ขอระบายเรื่องอนาคตตัวเองที่ไม่สามารถเลือกได้

จากกระทู้แรกที่ผมเคยตั้งไป ก่อนเดินทางไปทำงานที่สมุทปราการ
https://ppantip.com/topic/38903871

ผมเพิ่งเรียนจบและทำงานมาได้เกือบเดือนแล้ว งานก็สนุกดี เพื่อนร่วมงานดีมีแต่คนเก่งๆในทีม ซึ่งแต่ละท่านก็ถนัดในแต่ละด้านที่แตกต่างออกไป
ส่วนตัวผมนั้น ก็เป็นเด็กที่เพิ่งเรียนจบ เป็นวิศวกรฝึกหัดคนนึงที่ผ่านการสอบสัมภาษณ์และบททดสอบของโรงงานเข้ามา
ตอนฝึกงานผมก็ฝึกงานที่นี่ และก่อนฝึกงานเสร็จทางบริษัทก็ซื้อตัวไว้ก่อนทำโปรเจคจบ

ส่วนของการทำงานนั้นผมคิดว่า มันสนุก ท้าทาย ทุกวันนี่มีเรื่องอะไรที่ไม่เคยได้ลองก็ได้ลอง จนบรรลุเป้าหมายในสิ่งที่อยากรู้หลายเรื่องมาก
และได้ใช้ภาษาอังกฤษที่ผมสามารถพูดเหมือนเจ้าของภาษาได้ จนตอนนี้มีเพื่อนต่างวัยชาวต่างชาติอเมริกาและอังกฤษเยอะพอสมควร
ในทีมผมมีทั้งหมด 7 คน ซึ่งผมเป็นน้องใหม่ที่เข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือน แต่เวลาสื่อสารกับชาวต่างชาติ ผมก็จะเป็นไกด์พูดให้และแปลให้พี่ๆในทีมอีกที
ผมพูดได้ 5 ภาษานะครับ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ส่วนมากเป็นอังกฤษกับจีนที่ใช้บ่อย ผมสามารถคุยกับชาวต่างชาติได้ใกล้เคียงเจ้าของภาษา 

ซึ่งตรงนี้ มันทำให้ผมสนุกกับงานมาก คะแนนโทอิค 825 กับเกรด 3.78 นี่อึแมวอึไก่ไปเลย ผมว่าของจริงมันอยู่ตรงนี้มากกว่า ซึ่งมหาลัยไม่มีสอนหรอก
ผมได้พัฒนาทักษะทั้งด้านความรู้ความสามารถ รวมถึงด้านภาษาให้แข็งแกร่ง เพื่อเป้าหมายเรื่องตำแหน่งและเงินเดือน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเลี้ยงชีพ จากหยาดเหยื่อตัวเอง ประกอบกับพี่ๆในทีมที่คอยให้คำแนะนำก็เก่ง และเป็นกันเอง อาจจะเพราะผมเคยฝึกงานที่นี่ด้วย เลยเข้าขากันได้ดี

เงินเดือนผม ผมเรียกไป 40k ซึ่งตอนแรกลองพูดลองเชิง แต่ไม่รู้อีท่าไหนถึงตอบตกลง พร้อมบอกว่าผ่านโปรเลยไม่ต้องทดลองงาน 5เดือนจากนี้จะปรับให้เป็น 55K ถ้าไม่เปลี่ยนใจไปทำที่อื่น ขอแค่ทำงานให้เต็มที่ มีอะไรก็ถามพี่ๆในสายงานได้เลย
(ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทคนไทยมาตื้อตั้งแต่สอบปลายภาค แต่ผมไม่โอเคสวัสดิการก็เลยไม่ตกลง5555555555555) 

ส่วนโรงงานที่ผมกำลังทำอยู่นี้คือว่าโอเคมากทั้งเรื่องเงินเดือน สวัสดิการพนักงานสำหรับวิศวกร
มันทำให้ผมรู้สึกว่า เออ มี 1 ใน 100 หรือเปล่า ที่จะเจอที่ทำงานดีและองค์กรดี ทั้งเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง เจ้านายดีแบบนี้ 
คือทุกอย่างมันลงตัวมาก ทำงาน จ-ศ อีกต่างหาก (ต่อรองกับเจ้าของเพราะวันเสาร์ผมเรียนต่อโท คือจบตรีก็เรียนโทต่อเกี่ยวกับสายวิศวะ ทำงานไปด้วย)
เหนื่อยแต่สนุกดี

แต่ แต่ แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เตี่ยผมบอกว่า ให้ทำแค่ปีเดียวพอ แล้วให้ออกมาช่วยกิจการของเตี่ย ซึ่งผมเถียงกับเตี่ยมานานมากเรื่องนี้
ไม่จบไม่สิ้นสักที อนาคตของเรา เรามีสิทธิ์เลือกรึเปล่า แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา แค่ผมช่วยดูแลห้างนี่ก็ปวดหัวแล้วนะ นี่พ่อบอกจะสร้างใหม่อีกแล้วที่กรุงเทพ  อ้างว่าอายุเริ่มเยอะจะดูแลคนเดียวไม่ไหว แถมจะสร้างห้างเพิ่มอีก เหมือนความตั้งใจแกคืออยากให้ลูก 3 คน มาบริหารกิจการของแก
ซึ่งกิจการห้างเป็นงานที่ เนื้องานจุกจิกมาก ผมไม่ชอบ ไม่โอเคเท่าไหร่ พูดเลยตรงๆ
เรื่องคนนี่ตัวดี โดยเฉพาะพนักงาน ขนาดผมแค่ช่วย ดูแลบ้างบางคราวตามประสาเด็ก ผมรู้ว่าใครเป็นยังไง มองดูก็รู้แต่ไม่พูดเท่านั้น เพราะไม่อยากอะไร เดี๋ยวเตี่ยหาว่าวุ่นวาย (อ่าวแล้วไหนบอกให้ช่วยดูแลไง) 
แล้วผมเป็นคนที่ใจร้อน เด็ดขาด เคยด่าพนักงานจัดสินค้าในห้างว่าถ้าเมาในเวลางาน ก็ไม่ต้องมาทำงาน ลาออกไปซะ อย่าให้ต้องพูดมากไปกว่านี้ แล้ววันต่อมาก็ไม่เมาอีกเลย ซึ่งผมเด็กกว่าเขานะแต่ผมทนดูไม่ไหว ผู้จัดการห้างที่เตี่ยไว้ใจนักหนาก็ไม่ได้เรื่อง ผมเลยลุยเองวันนั้น 

แล้วถ้าผมมาบริหารกิจการห้างเตี่ย มีหวังเงินเดือนไม่ได้แน่ๆเลย คืออยากได้อะไร ต้องขออนุญาตเตี่ย
เหมือนเด็กขอตังค์พ่อไปโรงเรียนอะ คือไรไม่โอ แล้วนี่จะมาบงการชีวิตลูกอีก แถมจะสร้างใหม่อีกที่
พร้อมจะโยนให้เราดูแลอีก ความกดดันและหน้าที่มันมาตกที่เราคนเดียว บางครั้งก็เถียงกับเตี่ยจนน้ำตาคลอ แต่พูดได้ไม่มาก พาลจะทะเลาะกันใหญ่โต 

ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ ผมไม่อยากลาออกจากงาน ในขณะที่ผมทำงานที่แรกในชีวิตหาเงินด้วยหยาดเหงื่อตัวเองครั้งแรก
และที่ทำงาน องค์กร ทั้งเพื่อนร่วมงาน พนักงานและเจ้านายดีกับผมขนาดนี้
ผมไม่อยากทำลายความคาดหวังของตัวเอง และเสียดายประสบการณ์ทำงาน มันสนุกนะที่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ 
เรื่องเงินเดือนก็เหมือนกัน ตอนแรกเรียกขำๆสี่หมื่น ไม่คิดว่าจะได้ มันก็ได้ ซึ่งแค่เริ่มต้นก็ดีเกินคาด เกินกว่าที่แพลนไว้ 
อาจจะเพราะผมพูดได้หลากหลายภาษามั้ง เพราะสมุทปราการชาวต่างชาติเยอะโดยเฉพาะชาวจีน และผมพูดจีนได้ ทำให้ฐานเงินเดือนสูงเท่าพี่วิศวกรในทีมที่ทำงานมานาน ไม่คิดว่าจะทำได้ขนาดนี้ มันเกินเป้าที่วางไว้มาก ทะลุเพดานออกไป 

แต่จู่ๆ คนที่เรียกว่า พ่อแท้ๆ จะมาฉุดอนาคตของลูกไว้ เพื่อให้กลับไปสานต่อกิจการห้างของครอบครัว โดยไม่ถามลูกว่าจะรู้สึกยังไง
หรือพร้อมมากน้อยแค่ไหน คือการที่ได้ไปหาประสบการณ์ นำความรู้ที่เรียนมาไปลองใช้ดูว่าสิ่งที่เรียนมา 4ปี ได้อะไรมาบ้าง เอาตัวเองไปสู่โลกภายนอกบ้างมันก็ดีไม่ใช่หรอ 

แต่พ่อไม่เข้าใจ และบอกว่ายังไงก็ต้องกลับมาดูแลกิจการ ยืนยันเสียงแข็ง
ผมทำได้ บริหารได้ เพราะช่วยบ่อยอยู่แต่ไม่มากเพราะไปห้างทีไรเดินที ปวดขา 3-4 ชั้น ใครจะขยันเดินดูทุกร้าน ทุกชั้น ร้านมีเป็นร้อยสองร้อย ตายพอดีเหอะ จะโยนอะไรให้ลูก ไม่เคยจะถามเลยว่าพร้อมไหมหรือรู้สึกยังไง คือให้ทำอะไรต้องทำให้ได้ แบบนี้มันก็ดูไม่แฟร์กับเราเท่าไหร่

บางครั้งก็อยากจะร้องไห้ หรือพูดแรงๆสักทีว่าขอเลือกและขอเป็นคนกำหนดชีวิตและอนาคตตัวเองบ้าง

แต่เหมือนตะโกนอีกฟากของทะเล เพื่อให้อีกฟากได้ยิน
จากเด็กจบใหม่ ที่ไม่สามารถเลือกอนาคตตัวเองได้

ขอบคุณที่อ่านจบจบครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่