●●กรองข่าวมาเล่าวันนี้"ภุมรัตน์"ตอบคำถามคนรุ่นใหม่ผ่านบทความเรื่อง
"คนรุ่นใหม่กับความอยู่รอดของชาติ"●●
หวนรำลึกอดีตมองปัจจุบัน ประชาชนในชาติรุ่นก่อนต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลังมาอย่างไร คนไทยคงไม่แพ้ศัตรูภายนอก แต่อาจพ่ายศัตรูภายในด้วยกันเอง
**************
โดย ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
วันนี้จะเป็นการตอบคำถามของคนรุ่นใหม่บางคนที่อ่านบทความสัปดาห์ที่แล้ว และอยากรู้ว่า...
ไทยเอาตัวรอดปลอดภัยจนถึงวันนี้ได้อย่างไร
พวกเขาไม่เคยทราบมาก่อนหรือรู้น้อยมากเกี่ยวกับสงครามเวียตนาม สงครามในเขมร การต่อสู้กับ
คอมมิวนิสต์ในประเทศ ฯลฯ เพราะเมื่อเขาเกิดมา บ้านเมืองก็มีความปลอดภัย ที่เจอก็คือความวุ่นวายทาง
การเมืองและเห็นการเผาบ้านเผาเมือง การชุมนุมประท้วงวุ่นวาย การแบ่งแยกของประชาชนในประเทศ
การทุจริตคอรัปชั่นแบบมโหฬาร ฯลฯ
ผู้เขียนจะจำกัดเนื้อหาสาระของบทความเฉพาะด้านความมั่นคงเท่านั้น
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มียุทธศาสตร์
ในการป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกด้วยการด้วยการไป
“ตั้งรับนอกประเทศ”และปราบปรามคอมมิวนิสต์
ในประเทศอย่างรุนแรง ไทยส่ง
“ทหารรับจ้าง”ไปรบในลาวและในเขมรไทยยอมให้สหรัฐมาตั้ง
“ฐานทัพ”
ในไทยเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ในสงครามเวียตนาม
หลังแพ้สงครามในเวียตนามปี 2518 สหรัฐทิ้งไทยโดยสิ้นเชิง ยุติการสนับสนุนด้านการทหารทั้งสิ้น สหรัฐ
และตะวันตกคิดว่าไทยจะเป็น
“โดมิโน” ตัวต่อไป ไทยต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวกับภัยคุกคามทั้งภายในและ
ภายนอก
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้ถาม ผบ.สูงสุดว่า หากไทยถูกรุกราน ทหารจะสู้ได้ไหม
และยันไว้ได้เท่าไรก่อนที่มิตรประเทศจะมาช่วย ผบ.สูงสุดขณะนั้นตอนว่า 7 วัน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ บอกให้
ดร.เกษม ศิริสัมพันธ์เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แพ็คกระเป๋าเดินทางไปพบเหมาเจ๋อตุงทันที ตามมาด้วย
การเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน เพื่อลดแรงกดดันจากจีน และจีนยุติการสนับสนุนต่อพรรคคอมมิวนิสต์
แห่งประเทศไทย (พ.ค.ท.)
พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ สานงานต่อ และขอให้จีนยกเลิกการส่งกระจายเสียงของ “วิทยุเสียงประชาชน
แห่งประเทศไทย”ที่ส่งมาจากคุนหมิง จีนตกลง ขณะเดียวกัน ได้ผ่อนคลายการเผฃิญหน้าระหว่างทหาร
เวียตนามในเขมรกับทหารไทยที่บ้านโนนหมากมุ่น
ทหารเวียตนาม 16 กองพลประจำอยู่ในกัมพูชา โดย 8 กองพันประจำอยู่ที่ตลอดแนวชายแดนไทย และ
ฮึกเหิมพร้อมจะบุกไทยทันทีเพียงแต่รอไฟเขียวจากฮานอยซึ่งก็ฟังสัญญานจากมอสโคว์ ไทยระดมกำลัง
ทั้งหมดมายันด้านนี้
รัฐบาล
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประสานกับปักกิ่งขอความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะสหรัฐ
ยุติการช่วยเหลือกองทัพไทยโดยสิ้นเชิง ไทยขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ แต่อเมริกันไม่ให้ ไทยต้องซื้อ
แต่จีนให้การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่าง ผู้ที่มีบทบาทในการนี้คือ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์
พล.ต.อมรรัตน์ จินตกานนท์
ด้านการต่างประเทศ
พล.อ.อ.สิทธื เศวตศิลา รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เดินทางไปเจรจากับจีนเพื่อขอให้
ช่วยไทย และให้
อรุณ ภานุพงษ์ รัฐมนตรีช่วย อดีตทูตไทยประจำมอสโคว์ ไปเจรจากับโซเวียต เพื่อไม่ให้
โซเวียตส่งสัญญานให้เวียตนามบุกไทยด้านกัมพูชา
เพื่อลดภัยคุกคามต่อไทยด้านกัมพูชา จีนระดมยิงปืนใหญ่โจมตีเวียตนามทางภาคเหนือ เพื่อตรึงกำลังทาง
ยุทธศาสตร์ของเวียตนามไว้ทางภาคเหนือ และดึงกำลังทหารเวียตนามจากเขมรมาเสริมทางภาคเหนือ
ทำให้แรงกดดันทางทหารด้านกัมพูชาลดลง จีนส่งเครื่องบินมารับผู้นำทางทหารและทูตไทยประจำปักกิ่ง
ไปดูปฏิบัติการโจมตีชายแดนเวียตนามด้วย
ก่อนการโจมตีเวียตนาม ผู้นำจีนตั้งสมมติฐานว่า หากจีนโจมตีเวียตนามทางพรมแดนด้านเหนือ โซเวียตอาจ
โจมตีจีนทางพรมแดนทางเหนือเของจีนที่อยู่ติดโซเวียตเพื่อช่วยเวียตนาม ดังนั้น จีนได้ส่ง
เติ้งเสี่ยวผิงไป
เยือนสหรัฐและพบกับผู้นำอเมริกา เพื่อส่งสัญญานไปยังรัสเซียว่า สหรัฐสนับสนุนจีน และเป็นการปรามไม่ให้โซเวียตเล่นงานจีนทางเหนือ
ไทยต้องสู้ทั้งทางการเมืองและการทหาร ทางการเมือง ไทยและอาเซียนไปสู้ในเวทีสหประชาชาติคัดค้าน
การที่ประเทศหนึ่ง (เวียตนาม)ใช้กำลังเข้ายึดครองประเทศอื่น (กัมพูชา) ซึ่งขัดกับหลักการของสหประชาชาติ
ไทยและอาเซียนสนับสนุนรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายสู้กับฝ่ายเวียตนาม ด้านการทหารนั้น ประเทศอาเซียน
ใครมีอะไรที่พอสนับสนุนไทยได้ก็ทำ ทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เงิน อุปกรณ์ ฯลฯ
เวลานั้น ไทยขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ จีนให้การสนับสนุนแทนอเมริกัน พอเวียตนามเห็นว่าไทยมีจีน
สนับสนุนอยู่ก็ชะงัก ขณะที่มอสโคว์ก็ไม่ต้องการให้เวียตนามไปไกลเกินกว่าลาวและเขมร
ส่วนภัยคุกคามภายในประเทศ รัฐบาลประสบความสำเร็จทั้งด้านการเมืองนำการทหารในการแก้ปัญหา
คอมมิวนิสต์ในประเทศด้วยดี
นายกรัฐมนตรีไทยทุกคน รัฐบาลไทยทุกรัฐบาลได้ร่วมมือกันในการรักษาชาติบ้านเมืองให้พ้นจาก
ภยันตรายทั้งภายนอกและภายในจนไทยอยู่รอดปลอดภัยและให้ลูกหลานไทยได้อยู่เย็นเป็นสุขมา
จนถึงทุกวันนี้ ที่สำคัญคือ คนไทยทุกคนมีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่พระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงงานอย่างหนัก
เพื่อให้ประชาชนพ้นจากความยากจน อันเป็นมาตรการสำคัญในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์
เวลานี้ ประเทศเพื่อนบ้านที่เคยมีปัญหากันต่างก็เข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน และเป็นมิตรที่ดีต่อกันไปแล้ว
ทหารไทย และคนไทยจำนวนมากได้เสียสละชีวิต บางคนพิการจนถึงปัจจุบัน เพื่อรักษาชาติบ้านเมืองให้
อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าบ้านเมืองไม่ปลอดภัย ไม่สงบเรียบร้อย ประเทศก็พัฒนาไปไม่ได้
จากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ทำให้เรารู้ว่า ใครคือมิตรแท้ ใครคือมิตรเทียม
เวลานี้ ทั้งมิตรแท้และมิตรเทียมกำลังแข่งอิทธิพลกัน สองฝ่ายหวังจะดึงไทยเป็นพวก การเป็นประเทศเล็ก
ซึ่งไม่อาจเป็นศัตรูกับประเทศใหญ่ได้ แต่รัฐบาลก็คงรู้แล้วว่าควรจะวางน้ำหนักอยู่ตรงไหน
หวังว่า คนรุ่นใหม่บางคนที่อยากรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังการที่ไทยสามารถรักษาตัวรอดปลอดภัยมา
จนถึงทุกวันนี้ ที่ให้คนรุ่นใหม่มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย คงได้ข้อมูลสำคัญได้พอสมควร ว่าคนรุ่นก่อน
ได้ต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลังมาได้อย่างไร คนไทยคงไม่แพ้ศัตรูภายนอก แต่อาจพ่ายศัตรูภายในด้วยกันเอง
Cr. https://www.posttoday.com/social/think/591380
●●กรองข่าวมาเล่าวันนี้"ภุมรัตน์"ตอบคำถามคนรุ่นใหม่ผ่านบทความเรื่อง "คนรุ่นใหม่กับความอยู่รอดของชาติ"●●
"คนรุ่นใหม่กับความอยู่รอดของชาติ"●●
หวนรำลึกอดีตมองปัจจุบัน ประชาชนในชาติรุ่นก่อนต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลังมาอย่างไร คนไทยคงไม่แพ้ศัตรูภายนอก แต่อาจพ่ายศัตรูภายในด้วยกันเอง
**************
โดย ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
วันนี้จะเป็นการตอบคำถามของคนรุ่นใหม่บางคนที่อ่านบทความสัปดาห์ที่แล้ว และอยากรู้ว่า...
ไทยเอาตัวรอดปลอดภัยจนถึงวันนี้ได้อย่างไร
พวกเขาไม่เคยทราบมาก่อนหรือรู้น้อยมากเกี่ยวกับสงครามเวียตนาม สงครามในเขมร การต่อสู้กับ
คอมมิวนิสต์ในประเทศ ฯลฯ เพราะเมื่อเขาเกิดมา บ้านเมืองก็มีความปลอดภัย ที่เจอก็คือความวุ่นวายทาง
การเมืองและเห็นการเผาบ้านเผาเมือง การชุมนุมประท้วงวุ่นวาย การแบ่งแยกของประชาชนในประเทศ
การทุจริตคอรัปชั่นแบบมโหฬาร ฯลฯ
ผู้เขียนจะจำกัดเนื้อหาสาระของบทความเฉพาะด้านความมั่นคงเท่านั้นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มียุทธศาสตร์
ในการป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกด้วยการด้วยการไป “ตั้งรับนอกประเทศ”และปราบปรามคอมมิวนิสต์
ในประเทศอย่างรุนแรง ไทยส่ง “ทหารรับจ้าง”ไปรบในลาวและในเขมรไทยยอมให้สหรัฐมาตั้ง“ฐานทัพ”
ในไทยเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ในสงครามเวียตนาม
หลังแพ้สงครามในเวียตนามปี 2518 สหรัฐทิ้งไทยโดยสิ้นเชิง ยุติการสนับสนุนด้านการทหารทั้งสิ้น สหรัฐ
และตะวันตกคิดว่าไทยจะเป็น “โดมิโน” ตัวต่อไป ไทยต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวกับภัยคุกคามทั้งภายในและ
ภายนอก
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้ถาม ผบ.สูงสุดว่า หากไทยถูกรุกราน ทหารจะสู้ได้ไหม
และยันไว้ได้เท่าไรก่อนที่มิตรประเทศจะมาช่วย ผบ.สูงสุดขณะนั้นตอนว่า 7 วัน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ บอกให้
ดร.เกษม ศิริสัมพันธ์เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แพ็คกระเป๋าเดินทางไปพบเหมาเจ๋อตุงทันที ตามมาด้วย
การเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน เพื่อลดแรงกดดันจากจีน และจีนยุติการสนับสนุนต่อพรรคคอมมิวนิสต์
แห่งประเทศไทย (พ.ค.ท.)
พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ สานงานต่อ และขอให้จีนยกเลิกการส่งกระจายเสียงของ “วิทยุเสียงประชาชน
แห่งประเทศไทย”ที่ส่งมาจากคุนหมิง จีนตกลง ขณะเดียวกัน ได้ผ่อนคลายการเผฃิญหน้าระหว่างทหาร
เวียตนามในเขมรกับทหารไทยที่บ้านโนนหมากมุ่น
ทหารเวียตนาม 16 กองพลประจำอยู่ในกัมพูชา โดย 8 กองพันประจำอยู่ที่ตลอดแนวชายแดนไทย และ
ฮึกเหิมพร้อมจะบุกไทยทันทีเพียงแต่รอไฟเขียวจากฮานอยซึ่งก็ฟังสัญญานจากมอสโคว์ ไทยระดมกำลัง
ทั้งหมดมายันด้านนี้
รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประสานกับปักกิ่งขอความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะสหรัฐ
ยุติการช่วยเหลือกองทัพไทยโดยสิ้นเชิง ไทยขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ แต่อเมริกันไม่ให้ ไทยต้องซื้อ
แต่จีนให้การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่าง ผู้ที่มีบทบาทในการนี้คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์
พล.ต.อมรรัตน์ จินตกานนท์
ด้านการต่างประเทศ พล.อ.อ.สิทธื เศวตศิลา รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เดินทางไปเจรจากับจีนเพื่อขอให้
ช่วยไทย และให้ อรุณ ภานุพงษ์ รัฐมนตรีช่วย อดีตทูตไทยประจำมอสโคว์ ไปเจรจากับโซเวียต เพื่อไม่ให้
โซเวียตส่งสัญญานให้เวียตนามบุกไทยด้านกัมพูชา
เพื่อลดภัยคุกคามต่อไทยด้านกัมพูชา จีนระดมยิงปืนใหญ่โจมตีเวียตนามทางภาคเหนือ เพื่อตรึงกำลังทาง
ยุทธศาสตร์ของเวียตนามไว้ทางภาคเหนือ และดึงกำลังทหารเวียตนามจากเขมรมาเสริมทางภาคเหนือ
ทำให้แรงกดดันทางทหารด้านกัมพูชาลดลง จีนส่งเครื่องบินมารับผู้นำทางทหารและทูตไทยประจำปักกิ่ง
ไปดูปฏิบัติการโจมตีชายแดนเวียตนามด้วย
ก่อนการโจมตีเวียตนาม ผู้นำจีนตั้งสมมติฐานว่า หากจีนโจมตีเวียตนามทางพรมแดนด้านเหนือ โซเวียตอาจ
โจมตีจีนทางพรมแดนทางเหนือเของจีนที่อยู่ติดโซเวียตเพื่อช่วยเวียตนาม ดังนั้น จีนได้ส่งเติ้งเสี่ยวผิงไป
เยือนสหรัฐและพบกับผู้นำอเมริกา เพื่อส่งสัญญานไปยังรัสเซียว่า สหรัฐสนับสนุนจีน และเป็นการปรามไม่ให้โซเวียตเล่นงานจีนทางเหนือ
ไทยต้องสู้ทั้งทางการเมืองและการทหาร ทางการเมือง ไทยและอาเซียนไปสู้ในเวทีสหประชาชาติคัดค้าน
การที่ประเทศหนึ่ง (เวียตนาม)ใช้กำลังเข้ายึดครองประเทศอื่น (กัมพูชา) ซึ่งขัดกับหลักการของสหประชาชาติ
ไทยและอาเซียนสนับสนุนรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายสู้กับฝ่ายเวียตนาม ด้านการทหารนั้น ประเทศอาเซียน
ใครมีอะไรที่พอสนับสนุนไทยได้ก็ทำ ทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เงิน อุปกรณ์ ฯลฯ
เวลานั้น ไทยขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ จีนให้การสนับสนุนแทนอเมริกัน พอเวียตนามเห็นว่าไทยมีจีน
สนับสนุนอยู่ก็ชะงัก ขณะที่มอสโคว์ก็ไม่ต้องการให้เวียตนามไปไกลเกินกว่าลาวและเขมร
ส่วนภัยคุกคามภายในประเทศ รัฐบาลประสบความสำเร็จทั้งด้านการเมืองนำการทหารในการแก้ปัญหา
คอมมิวนิสต์ในประเทศด้วยดี
นายกรัฐมนตรีไทยทุกคน รัฐบาลไทยทุกรัฐบาลได้ร่วมมือกันในการรักษาชาติบ้านเมืองให้พ้นจาก
ภยันตรายทั้งภายนอกและภายในจนไทยอยู่รอดปลอดภัยและให้ลูกหลานไทยได้อยู่เย็นเป็นสุขมา
จนถึงทุกวันนี้ ที่สำคัญคือ คนไทยทุกคนมีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่พระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงงานอย่างหนัก
เพื่อให้ประชาชนพ้นจากความยากจน อันเป็นมาตรการสำคัญในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์
เวลานี้ ประเทศเพื่อนบ้านที่เคยมีปัญหากันต่างก็เข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน และเป็นมิตรที่ดีต่อกันไปแล้ว
ทหารไทย และคนไทยจำนวนมากได้เสียสละชีวิต บางคนพิการจนถึงปัจจุบัน เพื่อรักษาชาติบ้านเมืองให้
อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าบ้านเมืองไม่ปลอดภัย ไม่สงบเรียบร้อย ประเทศก็พัฒนาไปไม่ได้
จากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ทำให้เรารู้ว่า ใครคือมิตรแท้ ใครคือมิตรเทียม
เวลานี้ ทั้งมิตรแท้และมิตรเทียมกำลังแข่งอิทธิพลกัน สองฝ่ายหวังจะดึงไทยเป็นพวก การเป็นประเทศเล็ก
ซึ่งไม่อาจเป็นศัตรูกับประเทศใหญ่ได้ แต่รัฐบาลก็คงรู้แล้วว่าควรจะวางน้ำหนักอยู่ตรงไหน
หวังว่า คนรุ่นใหม่บางคนที่อยากรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังการที่ไทยสามารถรักษาตัวรอดปลอดภัยมา
จนถึงทุกวันนี้ ที่ให้คนรุ่นใหม่มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย คงได้ข้อมูลสำคัญได้พอสมควร ว่าคนรุ่นก่อน
ได้ต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลังมาได้อย่างไร คนไทยคงไม่แพ้ศัตรูภายนอก แต่อาจพ่ายศัตรูภายในด้วยกันเอง
Cr. https://www.posttoday.com/social/think/591380