เราดูเหมือนจะมีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วๆไป แต่จริงๆแล้ว ไม่เลย เราเกิดมาในครอบครัวที่ถือว่าเกือบจะยากจน พ่อแม่เรามีลูก2 คน พี่ชายและเรา เราเป็นเด็กที่ไม่ขยันแต่ตั้งใจเรียน ติดท็อป 10 ของสายชั้นทุกเทอม เกรด 3.00+ ตรงข้ามกับพี่ชายที่เกเร เสเพล มั่วสุมสิ่งเสพติด จนต้องไปนอนในคุกถึง 2 ครั้ง พ่อแม่เราเครียดมาก แม่เอาเงินไปประกันตัวพี่จนเหลือเงินอยู่ในกระเป๋าไม่ถึงร้อย เรายังจำความรู้สึกนั้นได้ดี.. เห็นน้ำตาพ่อแม่มันเจ็บจริงๆ แต่ตอนนี้พี่เราปรับตัวดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
พ่อเราจะมีครอบครัวที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะพี่น้องค่อนข้างมาก พ่อเราเป็นลูกคนสุดท้อง พี่น้องพ่อทุกคนรวยและสบายหมด แต่ต่างกับพ่อเราเหลือเกิน แต่เราก็ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ
เราอาศัยอยู่กับพ่อแม่และปู่ย่า ซึ่งเป็นบ้านสองหลังอยู่ติดกัน พ่อเราทำอาชีพค้าขายที่บ้าน แม่เราไม่มีอาชีพ ซึ่งรายรับน้อยกว่ารายจ่าย ทุกๆปี พี่น้องของพ่อจะลงมาเยี่ยมปู่กับย่า ซึ่งถือเป็นโชคดีของเรา ทำให้ได้ไปเที่ยว เปิดหูเปิดตาโดยอาศัยเขาไป จะวนลูปอย่างนี้อยู่ตลอด เหมือนเราไปเกาะเขาเที่ยว TT กินฟรี อยู่ฟรี เราไม่เคยไปเที่ยวกับครอบครัวตัวเองจริงๆเลยสักครั้ง ลับหลังเขานินทา ดูถูก เหยียดหยามสารพัด เพราะเรามันจน!!
และแล้ววันหนึ่ง
ตอนนั้นเราอยู่ประมาณป.6 วันนั้นเป็นวันเกิดครบ 12 ปีของเรา แม่ของเราเริ่มมีอาการผิดปกติทางจิต แม่คลุ้มคลั่งและอาละวาดทั่วบ้าน และบอกว่าโดนผีเข้า โดนเขาทำของใส่ พ่อเรารีบพาแม่ไปหาหมอผีทันทีเพื่อรักษา แต่เหมือนไม่ช่วยอะไร แม่เราเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปทางเพี้ยนและบ้า.. แม่เป็นอย่างนั้นอยู่นานหลายวัน จนคนทั้งหมู่บ้านต้องแห่มาดู และวันนั้นแม่ก็เกิดอาละวาดพังบ้านขึ้นมา เราตกใจและกลัวมาก ได้แต่ร้องไห้ด้วยความเป็นเด็กว่าแม่เป็นอะไร และคนแถวบ้านจึงให้พ่อพาแม่ไปรพ.ศรีธัญญา แม่บอก แม่กินยาอยู่ช่วงนึง แต่อาการเหล่านั้นยังมีอยู่ เราและพ่อเครียดกันมากๆ เรื่องของแม่เราดังมาก ขนาดไปโรงเรียน โดนคนแกล้งว่า “ไอเด็กมีแม่บ้า” เราจำได้ขึ้นใจทั้งน้ำเสียงและสีหน้า แม่มีอาการทางจิตอยู่เรื่อยๆและชอบไปบ้านคนอื่น ทำให้รบกวนเขา เราอายและเครียดมาก แทบไม่อยากออกจากบ้าน จนไม่รู้จะทำยังไง และจากนั้นอาการของแม่ก็หายไป และกลับมาเป็นอีกใน 2 ปีถัดมา แต่ไม่อาละวาด แค่มีอาการทางจิต ฟุ้งซ่านและเพ้อเจ้อ และอาการก็เป็นๆหายๆ อยู่อย่างนี้มาตลอด จนเราคิดว่าแม่หายแล้ว แต่มาจนถึงตอนนี้ แม่เราดูเหมือนเริ่มมีอาการ แม่บ้าพวกเครื่องประดับมาก ต่างหู สร้อย กำไล ใส่จนดูรกไปหมด เรารับรู้ได้ถึงอาการ แต่ได้แค่ทำใจจริงๆ เราอยากจะพาแม่ไปหาหมอ แต่นึกภาพผลที่จะตามมาออกเลย
(พักเรื่องของแม่ก่อน ยังมีอีกหลายประเด็น) เราจะเล่าในส่วนของญาติพี่น้องบ้าง เนื่องจากพ่อเป็นน้องสุดท้องและจน
เวลาพี่ๆน้องๆมาบ้าน แม่กับพ่อเหมือนเป็นคนรองมือรองเท้าตลอด เขาใช้อะไรทำ ชี้นกเป็นนกกันเลยทีเดียว ต้องเสแสร้งทำดี พูดมีหางเสียง นู่นนี่นั่น เพื่ออะไร เราก็ไม่เข้าใจ อาจจะเพราะเกรงใจ
ด้วยความจนจริงๆ ขนาดจะต่อเติมบ้านยังต้องพึ่งเงินคนอื่น.. และเป็นอย่างนี้มาจนปัจจุบัน เมื่อเราต้องเข้ามหาลัย ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น พ่อแม่หาเงินไม่ทัน ป้าเราส่งค่าเทอมให้ เทอมละ 14,000 และแม่ก็ยืมของน้องแม่ทุกๆ (น้องแม่ท่านบวชเป็นพระ และอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ชอบ คือเอาของที่พระท่านได้จากการบินฑบาตรมาใช้ มากิน เราไม่ได้แอนตี้ แต่แค่ไม่ชอบ) เดือนๆ ละ 4,000 บวกกับเงินแม่เอง 2,000 มาให้เราได้ใช้จ่ายต่อเดือน (จุดๆนี้ โคตรสมเพชตัวเอง) เราก็ได้แต่ยอมจำนนและอดทน แต่เราตั้งใจเรียนเสมอ A วิชาเอกตลอด เพราะอยากให้แม่ภูมิใจ พี่น้องของพ่อช่วยเหลือก็จริง
แต่ก็ดูถูกเหยียดหยาม บางทีด่าว่าพ่อแท่เราจนไม่เหลือศักดิ์ศรี เราเจ็บใจ แต่ทำอะไีรไม่ได้ เพราะชินแล้ว เวล่เราอยากได้อะไร ต้องเก็บเงินซื้อเองตลอด เพราะพ่อแม่ไม่มีให้ TT จะกินอะไรแต่ละครั้งก็ต้องคิดเยอะๆ ถ้าแพงไป เราก็ไม่ได้กิน ปัจจุบันนี้ ชีวิตเราก็เป็นอยู่อย่างนั้น เพียงแค่เรามีแฟนและมีความสุขเพิ่มขึ้นมากๆ ทะเลที่ไม่เคยได้ไป เราไปได้
Mk ที่ไม่เคยได้กิน เรากินได้ จุดมุ่งหมายของเราตอนนี้คืออยากเรียนจบไวๆ และอยากมีครอบครัวเป็นของตัวเอง เพราะเบื่อความยุ่งเหยิงแบบนี้เกินทน อาจจะดูเหมือนคนหนีปัญหา แต่สุดจะทนจริงๆ
เราขอเล่าเพียงเท่านี้ อาจจะไม่ครอบคลุมมากนัก แต่นี่คือเรื่องที่เราอยากระบายจริงๆ ..และขอโทษถ้าจขกท เล่าวกไปวนมาบ้าง
ปล. ขอตั้งเป็นกระทู้คำถามนะคะ เนื่องจากไม่ได้ยืนยันตัวตน เลยตั้งสนทนาไม่ได้
หากเลือกได้ใครบ้างอยากมีชีวิตแบบนี้
พ่อเราจะมีครอบครัวที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะพี่น้องค่อนข้างมาก พ่อเราเป็นลูกคนสุดท้อง พี่น้องพ่อทุกคนรวยและสบายหมด แต่ต่างกับพ่อเราเหลือเกิน แต่เราก็ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ
เราอาศัยอยู่กับพ่อแม่และปู่ย่า ซึ่งเป็นบ้านสองหลังอยู่ติดกัน พ่อเราทำอาชีพค้าขายที่บ้าน แม่เราไม่มีอาชีพ ซึ่งรายรับน้อยกว่ารายจ่าย ทุกๆปี พี่น้องของพ่อจะลงมาเยี่ยมปู่กับย่า ซึ่งถือเป็นโชคดีของเรา ทำให้ได้ไปเที่ยว เปิดหูเปิดตาโดยอาศัยเขาไป จะวนลูปอย่างนี้อยู่ตลอด เหมือนเราไปเกาะเขาเที่ยว TT กินฟรี อยู่ฟรี เราไม่เคยไปเที่ยวกับครอบครัวตัวเองจริงๆเลยสักครั้ง ลับหลังเขานินทา ดูถูก เหยียดหยามสารพัด เพราะเรามันจน!!
และแล้ววันหนึ่ง
ตอนนั้นเราอยู่ประมาณป.6 วันนั้นเป็นวันเกิดครบ 12 ปีของเรา แม่ของเราเริ่มมีอาการผิดปกติทางจิต แม่คลุ้มคลั่งและอาละวาดทั่วบ้าน และบอกว่าโดนผีเข้า โดนเขาทำของใส่ พ่อเรารีบพาแม่ไปหาหมอผีทันทีเพื่อรักษา แต่เหมือนไม่ช่วยอะไร แม่เราเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปทางเพี้ยนและบ้า.. แม่เป็นอย่างนั้นอยู่นานหลายวัน จนคนทั้งหมู่บ้านต้องแห่มาดู และวันนั้นแม่ก็เกิดอาละวาดพังบ้านขึ้นมา เราตกใจและกลัวมาก ได้แต่ร้องไห้ด้วยความเป็นเด็กว่าแม่เป็นอะไร และคนแถวบ้านจึงให้พ่อพาแม่ไปรพ.ศรีธัญญา แม่บอก แม่กินยาอยู่ช่วงนึง แต่อาการเหล่านั้นยังมีอยู่ เราและพ่อเครียดกันมากๆ เรื่องของแม่เราดังมาก ขนาดไปโรงเรียน โดนคนแกล้งว่า “ไอเด็กมีแม่บ้า” เราจำได้ขึ้นใจทั้งน้ำเสียงและสีหน้า แม่มีอาการทางจิตอยู่เรื่อยๆและชอบไปบ้านคนอื่น ทำให้รบกวนเขา เราอายและเครียดมาก แทบไม่อยากออกจากบ้าน จนไม่รู้จะทำยังไง และจากนั้นอาการของแม่ก็หายไป และกลับมาเป็นอีกใน 2 ปีถัดมา แต่ไม่อาละวาด แค่มีอาการทางจิต ฟุ้งซ่านและเพ้อเจ้อ และอาการก็เป็นๆหายๆ อยู่อย่างนี้มาตลอด จนเราคิดว่าแม่หายแล้ว แต่มาจนถึงตอนนี้ แม่เราดูเหมือนเริ่มมีอาการ แม่บ้าพวกเครื่องประดับมาก ต่างหู สร้อย กำไล ใส่จนดูรกไปหมด เรารับรู้ได้ถึงอาการ แต่ได้แค่ทำใจจริงๆ เราอยากจะพาแม่ไปหาหมอ แต่นึกภาพผลที่จะตามมาออกเลย
(พักเรื่องของแม่ก่อน ยังมีอีกหลายประเด็น) เราจะเล่าในส่วนของญาติพี่น้องบ้าง เนื่องจากพ่อเป็นน้องสุดท้องและจน
เวลาพี่ๆน้องๆมาบ้าน แม่กับพ่อเหมือนเป็นคนรองมือรองเท้าตลอด เขาใช้อะไรทำ ชี้นกเป็นนกกันเลยทีเดียว ต้องเสแสร้งทำดี พูดมีหางเสียง นู่นนี่นั่น เพื่ออะไร เราก็ไม่เข้าใจ อาจจะเพราะเกรงใจ
ด้วยความจนจริงๆ ขนาดจะต่อเติมบ้านยังต้องพึ่งเงินคนอื่น.. และเป็นอย่างนี้มาจนปัจจุบัน เมื่อเราต้องเข้ามหาลัย ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น พ่อแม่หาเงินไม่ทัน ป้าเราส่งค่าเทอมให้ เทอมละ 14,000 และแม่ก็ยืมของน้องแม่ทุกๆ (น้องแม่ท่านบวชเป็นพระ และอีกอย่างหนึ่งที่เราไม่ชอบ คือเอาของที่พระท่านได้จากการบินฑบาตรมาใช้ มากิน เราไม่ได้แอนตี้ แต่แค่ไม่ชอบ) เดือนๆ ละ 4,000 บวกกับเงินแม่เอง 2,000 มาให้เราได้ใช้จ่ายต่อเดือน (จุดๆนี้ โคตรสมเพชตัวเอง) เราก็ได้แต่ยอมจำนนและอดทน แต่เราตั้งใจเรียนเสมอ A วิชาเอกตลอด เพราะอยากให้แม่ภูมิใจ พี่น้องของพ่อช่วยเหลือก็จริง
แต่ก็ดูถูกเหยียดหยาม บางทีด่าว่าพ่อแท่เราจนไม่เหลือศักดิ์ศรี เราเจ็บใจ แต่ทำอะไีรไม่ได้ เพราะชินแล้ว เวล่เราอยากได้อะไร ต้องเก็บเงินซื้อเองตลอด เพราะพ่อแม่ไม่มีให้ TT จะกินอะไรแต่ละครั้งก็ต้องคิดเยอะๆ ถ้าแพงไป เราก็ไม่ได้กิน ปัจจุบันนี้ ชีวิตเราก็เป็นอยู่อย่างนั้น เพียงแค่เรามีแฟนและมีความสุขเพิ่มขึ้นมากๆ ทะเลที่ไม่เคยได้ไป เราไปได้
Mk ที่ไม่เคยได้กิน เรากินได้ จุดมุ่งหมายของเราตอนนี้คืออยากเรียนจบไวๆ และอยากมีครอบครัวเป็นของตัวเอง เพราะเบื่อความยุ่งเหยิงแบบนี้เกินทน อาจจะดูเหมือนคนหนีปัญหา แต่สุดจะทนจริงๆ
เราขอเล่าเพียงเท่านี้ อาจจะไม่ครอบคลุมมากนัก แต่นี่คือเรื่องที่เราอยากระบายจริงๆ ..และขอโทษถ้าจขกท เล่าวกไปวนมาบ้าง
ปล. ขอตั้งเป็นกระทู้คำถามนะคะ เนื่องจากไม่ได้ยืนยันตัวตน เลยตั้งสนทนาไม่ได้