๋า เอาไปใกล้เครื่องแสกนก็ไม่มีเสียง  จนกระทั้งพนักงานก็มาพบว่าสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงก็คือ เครื่องเซนเซอร์ที่ติดมากับเสื้อผ้ายังไม่ได้เอาออก ตอนนั้นมีคนมามุงหลายคน คนที่เห็นผมใส่เสื้อผ้าตัวนี้ตั้งแต่แรกช่วงเข้าร้านเขาก็คิดว่าพนักงานจากร้านเดิมไม่ได้เอาออกเขาก็เฉยๆกัน แต่คนใหม่ที่เดินเขามามีเสียงพูดทำนองว่า ผมไปขโมยเสื้อผ้ามาไหม เพราะทำไมเครื่องเซนเซอร์ที่ติดกับเสื้อผ้ายังอยู่ คนที่ไม่รู้เรื่องเขาก็มองผมแปลกๆหลายคน ผมก็หน้าชามาก คือเสื้อตัวนี้ผมซื้อมาจาก H&M ประมาณ 6-8 เดือนก่อนคือเพิ่งเอามาใส่วันนี้วันแรกก็เจอแจคพอร์ทเลย

ด้วยความโมโหแต่ก็พยายามควบคุมตัวเองจึงเดินไปที่ H&M และบอกปัญหาไปว่าขอให้เจ้าหน้าที่เอาเครื่องเซนเซอร์ออก(ตอนเดินเข้าไปเครื่องเซนเซอร์ร้าน H&M กลับไม่ดังทั้งที่เป็นเครื่องของตัวเองแปลกดี555) พอเจอพนักงานบอกว่าถ้าจะเอาออกต้องเอาเอกสารมายืนยันตัวตนว่าเราซื้อมาจริง นั้นแหละผมเครียดเลย เพราะตอนนั้นไม่มั่นใจว่าจ่ายสดหรือบัตร ถ้าจ่ายสดสนุกแน่เท่ากับเราทั้งหมดแล้วเพราะเราซื้อมานานแล้ว พนักงานก็บอกให้ผมไปดูข้อมูลบัตรเครดิท ซึ่งข้อมูลแอพก็ไม่ขึ้น พนักงานก็ยืนยันเอกสารสถานการณ์นั้นเขาให้ผมรู้สึกออกมาว่าผมเป็นคนซื้อหรือคนขโมยมา ถ้ามีทุกอย่างยืนยันถึงจะถอดเครื่องนี้ออกได้ แต่พนักงานก็แจ้งว่าจะเอาไปจัดการกับคนที่ปล่อยให้เครื่องนี้ติดในเสื้อผ้าผม ผมอยู่ใน H&M สักพักเพื่อหาข้อมูลมายืนยัน แต่ก็ใกล้เวลาทำงานก็บอกว่าคือพี่จะไปทำงานจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ไหมเพราะไม่มีข้อมูลเนื่องจากซื้อมานานแล้ว จะขอออกพนักงานก็ไม่ให้ออกยังยืนยันจะให้หาเอกสารมาให้ได้ ตอนนั้นเอาจริงๆผมเริ่มไม่โอเคละเพราะได้ความรู้สึกว่าเหมือนผมไปขโมยมา(ถ้าขโมยมาจะเข้ามาร้านH&Mเพื่อมาให้ถูกจับทำไม) เพื่อนผมที่มาด้วยเริ่มโมโห เลยพูดกับพนักงานว่าเราต้องทำงานเพราะถึงเวลาทำงานแล้ว พนักงานเลยขอถ่ายบัตรประชาชน และเบอร์ไป และพนักงานถอดเซนเซอร์ให้ แต่พนักงานบอกว่าผมต้องเอาเอกสารมายืนยันในวันถัดไป (เดียวนะผมว่างทุกวัน?) หลังจากนั้นผมถึงได้ออกมาจากH&M

พอตอนเย็นเลิกงานผมก็กลับไปร้านแรก พนักงานและบอดี้การ์ดก็มองมาที่ผมและพูดขำว่าเคลียร์แล้วหรือครับ เอาออกหรือยัง และหัวเราะ ตอนนั้นดูขำๆนะ แต่ผมไม่ขำละ คืออยู่ดีๆได้ความรู้สึกอายๆประนึงมองได้สองแบบไปว่าพนักงานลืมเอาออกหรือผมขโมยมา พนักงานก็มองจับผิดผมเพราะเขาเองก็ไม่วางใจผมไปแล้ว เป็นคุณจะรู้สึกยังไง สุดท้ายผมเลยไม่มีอารมณ์เสื้อเพราะโดนจับจ้องจนต้องเดินออกจากร้านเพราะโดนลงโทษด้วยสายตา(ถึงแม้เขาอาจจะไม่ได้คิดในทางลบ)และตัวเองก็หมดอารมณ์จะช๊อปต่อจริงๆ  

พอผมถึงบ้านผมก็รีบกลับไปหาเอกสารบัตรเครดิท เพราะผมเองก็อยากต้องเอาไปยืนยันกับทางร้านH&M เพราะหากไม่ยืนยันก็เท่ากับเรามีเจตนาไม่ดี โชคดีของผมที่มีเอกสารยืนยันว่าผมมี วันรุ่งขึ้นจึงต้องเอกสารไปให้พนักงานเพื่อยืนยันตัวตน พนักงานก็ขอโทษตามระเบียบ แต่ผมได้เสียความรู้สึกไปแล้ว 

สรุปคือชีวิตนี้ไม่เคยถูกมองอะไรแบบนี้ก่อนเลย เพราะทั้งชีวิตไม่เคยคิดขโมยใคร จึงเกิดอาการจิตตกเล็กน้อยจากความสะเพร่าของพนักงาน H&M ในครั้งนี้  คงขอบายแบรนด์นี้ไปสักพักก่อนจนกว่าจะทำใจได้555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่