.
สุภัทรามองดูใบประกาศนียบัตรที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าของเธอ วงการพระเครื่องสมัยนี้หากพระไม่มีใบประกาศรับรองแล้วก็ยากที่ทำราคาได้ แต่หากได้รางวัลติดโบว์หรือได้โล่มาไม่ว่าพระองค์นั้นจะดูยากสักแค่ไหนก็ไปต่อได้
หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย เธอเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในห้างพระเครื่องแถวๆงามวงศ์วาน ลูกค้าแม้จะไม่มากเหมือนร้านที่อยู่ใกล้ๆ ออฟฟิต แต่ก็พอมีรายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงตัวเอง แทบทุกวันจะมีลูกค้ามานั่งส่องพระที่ร้านของเธอ เธอมองดูพฤติกรรมเหล่านั้นด้วยความไม่เข้าใจว่า พระเครื่ององค์เล็กๆ จะมีอะไรให้ดูนักหนา
“องค์นี้เสี่ยเปิดเท่าไหร่ พอจะแบ่งได้มั๊ย ?” สมปอง หรือคนในวงการมักเรียกกันว่า “ปอง สองแคว” เอ่ยถามหลังจากที่นั่งส่องพระนานเกือบๆ สิบนาที
“หกแสน” ลูกค้าหน้าใหม่ที่สุภัทราไม่เคยเห็นหน้ากล่าวเรียบๆ บัดนี้เธอเริ่มสนใจเขาเข้าแล้ว ไม่ใช่เพราะหน้าตาที่ดูดี ขาวคมของเขา แต่เป็นเพราะตัวเลขที่กระเด็นมาเข้าหูมันน่าตกกระใจ
“พระอะไรราคาจะขนาดนั้นเชียว” เธอคิดในใจอย่างสงสัย
“โห.. เฮีย นางพญาองค์ที่ได้โบว์แดงงานศูนย์ราชการเมื่อเดือนก่อนยังไม่ถึงเราคานี้เลยน่ะ หย่นหน่อยได้มั๊ย” สมปองถามแบบมีเชิง จริงๆแล้วพระนางพญาพิษณุโลกนั้นเป็นพระสายตรงของเขาเลย มีรึที่เขาจะไม่รู้ว่าพระสวยอย่างที่แชมป์เรียกแม่แบบนี้ราคาไปต่อได้ถึงหลักล้านแน่นอน
“ถ้าเฮียไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน” น้ำเสียงเรียบๆ เช่นเคยแต่คราวนี้มันกลับทำให้คนฟังหยิบพระมาส่องพลิกแล้วพลิกอีกอยู่นาน
“อืม .. งั้นเฮียรอผมที่ร้านนี่แหละ เดี๋ยวผมไปเอาเงินมาให้ ตกลงตามนี้แล้วกัน” สมปองเดินกลับไปที่ร้านรับเช่า/บูชาพระเครื่องของตนพร้อมเอาเงินสดออกมาหกแสนตามราคาที่ตกลงกัน ถือว่าถูกเหมือนได้เเปล่า
เป็นอันปิดดิวของพระนางพญาเข่าโค้ง พิษณุโลก
เหตุการณ์ผ่านไปสองสามวันข่าวก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้างว่าสมปองปล่อยพระนางพญาองค์ที่เพิ่งเช่าไปในราคาล้านสองแสนบาท
เรื่องนี้ไม่มีทางที่จะรอดพ้นหูตาเจ้าของร้านกาแฟอย่างสุภัทราไปได้เช่นกัน
“อะไรจะกำไรดีขนาดนี้ นั่งคุยกันไม่ถึงชั่วโมง ฟาดกำไรไปเหนาะๆ หกแสน” เธอเริ่มคิดว่าโลกนี้ยังมีช่องทางทำมาหากินกับกิเลสความอยากได้ใคร่มีของมนุษย์ง่ายเหลือเกิน
เหตุการณ์ครั้งนั้นเปลี่ยนชีวิตของเธอไปสิ้นเชิง เธอกลับบ้านพร้อมกับฝากตัวเป็นศิษย์ของ “ซ้ง วัดหนัง” เซียนพระสายตรงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง บิดาของตัวเอง
“เตี่ย หนูอยากเป็นเซียนพระเครื่องเหมือนเตี่ย” น้ำเสียงและสายตาที่จริงจังของเธอแสดงเจตนาชัดเจน
“อืม.. ดีๆ เตี่ยก็บอกให้ลื้อมาทางนี้ตั้งนานแล้ว ลื้อก็ไม่สนใจซักที ทำไมรอบนี้ไม่ต้องกล่อมให้เสียเวลาเลยล่ะ” ความแปลกใจในตัวลูกสาวยังไม่ลดลง
เวลาสี่ปีนับจากนั้นรวดเร็วเหมือนเพิ่งผ่านมา :
บัดนี้สุภัทราสาวสวยเจ้าของร้านกาแฟสดเล็กๆ ในห้างกลายเป็น “เจ้ภัทร วัดหนัง” ผู้เชี่ยวชาญพระปิดตามือต้นๆ ของเมืองไทยทีเดียว แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ใช่ว่าจะง่ายดายเหมือนในละคร เธอล้มลุกคลุกคลานอยู่นานนับปี ช่วงสี่ปีที่ผ่านมาเธอเช่า/ปล่อยพระเครื่องมีทั้งกำไรและขาดทุน เงินหมุนเวียนนับสิบล้านบาท
“เล่นพระอย่าใช้หู” เสียงของเตี่ยก้องอยู่ทุกครั้งที่เธอจับพระขึ้นมาส่อง แต่ครั้งนี้เหมือนฟ้าประทานของขวัญล้ำค่ามาให้ ลูกค้าเอาพระมาปล่อยที่หน้าตู้ของเธอ เนื้อหาเก่าถึงยุค พิมพ์ทรงถูกต้องตามตำรา ประวัติที่มาประกอบการตัดสินใจช่างเย้ายวนเหลือเกิน
เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ยันต์สี่ ปี 2467 เนื้องทองคำ เปิดราคามาสามแสน แบบนี้ไม่รับเข้าก็ต้องวางมือออกจากวงการกันเลยทีเดียว
“เตี่ย หนูมีอะไรมาให้ดู” พลางยื่นกล่องโลหะเล็กๆ ออกมา
“อืม.. ดูดีน่ะ” เขาเดินไปที่โต๊ะประจำที่ใช้นั่งส่องพระเครื่องมานับพันองค์
"ครั้งนี้ทำไมเตี่ยส่องนานมาก แถมไม่พูดจาหรืออธิบายอะไรออกมาเหมือนปกติเลย" สุภัทราได้แต่นึกสงสัย
“อาภัทร ลื้อเช่ามาเท่าไหร่” คำถามแรกผุดขึ้นมา
“สามแสนถ้วนค่ะ” พูดไปยิ้มไปด้วยความถูมิใจ “สวยใช่ไหมล่ะเตี่ย”
“สวย ทองแท้แต่ .... พระไม่แท้ !!!” เตี่ยของเธอกล่าวพร้อมกับวางพระลงในกล่องอย่างเดิม “ลื้อดูรอยตะไบขอบหรือยัง?”
“ตายล่ะสิ มัวแต่ดีใจว่าได้ของหลุดตกควายมา จนลืมจุดนั้นไปเลย” อาการดีจนใจเนื้อเต้นตอนนี้กลายเป็นความเสียดายเงินสามแสนเข้ามาแทนที่
“ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นค่าครู” “จำไว้น่ะ เล่นพระอย่าโลภ” สองประโยคนี้เซียนซ้งมักพูดเสมอเมื่อลูกสาวพลาดพลั้ง เขาไม่เคยซ้ำเติมอะไรเธอเลย เพราะเรื่องแบบนี้ต้องเจอกันทุกคน เขาหวังเพียงให้มันเป็นบทเรียนเท่านั้นเอง
“สมัยนี้เทคโนโลยีมันก้าวหน้ามาก เมื่อก่อนเซียนพระรุ่นเตี่ยยังเล่นกันง่ายกว่านี้เยอะ” “ลื้อต้องหมั่นลับคม หมั่นติดตามข่าวเสมอๆน่ะ” ซ้ง วัดหนัง กล่าวก่อนจะยกน้ำขิงร้อนๆ ขึ้นมาจิบ
“ค่ะเตี่ย” เธอตอบสั้นๆ แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้ แต่เธอก็อดเสียดายเงินไม่ได้
เช้าวันนี้ถนนดูโล่งกว่าวันทั่วไป แต่สำหรับห้างนี้หากไม่รีบมารับรองหาที่จอดรถไม่ได้ เธอจึงต้องตื่นเช้าเช่นเดิมแม้จะเป็นวันหยุดของใครหลายคน
“ฮัลโหล คุณสุภัทรา วันนี้ช่วง 11 โมงติดธุระที่ไหนรึป่าว ผมจะเอาพระไปให้ดู” ปลายสายโทรมาอย่างคนคุ้นเคย นั่นเสียงของเสี่ยสมยศ เจ้าของโรงเลื่อยไม้ที่เธอเคยติดต่อตอนสร้างบ้านในไร่องุ่นที่ชลบุรี
“ว่างค่ะ เจอกันที่ร้านกาแฟของหนูนะคะ” เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดีเหมือนรู้ว่าลาภกำลังลอยมา
11:20 น.
เสี่ยสมยศเข้ามาทักทายสุภัทราที่ร้านกาแฟพร้อมกับยื่นสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทซึ่งมีพระเครื่องห้อยอยู่ 5 องค์ สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ นางพญาเข่าโค้งพิษณุโลก พระรอดมหาวัน ซุ้มกอกำแพงเพชร และพระผงสุพรรณหน้าแก่ ทุกองค์ล้วนอยู่ในตลับจีวรสีทองเหลืองอร่าม
“เบื่อแล้วหรือคะเสี่ย?” “รอบนี้แบ่งให้จริงๆรึป่าคะ อย่าให้ชมเฉยๆ ล่ะ” เธอเดินเกมส์รุกก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา
“ของชอบ ยังไงก็ไม่เบื่อหรอก เห็นคุณภัทรตามจีบมาหลายรอบ ผมก็เริ่มจะใจอ่อน” เจ้าของสายตาขี้เล่นยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“หมดนี่เสี่ยจะเอาเท่าไหร่คะ? อย่าตั้งราคาตึงเหมือนครั้งก่อนนะคะ ภัทรสู้ไม่ไหวหรอก” เหมือนที่เตี่ยของเธอเคยสอน “ลื้อต้องคอยติดตามข่าวอยู่ตลอด” แน่นอนก่อนการมาของเสี่ยสมยศ สุภัทราเองได้ข่าวจากเพื่อนของเธอก่อนแล้วว่าเสี่ยกำลังอยู่ในช่วงขาลงเพราะนักการเมืองที่เลี้ยงไว้เกิดเสียชีวิตอย่างกระทันหัน
“เฉพาะสมเด็จเอา 15 ล้าน ที่เหลือเก็บไว้ก่อน”
เธอส่องพระองค์แชมป์ด้วยสมาธิที่มั่นคงเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด "ไม่ผิดแน่ !!!" องค์นี้ที่ลงนิตยาสารบ่อยๆ เจ้าของใบประกาศแทบทุกงานที่ลงสนามประกวด
“12 ล้านละกัน เดี๋ยวลงไปโอนที่ธนาคารกันเลย” เธอต่อรองอีกสักหน่อยทั้งๆที่ราคานั้นรับเข้าได้เลยโดยไม่ต้องต่อรองอะไรอีกแล้ว แต่ก็ไม่วายนั่นแหละ
“ไม่ได้หรอก คนอื่นเขาให้ราคาดีกว่านี้ แต่เห็นที่คุณภัทรเคยเป็นลูกค้าผมมาก่อนก็เลยเอาแค่นี้พอ” เจ้าของพระไม่ยอม แต่ก็ยังยิ้มแย้มอยู่เช่นเดิม
ก็จริงอย่างที่สมยศบอกไป พระองค์นี้อย่างต่ำหากปล่อยให้เศรษฐีนอกวงการต้องมีที่ 20 ล้าน อีกอย่างเป็นพระที่ไม่ต้องลุ้นอะไรอีกแล้ว พระผ่านการพิสูจน์จากสายตากรรมการมามากมายหลายสนาม
“ขอบพระคุณค่ะเสี่ย เดี๋ยวเชิญที่ธนาคารด้านล่างนะคะ” ผ่านไปครึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็จบลง คนขายได้เงิน คนซื้อได้พระ ช่างลงตัวเสียนี่กระไร
“ฮัลโหล ท่านคะพระสมเด็จองค์ที่ท่านให้ตามหาตอนนี้อยู่ที่ภัทรแล้วนะคะ เดี๋ยวจะให้คนเอาไปส่งให้ค่ะ”
“ขอบใจมาก” สั้นๆ แต่นั่นคือเสียงของกำไรที่เธอจะได้มากว่าสิบล้าน “แต่ผมไม่เอาแล้วนะ องค์ของเสี่ยสมยศไม่แท้”
“อะ.. อะ.. อะไรนะคะ องค์นี้มีใบประกาศเพียบเลยนะคะท่าน” สุภัทรารู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นลม
“ใช่... แต่เป็นพระที่ถูกวางงานมาเป็นปีๆแล้ว ข่าวกรองของผมรับรองเชื่อถือได้ ขอบคุณมาก แค่นี้น่ะ” 'ท่าน' ของสุภัทราวางสายไปเสียแล้ว
"ยินดีด้วยน่ะสมยศ ปล่อยได้เสียที”
“ขอบคุณมากครับท่าน หากไม่ได้ท่านแนะนำให้สุภัทรามาซื้อไม้กับผม งานนี้คงไม่สำเร็จ เอ๊า ชน...”
.
วิถีเซียน
สุภัทรามองดูใบประกาศนียบัตรที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าของเธอ วงการพระเครื่องสมัยนี้หากพระไม่มีใบประกาศรับรองแล้วก็ยากที่ทำราคาได้ แต่หากได้รางวัลติดโบว์หรือได้โล่มาไม่ว่าพระองค์นั้นจะดูยากสักแค่ไหนก็ไปต่อได้