รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน - ทำบทและพล็อตมาดีเลยนะเนี่ย ไม่ได้เน้น ตลกมาก ไม่ได้เน้นดราม่ามากมาย แต่ก็ดูได้สนุกดี เสียดายว่าไม่อินสุดเพราะเพลงมันเหมาะ แต่ไม่ใช่ทางจริงๆ เอาเป็นว่าหนังน่าพอใจ การแสดงก็ดีทั้งพระเอกนางเอกครับ
สวัสดีครับ เมื่อวานนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle)" ในวันฉายปกติวันแรก และเป็นการตัดสินใจดูหนังไทยต่อกัน 2 เรื่อง ซึ่งอีกเรื่องก็คือ "Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า" หากสนใจอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ
https://ppantip.com/topic/38986177
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังไทยเรื่องที่ 2 ของ วิรัตน์ เฮงคงดี ผู้กำกับที่ผมชื่นชอบฝีมือมากๆเป็นการส่วนตัว เพราะหนัง "ยอดมนุษย์เงินเดือน" ที่เขาสร้างไว้ครั้งก่อน มันดีมากๆ ดังนั้น ผมค่อนข้างไว้ใจและคาดหวังว่า "รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน" น่าจะอยู่ในมาตรฐานระดับเดียวกัน และเมื่อเป็นหนังในค่าย CJ Major Entertainment ซึ่งได้ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมไว้ นั่นก็คือ “20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น” ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่า หนังไม่น่าจะแย่แน่ๆ
จากหนังตัวอย่าง ประเด็นที่หนังนำมาใช้หลักๆก็คือ การรับประกันความรัก ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ น่าสนใจเลยล่ะครับ เพราะมั่นใจว่าน่าจะขยายแระเด็นได้ไกล แต่หน้าหนังมันก็ยังไม่ได้ดึงดูดอะไรมากนัก ดูแล้วก็ทรงคล้ายๆ App War ที่ฉายไปแล้วก่อนหน้านี้
ช่วงแรก เปิดเรื่องราวได้สนใจ อาชีพ "นักคณิตศาสตร์ประกันภัย" น่าสนใจและใหม่ในหนังไทย และน่าสนใจมากๆว่า การรับประกันอะไรแบบในหนังนี่ ถ้ามีจริง มันจะเป็นอย่างไร ประเด็นที่นำเสนอ รวมถึงเคสต่างๆ ก็วางไว้ได้ดีพอสมควร สไตล์ก็ค่อนข้างหวือหวาเกินจริงไปนิด แต่ก็ไม่ได้ดูขัดตาแต่ประการใด ส่วนประเด็นการท้าทายของพระเอกนางเอก ก็โอเค พอได้อยู่
ช่วงกลาง หนังเรื่องนี้เดินกราฟหนังได้แปลกดีครับ หวือหวา ขึ้นๆ ลงๆ ลากอารมณ์คนดูไปมา ตลก เพ้อ เศร้า ซึ้ง หดหู่ ลากขึ้นลากลงตามเคสที่เจอ แต่ที่น่าสนใจคือปมต่างๆ ที่หนังโปรยปรายไว้ตามรายทาง ก็เริ่มเก็บเอามาใช้อย่างสนุกมือ หลายอย่างก็เหนือความคาดหมายไปมาๆ ผมชอบนะครับ มันแสดงถึงการเขียนบทที่เอาใจใส่เป็นอย่างดี รวมถึงเคสที่นำมา ก็เดินเรื่องแบบมีทิศทาง พยายามปั้นอารมณ์ของคนดูให้พีคขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงท้าย อันนี้ผมชอบสิ่งที่หนังนำมาใช้ในช่วงพีค แต่ส่วนตัวมันทำให้ผมอินไม่ได้ การผสมผสานเพลงบางแนวเข้ากับหนังสไตล์นี้ มันเป็นท่ายากเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะมองแบบไหน ผู้กำกับก็ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร ทั้งที่หากใช้ตามสูตรหนังทั่วไป อารมณ์ของคนดูจะอินและเข้าถึงได้ง่าย และนี่เป็ฯจุดที่สุดท้าย ผมมองว่าช่วงฉากจบ มันน่าจะมีวิธีที่ไปได้หวือหวากว่านี้ เสียดายอันนี้มันเรียบง่ายไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตอน "ยอดมนุษย์เงินเดือน" ที่ก็เรียบง่ายแนวๆนี้เหมือนกัน
ในด้านการแสดง ปั้นจั่น ทำหน้าที่ในหนังได้ดีเช่นเคย แต่ยอมรับว่าถ้าจะให้ดูเนิร์ดอย่างที่หนังปูมาทั้งหมด บางทีลุคของปั้นจั่นที่หนังพยายามปรับแต่งแล้ว อาจจะดูเนิร์ดน้อยไปสักนิด ส่วน เอสเธอร์ แสดงได้ดีเลยครับ มันดูสมูธและไม่ล้น อาจไม่ได้ดูลึกมาก แต่ก็พอเหมาะพอสมกับสไตล์หนัง ส่วนนักแสดงสมทบท่านอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีนะครับ และน่าสนใจที่หนังไม่มีตัวแย่งซีน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในหนังไทยยุคหลัง ประเภทมาแว้บเดียวแต่แย่งซีนพระนางเรียบ เรื่องนี้ไม่มีครับ มีแต่มาส่งเสริมประเด็นของหนัง
หนังเรื่องนี้จุดเด่นจริงก็คือประเด็นที่แข็งแรงมากในเรื่องมุมมองความรักที่แตกต่าง ประเด็น ความรักวัดเป็นตัวเลขได้ไหม นี่เด่นมาก ซึ่งเมื่อประเด็นหลักมันแข็งแรงขนาดนี้ ส่วนอื่นๆของหนัง ก็ล้อไปตามประเด็นหลักได้สบาย อะไรที่มันดูไม่น่าจะมาอยู่ในหนัง ก็เอามาอยู่ได้ ส่วนตัวชอบมากครับ แถมประเด็นนี้ก็มีความเป็นสากลด้วย
ส่วนจุดด้อยก็เห็นจะเป็นพลังของฉากช่วงท้าย ช่วงจะจบนั่นแหล่ะครับ ส่วนตัวมันน่าจะมีทางที่ไปแล้วมันเจ๋งกว่า ไม่ใช่ที่มีอยู่ไม่ดีนะครับ แต่ความประทับใจสุดท้ายก่อนออกจากโรงหนังมันสำคัญมาก บางทีหนังอ่อนมาทั้งเรื่องมาแข็งแรงตอนฉากจบ คนดูมองว่าหนังดีก็มี ลองนึกย้อนไปนะครับ หนังอะไรที่คุณจำช่วงฉากพีคก่อนจบได้ หนังเรื่องนั้นมีโอกาสที่จะได้เสียงบอกต่อมากกว่า
สรุป - ดีใจที่ยังคงมีหนังไทยดีๆ ประเด็นเด็ดๆ ออกมาให้ได้ดูกันอย่างต่อเนื่อง หนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ มีประเด็นดี เขียนบทดี กำกับดี นักแสดงดี ครบองค์ประกอบ หนังก็ออกมาดี รวมถึงบทสรุปเรื่องของประเด็นความรัก ที่หนังนำเสนอออกมาได้ดี เอาเป็นว่า น่าพอใจละกันครับ ส่วนเรื่องว่า อยากจะมาดูกันหรือไม่ ประเด็นนี้ ผมว่าแล้วแต่ทุกท่านแล้วกันครับ
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังกลางๆ / ดีกว่าที่หวังไว้
เกรดหนัง – น่าพอใจ
คะแนน 7.5/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
[CR] [Mr. Coffee รีวิว 2/2562] รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle) (ไม่สปอยล์)
สวัสดีครับ เมื่อวานนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle)" ในวันฉายปกติวันแรก และเป็นการตัดสินใจดูหนังไทยต่อกัน 2 เรื่อง ซึ่งอีกเรื่องก็คือ "Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า" หากสนใจอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ https://ppantip.com/topic/38986177
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังไทยเรื่องที่ 2 ของ วิรัตน์ เฮงคงดี ผู้กำกับที่ผมชื่นชอบฝีมือมากๆเป็นการส่วนตัว เพราะหนัง "ยอดมนุษย์เงินเดือน" ที่เขาสร้างไว้ครั้งก่อน มันดีมากๆ ดังนั้น ผมค่อนข้างไว้ใจและคาดหวังว่า "รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน" น่าจะอยู่ในมาตรฐานระดับเดียวกัน และเมื่อเป็นหนังในค่าย CJ Major Entertainment ซึ่งได้ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมไว้ นั่นก็คือ “20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น” ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่า หนังไม่น่าจะแย่แน่ๆ
จากหนังตัวอย่าง ประเด็นที่หนังนำมาใช้หลักๆก็คือ การรับประกันความรัก ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ น่าสนใจเลยล่ะครับ เพราะมั่นใจว่าน่าจะขยายแระเด็นได้ไกล แต่หน้าหนังมันก็ยังไม่ได้ดึงดูดอะไรมากนัก ดูแล้วก็ทรงคล้ายๆ App War ที่ฉายไปแล้วก่อนหน้านี้
ช่วงแรก เปิดเรื่องราวได้สนใจ อาชีพ "นักคณิตศาสตร์ประกันภัย" น่าสนใจและใหม่ในหนังไทย และน่าสนใจมากๆว่า การรับประกันอะไรแบบในหนังนี่ ถ้ามีจริง มันจะเป็นอย่างไร ประเด็นที่นำเสนอ รวมถึงเคสต่างๆ ก็วางไว้ได้ดีพอสมควร สไตล์ก็ค่อนข้างหวือหวาเกินจริงไปนิด แต่ก็ไม่ได้ดูขัดตาแต่ประการใด ส่วนประเด็นการท้าทายของพระเอกนางเอก ก็โอเค พอได้อยู่
ช่วงกลาง หนังเรื่องนี้เดินกราฟหนังได้แปลกดีครับ หวือหวา ขึ้นๆ ลงๆ ลากอารมณ์คนดูไปมา ตลก เพ้อ เศร้า ซึ้ง หดหู่ ลากขึ้นลากลงตามเคสที่เจอ แต่ที่น่าสนใจคือปมต่างๆ ที่หนังโปรยปรายไว้ตามรายทาง ก็เริ่มเก็บเอามาใช้อย่างสนุกมือ หลายอย่างก็เหนือความคาดหมายไปมาๆ ผมชอบนะครับ มันแสดงถึงการเขียนบทที่เอาใจใส่เป็นอย่างดี รวมถึงเคสที่นำมา ก็เดินเรื่องแบบมีทิศทาง พยายามปั้นอารมณ์ของคนดูให้พีคขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงท้าย อันนี้ผมชอบสิ่งที่หนังนำมาใช้ในช่วงพีค แต่ส่วนตัวมันทำให้ผมอินไม่ได้ การผสมผสานเพลงบางแนวเข้ากับหนังสไตล์นี้ มันเป็นท่ายากเลยล่ะครับ ไม่ว่าจะมองแบบไหน ผู้กำกับก็ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร ทั้งที่หากใช้ตามสูตรหนังทั่วไป อารมณ์ของคนดูจะอินและเข้าถึงได้ง่าย และนี่เป็ฯจุดที่สุดท้าย ผมมองว่าช่วงฉากจบ มันน่าจะมีวิธีที่ไปได้หวือหวากว่านี้ เสียดายอันนี้มันเรียบง่ายไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตอน "ยอดมนุษย์เงินเดือน" ที่ก็เรียบง่ายแนวๆนี้เหมือนกัน
ในด้านการแสดง ปั้นจั่น ทำหน้าที่ในหนังได้ดีเช่นเคย แต่ยอมรับว่าถ้าจะให้ดูเนิร์ดอย่างที่หนังปูมาทั้งหมด บางทีลุคของปั้นจั่นที่หนังพยายามปรับแต่งแล้ว อาจจะดูเนิร์ดน้อยไปสักนิด ส่วน เอสเธอร์ แสดงได้ดีเลยครับ มันดูสมูธและไม่ล้น อาจไม่ได้ดูลึกมาก แต่ก็พอเหมาะพอสมกับสไตล์หนัง ส่วนนักแสดงสมทบท่านอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีนะครับ และน่าสนใจที่หนังไม่มีตัวแย่งซีน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในหนังไทยยุคหลัง ประเภทมาแว้บเดียวแต่แย่งซีนพระนางเรียบ เรื่องนี้ไม่มีครับ มีแต่มาส่งเสริมประเด็นของหนัง
หนังเรื่องนี้จุดเด่นจริงก็คือประเด็นที่แข็งแรงมากในเรื่องมุมมองความรักที่แตกต่าง ประเด็น ความรักวัดเป็นตัวเลขได้ไหม นี่เด่นมาก ซึ่งเมื่อประเด็นหลักมันแข็งแรงขนาดนี้ ส่วนอื่นๆของหนัง ก็ล้อไปตามประเด็นหลักได้สบาย อะไรที่มันดูไม่น่าจะมาอยู่ในหนัง ก็เอามาอยู่ได้ ส่วนตัวชอบมากครับ แถมประเด็นนี้ก็มีความเป็นสากลด้วย
ส่วนจุดด้อยก็เห็นจะเป็นพลังของฉากช่วงท้าย ช่วงจะจบนั่นแหล่ะครับ ส่วนตัวมันน่าจะมีทางที่ไปแล้วมันเจ๋งกว่า ไม่ใช่ที่มีอยู่ไม่ดีนะครับ แต่ความประทับใจสุดท้ายก่อนออกจากโรงหนังมันสำคัญมาก บางทีหนังอ่อนมาทั้งเรื่องมาแข็งแรงตอนฉากจบ คนดูมองว่าหนังดีก็มี ลองนึกย้อนไปนะครับ หนังอะไรที่คุณจำช่วงฉากพีคก่อนจบได้ หนังเรื่องนั้นมีโอกาสที่จะได้เสียงบอกต่อมากกว่า
สรุป - ดีใจที่ยังคงมีหนังไทยดีๆ ประเด็นเด็ดๆ ออกมาให้ได้ดูกันอย่างต่อเนื่อง หนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ มีประเด็นดี เขียนบทดี กำกับดี นักแสดงดี ครบองค์ประกอบ หนังก็ออกมาดี รวมถึงบทสรุปเรื่องของประเด็นความรัก ที่หนังนำเสนอออกมาได้ดี เอาเป็นว่า น่าพอใจละกันครับ ส่วนเรื่องว่า อยากจะมาดูกันหรือไม่ ประเด็นนี้ ผมว่าแล้วแต่ทุกท่านแล้วกันครับ
ความคาดหวังก่อนชม / หลังชม – คาดหวังกลางๆ / ดีกว่าที่หวังไว้
เกรดหนัง – น่าพอใจ
คะแนน 7.5/10
****รีวิว เกรดหนัง และคะแนน อยู่บนพื้นฐานของหนังไทยเท่านั้น ไม่นำหนังเทศมารวมแต่อย่างใด***
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้