-- รีวิวหนัง Toy Story 4 -- 8/10 คะแนน เหล่าของเล่นผจญภัยสุดวายป่วง 🤖🦖🏡
❗ ในที่สุด วู้ดดี้, บัซไลท์เยียร์ และเหล่าสารพัดของเล่น ก็กลับมาให้หายคิดถึงกันอีกครั้งกับ Toy Story 4 !! หลังห่างหายจากภาคสามมา 9 ปีเต็ม !! แม่เจ้า อะไรมันจะเว้นนานอะไรขนาดนั้น
ในภาคนี้พวกของเล่นก็ได้เจ้าของใหม่กันอีกแล้ว ชื่อบอนนี่ เจอเพื่อนใหม่เป็นของเล่นทำมือชื่อ ฟอร์กกี้ ที่ยังดูสับสนในตัวเอง ว่าสมควรได้รับความรักจากเด็กๆ หรือควรไปอยู่ในกองขยะกันแน่ และวันนึงฟอร์กกี้ก็ได้หายตัวไประหว่างเดินทางในรถ (อยู่ตั้งนานไม่หาย) การผจญภัยสองหมื่นลี้ของเหล่าของเล่นที่นำทัพโดยวู้ดดี้ เพื่อตามหาเพื่อนตัวยุ่งจอมเปิ่นจึงเริ่มต้นขึ้น
จะว่าไปสามภาคแรกก็ขยันหายกันจังเลย เหนื่อยเพื่อนต้องวิ่งตามหากันไม่หยุด 555 ภาคนี้มาก็เอาอีกแล้วเรอะ !! พล็อตอมตะจริงๆ
✳️ [ การดำเนินเรื่อง ]
ถึงตัวพล็อตจะไม่ได้หนีจากภาคก่อนๆ เท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าเป็นช่วงเวลา 1 ชั่วโมง 40 นาทีที่โคตรบันเทิง และมอบความสุขให้กับคนดูเต็มอิ่ม เป็นมิตรกับคนดูหน้าใหม่ อีกทั้งมอบความทรงจำวัยเยาว์ให้กับแฟนๆ
หนังเริ่มออกไปในทางตลกคอมเมดี้ขึ้นกว่าภาคก่อนๆ มู้ดโทนฉีกแนวออกมาจนคล้ายๆ สปินออฟมากกว่าภาคต่อ เน้นการผจญภัยแบบน่ารักที่ดูง่าย และไม่หม่นจนเกินไป การได้เห็นฟอร์กกี้ ของเล่นใหม่อยู่บนจอทีไร
เป็นที่สุดของความฮาจริงๆ ถึงมุกมันจะซ้ำเดิม แต่โคตรขำ จังหวะล้ำมากโดนทุกดอกจนลั่นโรง
การดำเนินเรื่องจริงๆก็แทบจะถอดมาจากสูตรเดิมภาคที่แล้วๆมา แต่บอกเลยว่าเป็นสูตรเดิมที่มันโคตรเวิร์ค! มันได้ฟิลลิ่งใหม่ๆ นับถือความคิดสร้างสรรค์ระหว่างการเดินทางไปสู่แต่ละจุดในพล็อต มีลูกคลื่นการเล่าเรื่องราวได้ดีมาก ไม่มีจุดไหนที่เนือยหรือน่าเบื่อเลยตลอดทั้งเรื่อง ไม่เคยดูแอนิเมชั่นไหนแล้วบันเทิงจัดเบอร์นี้เลย
เสียดายเรื่องการกระจายบทอยู่เหมือนกัน ที่ของเล่นหลายชิ้นไม่ได้มีบทบาทอะไรเท่าไหร่ เหมือนแค่ติดสอยห้อยตามไปด้วย มีแต่เก่งๆที่ออกโรงอยู่ไม่กี่ตัว และ โบ พีพ ที่แย่งซีนที่สุดในสามโลก! เธอไม่ใช่สาวร่าน เอ้ย สาวอ่อนต่อโลกเหมือนที่เราเคยรู้จัก แต่เธอมาพร้อมความห้าวขั้นสุด สกิลเอาตัวรอดเต็มเปี่ยม จนวู้ดดี้ยังต้องอ้าปากค้าง และพูดว่า นั่นมันบทกู !! บัซไลท์เยียร์ และเจสซี่ก็จืดจางใช้ได้ จนแทบจะหายไปจากเรื่อง 555
✳️ [ แสงเงา, แอนิเมชั่น ]
จุดที่พัฒนาก้าวกระโดดที่สุดในแฟรนชายส์ หลัง 9 ปีกลับมา ก็คืองานภาพที่โคตรสมจริงจนขนลุก
เรนเดอร์กันกี่ปีวะ ไม่คิดเลยว่าเทคโนโลยีเราจะมาไกลขนาดนี้
แสงเงาสวยอลัง fading นวลตามาก ลำแสงลงมาทีฝุ่นละอองลอยเป็นกลุ่ม พื้นผิวต่างๆ บนตัวของเล่นก็เนียนขึ้นเยอะ เรียกได้ว่าสมจริงไร้ที่ติทุกอณู เก็บงานชนิดเหยี่ยวเรียกพี่ อย่างหยากไย่ในซอกตู้ ฝุ่นเกาะรางปลั๊ก ชามเซรามิกเก่าๆ คราบสนิมตามบานพับ รอยลอกบนไม้ สมจริงจนอยากกราบเบญจางฯ ทีมงานสักร้อยรอบ
ส่วนสวนสนุกงานวัดก็เนรมิตซะเหมือนเอาภาพจริงมาใส่ ฟิลลิ่งตอนเด็กๆที่เคยไปดรีมเวิร์ลมันผุดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศแสงเสิงมันเป๊ะหมดเลย พวกเครื่องเล่นเอย ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ ซุ้มร้านผ้าใบ โซนเกมปาลูกโป่ง หญ้าเหย้อเขียวขจีพริ้วไสว ทุกรายละเอียดรวมกันกะฆ่าคนดูให้ตายคาโรงไปข้าง เหมือนขนาดนี้พี่ไปถ่ายจริง เอาคนเล่นจริงไปเลยมั้ย !
ยิ่งฉากฝนตกนอกบ้านนี่
โคตรสุด ! คิดสภาพน้ำมันขังๆนะ มีละอองฝนนวลๆ ฝนแต่ละเม็ดพุ่งแหวกลงมากระทบผิวน้ำ น้ำเกิดวงคลื่นกระเซ็นเป็นฝอย ฝอยชนกันเป็นละอองละเอียดยิบ พวกกองใบไม้ที่ไหลตามทางน้ำลงท่อมีริ้วน้ำมีฟองน้ำอีกตั่งหาก แถมหยดน้ำยังไหลลัดเลาะบนขดลวดของสปริงกี้ก็เรียลจนไม่อยากเชื่อว่าซีจี สะกดสายตาจนแทบไม่ได้ดูซับเลย
พูดถึงภาพไปเยอะ งานแอนิเมชั่นก็ไม่แพ้กัน การเคลื่อนไหวละเอียดไหลลื่นจนเกือบลืมว่ามันเป็นของเล่น ข้อต่อของเล่นหมุนพลิกธรรมชาติมากตอนโดนเขย่า มีการใช้โมชั่นแคปเจอร์เข้ามาเสริมได้ดี ทำให้ทุกตัวละครมีชีวิตชีวา และน่ารักยิ่งกว่าที่เคย ลองเอาภาคสามมาเปิดดูนี่จะเห็นความแตกต่างชัดเจนมาก ก็ตั้ง 9 ปีนี่เนอะ 555
✳️ [ กลิ่นอายภาคก่อนๆ ]
เรียกได้ว่าหนังเก็บความเป็นทอย สตอรี่ ของแฟรนไชส์ไว้อย่างครบถ้วน ของเล่นเกือบทุกตัวในภาคแรกโผล่มาล้นจอจนหายคิดถึง นับไม่หวาดไม่ไหว น้ำลายฟูมปากกันไปข้าง นอกจากวู้ดดี้ บัซไลท์เยียร์ ก็จะมีโปเตโต้เฮ้ด สลิงกี้ เจสซี่ โบพีพ แรกซ์ แฮม และ...อีกเยอะมากๆ ให้มานั่งโฟโต้ฮันต์กันเล่น
มีของเล่นใหม่ๆ เข้ามาเพียบเลยภาคนี้ ทั้งคู่หูแสบตุ๊กตาของรางวัลในเกมงานวัด, ตุ๊กตาใบ้สุดหลอน และตุ๊กตาสาวชุดชงชาในร้านขายของเก่า, และที่ขาดไม่ได้คือ ดุ๊ค คาบูม ตุ๊กตามอไซผาดโผนที่คีอานูรีฟส์มาพากย์เสียง โคตรหล่อเท่ระเบิดไปเลย ถึงจะดูเปิ่นๆ ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองไปสักนิด
แถมยังได้ฟิลลิ่งของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การเผชิญหน้าอุปสรรค ที่ผลักดันให้ทุกคนเดินหน้า เหมือนที่ภาคเก่าทำได้ดีมาตลอด ทำให้เราหายคิดถึงอิ่มเอมเป็นปลิดทิ้ง ใครเป็นเหล่าแฟนๆ มาดูยังไงก็ไม่ผิดหวังอยู่แล้ว
✳️ [ ให้ข้อคิดซึ้งกินใจ ]
ภาคนี้ต้องบอกเลยว่า ความหนักแน่นพวกประเด็นดราม่า ข้อคิดต่างๆ ถูกซ่อนไว้ลึกขึ้น และโดนลดทอนหายไปพอสมควร แต่ก็ยังพอมีคีย์หลักที่จับต้องได้ ซึ่งก็คือคุณค่าทางจิตใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ หรือมูลค่าเสมอไป ของเล่นช้อนกึ่งส้อมพลาสติกอย่าง ฟอร์กกี้ ที่บอนนี่เด็กคนใหม่ของวูดดี้ทำขึ้นมาเองกับมือก็สำคัญไม่แพ้ของเล่นอื่นๆ
ฉากการพบเจอ และการจากลาทำออกมาได้โอเค ไม่ถึงกับพีคนัก ไม่มีฉากไหนน้ำตาเล็ดแบบภาคก่อนๆ อารมณ์เหมือนบังเอิญเจอมากกว่าจะคิดถึงจนตามหา ช่วงไหนดราม่าก็พยายามหน่วงเฟรมไว้ให้นาน แต่ไม่ได้ขยี้อะไรเพิ่มเติม โดยรวมด้านกระชากอารมณ์ยังห่างไกล Inside Out อยู่เยอะ
จุดที่ชอบคือหนังเรื่องนี้คือไม่มีตัวร้ายที่ดำสนิท หรือดีจนขาว ทุกตัวละครล้วนมีด้านสีเทา มีความคิดเป็นของตัวเอง ของเล่นทุกชิ้นยังมีความฝันเดียวกันที่จะเป็นที่รักของเด็กๆ แต่ด้วยวิธีการต่างกันออกไป มีการเสนอมุมมองที่นอกกรอบอย่างการมีชีวิตอิสระเป็นของตัวเอง โดยไม่ยึดติดกับใครผ่านตัวละคร โบ พีพ
===================
🏅คะแนนรวม 8/10
===================
.
🔻 การรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวหลังรับชม Please have นานาจิตตัง in mind..
❗ตอนหนังจบอย่าเพิ่งลุกไปไหร มีเอนเครดิตให้ดู ทั้งในระหว่างรายชื่อขึ้น 1 ตัว และหลังชื่อบริษัทท้ายๆ 1 ตัวนาจา
❗ใครไม่เคยดูสามภาคแรก หรือเก็บยังไม่ครบก็ดูภาคนี้รู้เรื่องแน่นอน หนังเป็นมิตรกับคนดูหน้าใหม่มากๆ
ราคาตั๋วที่คุ้มค่า : วันเสาร์อาทิตย์ 180-220
.
#คนจริงไม่อวยหนัง #รีวิวรัวๆ
#ToyStory4 #Pixar #Disney
ติดตามรีวิวหนังเปิดอกจัดเต็ม ไม่มีอวย ได้อีกสองช่องทางที่
เฟสบุ้ค "คนจริงไม่อวยหนัง"
www.facebook.com/IndyMovieReviewer
อินตาแกรม "indymoviereviewer"
www.instagram.com/indymoviereviewer
-- รีวิวหนัง Toy Story 4 -- 8/10 คะแนน เหล่าของเล่นผจญภัยสุดวายป่วง 🤖🦖🏡
-- รีวิวหนัง Toy Story 4 -- 8/10 คะแนน เหล่าของเล่นผจญภัยสุดวายป่วง 🤖🦖🏡
❗ ในที่สุด วู้ดดี้, บัซไลท์เยียร์ และเหล่าสารพัดของเล่น ก็กลับมาให้หายคิดถึงกันอีกครั้งกับ Toy Story 4 !! หลังห่างหายจากภาคสามมา 9 ปีเต็ม !! แม่เจ้า อะไรมันจะเว้นนานอะไรขนาดนั้น
ในภาคนี้พวกของเล่นก็ได้เจ้าของใหม่กันอีกแล้ว ชื่อบอนนี่ เจอเพื่อนใหม่เป็นของเล่นทำมือชื่อ ฟอร์กกี้ ที่ยังดูสับสนในตัวเอง ว่าสมควรได้รับความรักจากเด็กๆ หรือควรไปอยู่ในกองขยะกันแน่ และวันนึงฟอร์กกี้ก็ได้หายตัวไประหว่างเดินทางในรถ (อยู่ตั้งนานไม่หาย) การผจญภัยสองหมื่นลี้ของเหล่าของเล่นที่นำทัพโดยวู้ดดี้ เพื่อตามหาเพื่อนตัวยุ่งจอมเปิ่นจึงเริ่มต้นขึ้น
จะว่าไปสามภาคแรกก็ขยันหายกันจังเลย เหนื่อยเพื่อนต้องวิ่งตามหากันไม่หยุด 555 ภาคนี้มาก็เอาอีกแล้วเรอะ !! พล็อตอมตะจริงๆ
✳️ [ การดำเนินเรื่อง ]
ถึงตัวพล็อตจะไม่ได้หนีจากภาคก่อนๆ เท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าเป็นช่วงเวลา 1 ชั่วโมง 40 นาทีที่โคตรบันเทิง และมอบความสุขให้กับคนดูเต็มอิ่ม เป็นมิตรกับคนดูหน้าใหม่ อีกทั้งมอบความทรงจำวัยเยาว์ให้กับแฟนๆ
หนังเริ่มออกไปในทางตลกคอมเมดี้ขึ้นกว่าภาคก่อนๆ มู้ดโทนฉีกแนวออกมาจนคล้ายๆ สปินออฟมากกว่าภาคต่อ เน้นการผจญภัยแบบน่ารักที่ดูง่าย และไม่หม่นจนเกินไป การได้เห็นฟอร์กกี้ ของเล่นใหม่อยู่บนจอทีไร เป็นที่สุดของความฮาจริงๆ ถึงมุกมันจะซ้ำเดิม แต่โคตรขำ จังหวะล้ำมากโดนทุกดอกจนลั่นโรง
การดำเนินเรื่องจริงๆก็แทบจะถอดมาจากสูตรเดิมภาคที่แล้วๆมา แต่บอกเลยว่าเป็นสูตรเดิมที่มันโคตรเวิร์ค! มันได้ฟิลลิ่งใหม่ๆ นับถือความคิดสร้างสรรค์ระหว่างการเดินทางไปสู่แต่ละจุดในพล็อต มีลูกคลื่นการเล่าเรื่องราวได้ดีมาก ไม่มีจุดไหนที่เนือยหรือน่าเบื่อเลยตลอดทั้งเรื่อง ไม่เคยดูแอนิเมชั่นไหนแล้วบันเทิงจัดเบอร์นี้เลย
เสียดายเรื่องการกระจายบทอยู่เหมือนกัน ที่ของเล่นหลายชิ้นไม่ได้มีบทบาทอะไรเท่าไหร่ เหมือนแค่ติดสอยห้อยตามไปด้วย มีแต่เก่งๆที่ออกโรงอยู่ไม่กี่ตัว และ โบ พีพ ที่แย่งซีนที่สุดในสามโลก! เธอไม่ใช่สาวร่าน เอ้ย สาวอ่อนต่อโลกเหมือนที่เราเคยรู้จัก แต่เธอมาพร้อมความห้าวขั้นสุด สกิลเอาตัวรอดเต็มเปี่ยม จนวู้ดดี้ยังต้องอ้าปากค้าง และพูดว่า นั่นมันบทกู !! บัซไลท์เยียร์ และเจสซี่ก็จืดจางใช้ได้ จนแทบจะหายไปจากเรื่อง 555
✳️ [ แสงเงา, แอนิเมชั่น ]
จุดที่พัฒนาก้าวกระโดดที่สุดในแฟรนชายส์ หลัง 9 ปีกลับมา ก็คืองานภาพที่โคตรสมจริงจนขนลุก เรนเดอร์กันกี่ปีวะ ไม่คิดเลยว่าเทคโนโลยีเราจะมาไกลขนาดนี้
แสงเงาสวยอลัง fading นวลตามาก ลำแสงลงมาทีฝุ่นละอองลอยเป็นกลุ่ม พื้นผิวต่างๆ บนตัวของเล่นก็เนียนขึ้นเยอะ เรียกได้ว่าสมจริงไร้ที่ติทุกอณู เก็บงานชนิดเหยี่ยวเรียกพี่ อย่างหยากไย่ในซอกตู้ ฝุ่นเกาะรางปลั๊ก ชามเซรามิกเก่าๆ คราบสนิมตามบานพับ รอยลอกบนไม้ สมจริงจนอยากกราบเบญจางฯ ทีมงานสักร้อยรอบ
ส่วนสวนสนุกงานวัดก็เนรมิตซะเหมือนเอาภาพจริงมาใส่ ฟิลลิ่งตอนเด็กๆที่เคยไปดรีมเวิร์ลมันผุดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศแสงเสิงมันเป๊ะหมดเลย พวกเครื่องเล่นเอย ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ ซุ้มร้านผ้าใบ โซนเกมปาลูกโป่ง หญ้าเหย้อเขียวขจีพริ้วไสว ทุกรายละเอียดรวมกันกะฆ่าคนดูให้ตายคาโรงไปข้าง เหมือนขนาดนี้พี่ไปถ่ายจริง เอาคนเล่นจริงไปเลยมั้ย !
ยิ่งฉากฝนตกนอกบ้านนี่โคตรสุด ! คิดสภาพน้ำมันขังๆนะ มีละอองฝนนวลๆ ฝนแต่ละเม็ดพุ่งแหวกลงมากระทบผิวน้ำ น้ำเกิดวงคลื่นกระเซ็นเป็นฝอย ฝอยชนกันเป็นละอองละเอียดยิบ พวกกองใบไม้ที่ไหลตามทางน้ำลงท่อมีริ้วน้ำมีฟองน้ำอีกตั่งหาก แถมหยดน้ำยังไหลลัดเลาะบนขดลวดของสปริงกี้ก็เรียลจนไม่อยากเชื่อว่าซีจี สะกดสายตาจนแทบไม่ได้ดูซับเลย
พูดถึงภาพไปเยอะ งานแอนิเมชั่นก็ไม่แพ้กัน การเคลื่อนไหวละเอียดไหลลื่นจนเกือบลืมว่ามันเป็นของเล่น ข้อต่อของเล่นหมุนพลิกธรรมชาติมากตอนโดนเขย่า มีการใช้โมชั่นแคปเจอร์เข้ามาเสริมได้ดี ทำให้ทุกตัวละครมีชีวิตชีวา และน่ารักยิ่งกว่าที่เคย ลองเอาภาคสามมาเปิดดูนี่จะเห็นความแตกต่างชัดเจนมาก ก็ตั้ง 9 ปีนี่เนอะ 555
✳️ [ กลิ่นอายภาคก่อนๆ ]
เรียกได้ว่าหนังเก็บความเป็นทอย สตอรี่ ของแฟรนไชส์ไว้อย่างครบถ้วน ของเล่นเกือบทุกตัวในภาคแรกโผล่มาล้นจอจนหายคิดถึง นับไม่หวาดไม่ไหว น้ำลายฟูมปากกันไปข้าง นอกจากวู้ดดี้ บัซไลท์เยียร์ ก็จะมีโปเตโต้เฮ้ด สลิงกี้ เจสซี่ โบพีพ แรกซ์ แฮม และ...อีกเยอะมากๆ ให้มานั่งโฟโต้ฮันต์กันเล่น
มีของเล่นใหม่ๆ เข้ามาเพียบเลยภาคนี้ ทั้งคู่หูแสบตุ๊กตาของรางวัลในเกมงานวัด, ตุ๊กตาใบ้สุดหลอน และตุ๊กตาสาวชุดชงชาในร้านขายของเก่า, และที่ขาดไม่ได้คือ ดุ๊ค คาบูม ตุ๊กตามอไซผาดโผนที่คีอานูรีฟส์มาพากย์เสียง โคตรหล่อเท่ระเบิดไปเลย ถึงจะดูเปิ่นๆ ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองไปสักนิด
แถมยังได้ฟิลลิ่งของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การเผชิญหน้าอุปสรรค ที่ผลักดันให้ทุกคนเดินหน้า เหมือนที่ภาคเก่าทำได้ดีมาตลอด ทำให้เราหายคิดถึงอิ่มเอมเป็นปลิดทิ้ง ใครเป็นเหล่าแฟนๆ มาดูยังไงก็ไม่ผิดหวังอยู่แล้ว
✳️ [ ให้ข้อคิดซึ้งกินใจ ]
ภาคนี้ต้องบอกเลยว่า ความหนักแน่นพวกประเด็นดราม่า ข้อคิดต่างๆ ถูกซ่อนไว้ลึกขึ้น และโดนลดทอนหายไปพอสมควร แต่ก็ยังพอมีคีย์หลักที่จับต้องได้ ซึ่งก็คือคุณค่าทางจิตใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ หรือมูลค่าเสมอไป ของเล่นช้อนกึ่งส้อมพลาสติกอย่าง ฟอร์กกี้ ที่บอนนี่เด็กคนใหม่ของวูดดี้ทำขึ้นมาเองกับมือก็สำคัญไม่แพ้ของเล่นอื่นๆ
ฉากการพบเจอ และการจากลาทำออกมาได้โอเค ไม่ถึงกับพีคนัก ไม่มีฉากไหนน้ำตาเล็ดแบบภาคก่อนๆ อารมณ์เหมือนบังเอิญเจอมากกว่าจะคิดถึงจนตามหา ช่วงไหนดราม่าก็พยายามหน่วงเฟรมไว้ให้นาน แต่ไม่ได้ขยี้อะไรเพิ่มเติม โดยรวมด้านกระชากอารมณ์ยังห่างไกล Inside Out อยู่เยอะ
จุดที่ชอบคือหนังเรื่องนี้คือไม่มีตัวร้ายที่ดำสนิท หรือดีจนขาว ทุกตัวละครล้วนมีด้านสีเทา มีความคิดเป็นของตัวเอง ของเล่นทุกชิ้นยังมีความฝันเดียวกันที่จะเป็นที่รักของเด็กๆ แต่ด้วยวิธีการต่างกันออกไป มีการเสนอมุมมองที่นอกกรอบอย่างการมีชีวิตอิสระเป็นของตัวเอง โดยไม่ยึดติดกับใครผ่านตัวละคร โบ พีพ
===================
🏅คะแนนรวม 8/10
===================
.
🔻 การรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวหลังรับชม Please have นานาจิตตัง in mind..
❗ตอนหนังจบอย่าเพิ่งลุกไปไหร มีเอนเครดิตให้ดู ทั้งในระหว่างรายชื่อขึ้น 1 ตัว และหลังชื่อบริษัทท้ายๆ 1 ตัวนาจา
❗ใครไม่เคยดูสามภาคแรก หรือเก็บยังไม่ครบก็ดูภาคนี้รู้เรื่องแน่นอน หนังเป็นมิตรกับคนดูหน้าใหม่มากๆ
ราคาตั๋วที่คุ้มค่า : วันเสาร์อาทิตย์ 180-220
.
#คนจริงไม่อวยหนัง #รีวิวรัวๆ
#ToyStory4 #Pixar #Disney
ติดตามรีวิวหนังเปิดอกจัดเต็ม ไม่มีอวย ได้อีกสองช่องทางที่
เฟสบุ้ค "คนจริงไม่อวยหนัง"
www.facebook.com/IndyMovieReviewer
อินตาแกรม "indymoviereviewer"
www.instagram.com/indymoviereviewer