X-Men : Dark Phoenix
เมื่อเราไม่เข้าใจตัวเองชีวิตก็เลย อลเวง และเกือบทำพัง
6/10 คะแนน
สิ่งสำคัญของการดำเนินชีวิตคือเราต้องเข้าใจตัวของเราเอง ว่าเราเป็นใคร ยืนอยู่ตรงจุดไหน สถานะอย่างไร
เมื่อเราเข้าใจตัวเราเองแล้ว เราย่อมสามารถที่จะตัดสินใจได้ว่าเราควรจะไปต่อ หรือจะพออยู่แค่ตรงนี้
แม้เราจะถูกใครตราหน้าว่าเราไม่ดีอย่างไร แต่ถ้าเราเข้าใจตัวเรา เราก็จะสามารถยอมรับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาและกล้าที่จะท้าสู้กับมัน
เมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเติบโตเป็นคนที่ดีกว่าเดิมได้
ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เพราะก็เล่าเรื่องเดิมมาก่อนหน้านี้แล้วใน X-Men 3 : The Last Stand และในตัวอย่างว่า จีน เกรย์ เป็นมนุษย์กลายพันธ์ที่มีพลังสูงมากและอาจจะทรงพลังที่สุดในโลก โดยเฉพาะเมื่อเธอปลดปล่อยพังของฟีนิกซ์ ออกมา
หนังเล่าไปถึงอดีตของจีน ก่อนที่ชาร์ล เซเวียร์ จะรับเธอมาดูแล และเธอก็ได้กลายเป็น Super Heroes หญิงของทีม X-Men
แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อทีม X-Men ทำภารกิจกู้ภัยในอวกาศ จีนได้รับพลังบางอย่างเข้าไป จนทำให้เธอไม่สามารถควบคุมพลังนั้นเอาไว้ได้
จนถึงขนาดทำร้ายคนที่เธอรักโดยไม่ตั้งใจ เธอจึงได้พยายามหาทางรับมือกับสิ่งที่เธอทำ
ในขณะที่ทีม X-Men ก็พยายามที่จะช่วยเธอ กลุ่ม แมกนีโตและรัฐบาลที่พยายามกำจัดเธอ
และอีกกลุ่มนิรนามที่พยายามควบคุมและใช้พลังในตัวเธอ แล้วทั้งหมดก็ไปบรรจบกันที่บทสรุปสุดท้ายที่ปลายทางของเรื่อง
ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจสุดท้ายของจีนเอง ว่าจะยอมรับตัวตนของตัวเอง หรือจะปล่อยมันไปตามยถากรรม
ฟังดูก็เหมือนว่าเป็นพลอตหนังที่ดี แต่ระหว่างทางที่ไปนั้นมันไม่ราบเรียบลื่นไหลเอาเสียเลย
*** หมายเหตุ ต่อจากนี้ จะเริ่ม spoil เล็กน้อย รับรองว่าไม่เสียอรรถรสในการรับชม***
ช่วงครึ่งแรก หนังดำเนินไปเรื่อย ๆ บอกเล่าถึงอารมณ์เอื่อย ๆ ของแต่ละตัวละครที่จะต้องทำเอาคนดูเงิบกันเลยทีเดียว
เมื่อมิสที๊ค กลายเป็นคนรักพวกพ้อง โลกสวย และพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่กลับกัน
โปรเฟสเซอร์ X กลับทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง หลงระเริง และเอาเด็ก ๆ เข้าไปเสี่ยงเพื่อชื่อเสียงและความสำเร็จ
นี่มัน X-Men หรืออะไรกันแน่เนี่ย
ในครึ่งแรกนี้มีดราม่าสลับกับ action พอกล้อมแกล้มเล็ก ๆ แก้ง่วง แต่ปัญหาใหญ่และหนักมาก ๆ คือ หนังไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมออกมาได้เลย
ฉากต่อสู้ที่ดูไม่ได้ลุ้นอะไร แล้วยังไปเจอฉากดราม่าที่ควรจะขยี้ก็กลับปล่อยผ่านจนมันรู้สึกน่ารำคาญ
อย่างตอนที่ตัวละครหลักคัวนึงตาย คือแทนที่จะรู้สึกเสียใจ ตกใจ กลับรู้สึกโล่งอกที่ตัวละครนี้จะได้พ้น ๆ ไปเสียที
ยิ่งไปกว่านั้นฉากในห้องครัว 2 ตัวละครหลักที่เหลือควรที่จะขยี่ดราม่าเรียกน้ำตาได้ กลับโดนตัดบทปล่อยผ่านเลยไปไม่น่าจดจำ
ตัวละครฝ่ายที่ 3 ที่ใส่เข้ามาก็ยัดเยียดและกล่าวถึงที่มาที่ไปน้อยมากจนเหมือนกับตัวร้ายดาด ๆ ที่มาให้ฝั่งพระเอกรวมกันสู้
จนจบเรื่องเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าพวกนี้มันเป็นเผ่าพันธฺ์อะไร แต่ละตัวเวลาคุยกัน มันไม่เรียกชื่อกันเลยสักคำ
การต่อสู้หลังจากกลางเรื่อง
อย่าคิดถึงฉากต่อสู้อลังการงานสร้างของทีม X-Men แบบใน Apocalypse มันไม่มี Storm ที่ควรจะเป้นตัวที่ให้โชว์ของได้มากสุด
ก็มีแค่ฉากปล่อยสายฟ้าที่ดูอลังแบบง่อย ๆ อยู่ไม่กี่ที
คือถ้าไม่มีลุงเอริคกับ เคิร์ด จะเป็นการต่อสู้ที่จืดชืดมาก
ฉากสู้ในเมืองที่ยุ่งเหยิงและง้องแง้งจนรู้สึกว่าน่ารำคาญ การโชว์ดึงรถไฟใต้ดินที่ไม่จำเป็นอะไรต่อเนื้อหานอกจากหาบทให้นักแสดงได้โชว์เมพ
จนกระทั่งถึงฉากต่อสู้ในรถไฟนั่นแหละค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยให้จีนปล่อยพลังโชว์สวยเอาช่วงท้าย
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า ถ้าเราเข้าใจตัวเอง เราก็จะสามารถไปต่อได้ ถ้าเราไม่เข้าใจตัวเอง ชีวิตก็ อลเอง เอาง่าย ๆ
คือจีนที่ยังสับสนกับชีวิต ก็เลยทำชีวิตตัวเองและชาวบ้านพัง
หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เมื่อไม่เข้าใจได้เว่าหนังของตัวเองคืออะไร มีจุดเด่นที่ตรงไหน
จะไปทางดราม่า หรือจะ Action หรือจะพังระเบิดภูเขาเผากระท่อมก็ทำไม่สุดได้ดีเลยไปสักทาง
ยิ่งพอเอามารวมกันเลยยิ่งประดักประเดิด จืดชืด และเสียของมาก
พอผู้กำกับ ทีมงาน คนเขียนบท ไม่เข้าใจว่าหนังของดัวเองมีดีอะไร ก็เลยทำให้ทุกอย่างสับสน
จนรู้สึกดี ที่เรื่องนี้จะเป็นภาคสุดท้ายของ X-Men เวอร์ชั่นนี้เสียที
ข้อดี
1. ภาพสวย CG เนียนตา โดยเฉพาะตอน Phoenix Force ปล่อยพลังสู้กันนั้นงดงามมาก
2. ดนตรีประกอบ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันสุดยอด ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ฝีมือ Hans Zimmer ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
3. ดีใจที่จบจักรวาล X-Men นี้ไปได้เสียที ต้องยอมรับว่าเป้นหนังปิดจักรวาลได้ดีพอใช้
4. น้องซานซ่า หนูโตขึ้นมากจริง ๆ
5. แมกนีโต คือ คือตัวละครที่ดีและน่าจดจำที่สุดในเรื่อง คือเท่ วัวตายควายล้ม ถ้ามีบทมากกว่านี้ก็ยกให้เป็นพระเอกได้เลย
ควรค่าแก่การไปดูมั้ย
1. ถ้าคุณเป็นแฟน X-Men ไปถูเถอะ มันไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก มันยังทำได้ดีพอใช้ ไปดูเพื่อเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์
เพียงแต่ไม่ต้องรีบไปก็ได้ ไว้รอวันพุธลดราคาค่อยไปดูก็ไม่สาย
2. ถ้าคุณอยากพิสูจน์ด้วยตาของคุณเองว่าทำไมนักวิจารณ์ถึงให้คะแนนน้อยแบบนี้ บางทีคุณอาจจะชอบมันมากก็ได้
สิ่งที่ไม่ชอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. การทำให้ชาร์ลนิสัยเสีย เรเวนนิสัยดี มันคืออะไรที่ไม่ใช่ X-Men ที่คุ้นเคยเลยจริง ๆ คือเข้าใจแหละว่าอยากใช้เจน ลอว์ให้คุ้มค่า
แต่ถึงขนาดพลิกบทตัวละครซะขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะ
2. แฮงค์ หรือ Beast ที่ใจเย็นและมีสติสุดแล้วในจักรวาลนี้ กลายเป็นตัวจุดชนวนสงครามซะงั้น
3. QuickSilver บทออกน้อยกว่าคนอื่นมาก แถมยังก็อปฉาก Flash vs Sup ใน JL มาชัด ๆ
4. ลุงแมกจะยกรถไฟใต้ดินขึ้นมาทำไม ไร้ประโยชน์ เสียเวลา และเปลืองพลังโดยใช่เหตุ
5. แกงค์เอลี่ยนส์คือตัวอะไร ที่มาที่ไปแทบไม่มี แต่เก่งเวอร์ไปไหม ที่สำคัญ แม้แต่ชื่อของมันยังไม่มี พี่แกคุยกันแบบไม่เรียกชื่อกันทั้งเรื่อง
6. ฉากสู้กันในนิวยอร์คคืออะไร แค่ตัวร้าย 2 คน ลุงผมเปียกับเจ้หน้าหนามที่ไม่มีชื่อทั้งคู่ อีกเหมือนกัน ก็ทำ X-Men เกือบทั้งทีมเป็นง่อยได้
เฮ้ย พวกแกลุย Apocalypse มาแล้วเชียวนะเฟ้ยทำได้แค่นี้เหรอ
7. Phoenix เขากำลังสู้กัน แล้วอีตา Cyclop จะเข้าไปหาอะไร มันไม่สมเหตุสมผลเลย ไปตะโกนให้กำลังใจอยู่ไกล ๆ ยังจะดีกว่า
8. ภาค Apocalypse นี่คือจีนมี Phoenix อยู่ในตัวแล้ว มาภาคนี้ดันเป็นรับมาจากอวกาศ คือทีมงาน ผกก คนเขียนบท ไม่อ่านไลน์กลุ่มกันเหรอครับ
9. จะซูมหน้าอะไรกันนักหนา เอะอะซูมหน้า จีนโผล่มาทีไร ต้องซูมหน้าทุกที เรียกว่าเบื่อหน้าหนูโซฟี ไปเลย
สรุป 6/10 คะแนน สอบผ่าน เพราะงานภาพและเพลงประกอบ
[CR] X-Men : Dark Phoenix เมื่อเราไม่เข้าใจตัวเองชีวิตก็เลย อลเวง และเกือบทำพัง 6/10 คะแนน Spoil เล็กน้อยบางส่วน
เมื่อเราเข้าใจตัวเราเองแล้ว เราย่อมสามารถที่จะตัดสินใจได้ว่าเราควรจะไปต่อ หรือจะพออยู่แค่ตรงนี้
แม้เราจะถูกใครตราหน้าว่าเราไม่ดีอย่างไร แต่ถ้าเราเข้าใจตัวเรา เราก็จะสามารถยอมรับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาและกล้าที่จะท้าสู้กับมัน
เมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเติบโตเป็นคนที่ดีกว่าเดิมได้
ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เพราะก็เล่าเรื่องเดิมมาก่อนหน้านี้แล้วใน X-Men 3 : The Last Stand และในตัวอย่างว่า จีน เกรย์ เป็นมนุษย์กลายพันธ์ที่มีพลังสูงมากและอาจจะทรงพลังที่สุดในโลก โดยเฉพาะเมื่อเธอปลดปล่อยพังของฟีนิกซ์ ออกมา
หนังเล่าไปถึงอดีตของจีน ก่อนที่ชาร์ล เซเวียร์ จะรับเธอมาดูแล และเธอก็ได้กลายเป็น Super Heroes หญิงของทีม X-Men
แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อทีม X-Men ทำภารกิจกู้ภัยในอวกาศ จีนได้รับพลังบางอย่างเข้าไป จนทำให้เธอไม่สามารถควบคุมพลังนั้นเอาไว้ได้
จนถึงขนาดทำร้ายคนที่เธอรักโดยไม่ตั้งใจ เธอจึงได้พยายามหาทางรับมือกับสิ่งที่เธอทำ
ในขณะที่ทีม X-Men ก็พยายามที่จะช่วยเธอ กลุ่ม แมกนีโตและรัฐบาลที่พยายามกำจัดเธอ
และอีกกลุ่มนิรนามที่พยายามควบคุมและใช้พลังในตัวเธอ แล้วทั้งหมดก็ไปบรรจบกันที่บทสรุปสุดท้ายที่ปลายทางของเรื่อง
ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจสุดท้ายของจีนเอง ว่าจะยอมรับตัวตนของตัวเอง หรือจะปล่อยมันไปตามยถากรรม
ฟังดูก็เหมือนว่าเป็นพลอตหนังที่ดี แต่ระหว่างทางที่ไปนั้นมันไม่ราบเรียบลื่นไหลเอาเสียเลย
เมื่อมิสที๊ค กลายเป็นคนรักพวกพ้อง โลกสวย และพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่กลับกัน
โปรเฟสเซอร์ X กลับทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง หลงระเริง และเอาเด็ก ๆ เข้าไปเสี่ยงเพื่อชื่อเสียงและความสำเร็จ
นี่มัน X-Men หรืออะไรกันแน่เนี่ย
ในครึ่งแรกนี้มีดราม่าสลับกับ action พอกล้อมแกล้มเล็ก ๆ แก้ง่วง แต่ปัญหาใหญ่และหนักมาก ๆ คือ หนังไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมออกมาได้เลย
ฉากต่อสู้ที่ดูไม่ได้ลุ้นอะไร แล้วยังไปเจอฉากดราม่าที่ควรจะขยี้ก็กลับปล่อยผ่านจนมันรู้สึกน่ารำคาญ
อย่างตอนที่ตัวละครหลักคัวนึงตาย คือแทนที่จะรู้สึกเสียใจ ตกใจ กลับรู้สึกโล่งอกที่ตัวละครนี้จะได้พ้น ๆ ไปเสียที
ยิ่งไปกว่านั้นฉากในห้องครัว 2 ตัวละครหลักที่เหลือควรที่จะขยี่ดราม่าเรียกน้ำตาได้ กลับโดนตัดบทปล่อยผ่านเลยไปไม่น่าจดจำ
ตัวละครฝ่ายที่ 3 ที่ใส่เข้ามาก็ยัดเยียดและกล่าวถึงที่มาที่ไปน้อยมากจนเหมือนกับตัวร้ายดาด ๆ ที่มาให้ฝั่งพระเอกรวมกันสู้
จนจบเรื่องเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าพวกนี้มันเป็นเผ่าพันธฺ์อะไร แต่ละตัวเวลาคุยกัน มันไม่เรียกชื่อกันเลยสักคำ
การต่อสู้หลังจากกลางเรื่อง
อย่าคิดถึงฉากต่อสู้อลังการงานสร้างของทีม X-Men แบบใน Apocalypse มันไม่มี Storm ที่ควรจะเป้นตัวที่ให้โชว์ของได้มากสุด
ก็มีแค่ฉากปล่อยสายฟ้าที่ดูอลังแบบง่อย ๆ อยู่ไม่กี่ที
คือถ้าไม่มีลุงเอริคกับ เคิร์ด จะเป็นการต่อสู้ที่จืดชืดมาก
ฉากสู้ในเมืองที่ยุ่งเหยิงและง้องแง้งจนรู้สึกว่าน่ารำคาญ การโชว์ดึงรถไฟใต้ดินที่ไม่จำเป็นอะไรต่อเนื้อหานอกจากหาบทให้นักแสดงได้โชว์เมพ
จนกระทั่งถึงฉากต่อสู้ในรถไฟนั่นแหละค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยให้จีนปล่อยพลังโชว์สวยเอาช่วงท้าย
อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า ถ้าเราเข้าใจตัวเอง เราก็จะสามารถไปต่อได้ ถ้าเราไม่เข้าใจตัวเอง ชีวิตก็ อลเอง เอาง่าย ๆ
คือจีนที่ยังสับสนกับชีวิต ก็เลยทำชีวิตตัวเองและชาวบ้านพัง
หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน เมื่อไม่เข้าใจได้เว่าหนังของตัวเองคืออะไร มีจุดเด่นที่ตรงไหน
จะไปทางดราม่า หรือจะ Action หรือจะพังระเบิดภูเขาเผากระท่อมก็ทำไม่สุดได้ดีเลยไปสักทาง
ยิ่งพอเอามารวมกันเลยยิ่งประดักประเดิด จืดชืด และเสียของมาก
พอผู้กำกับ ทีมงาน คนเขียนบท ไม่เข้าใจว่าหนังของดัวเองมีดีอะไร ก็เลยทำให้ทุกอย่างสับสน
จนรู้สึกดี ที่เรื่องนี้จะเป็นภาคสุดท้ายของ X-Men เวอร์ชั่นนี้เสียที
ข้อดี
1. ภาพสวย CG เนียนตา โดยเฉพาะตอน Phoenix Force ปล่อยพลังสู้กันนั้นงดงามมาก
2. ดนตรีประกอบ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันสุดยอด ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ฝีมือ Hans Zimmer ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
3. ดีใจที่จบจักรวาล X-Men นี้ไปได้เสียที ต้องยอมรับว่าเป้นหนังปิดจักรวาลได้ดีพอใช้
4. น้องซานซ่า หนูโตขึ้นมากจริง ๆ
5. แมกนีโต คือ คือตัวละครที่ดีและน่าจดจำที่สุดในเรื่อง คือเท่ วัวตายควายล้ม ถ้ามีบทมากกว่านี้ก็ยกให้เป็นพระเอกได้เลย
ควรค่าแก่การไปดูมั้ย
1. ถ้าคุณเป็นแฟน X-Men ไปถูเถอะ มันไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก มันยังทำได้ดีพอใช้ ไปดูเพื่อเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์
เพียงแต่ไม่ต้องรีบไปก็ได้ ไว้รอวันพุธลดราคาค่อยไปดูก็ไม่สาย
2. ถ้าคุณอยากพิสูจน์ด้วยตาของคุณเองว่าทำไมนักวิจารณ์ถึงให้คะแนนน้อยแบบนี้ บางทีคุณอาจจะชอบมันมากก็ได้
สิ่งที่ไม่ชอบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป 6/10 คะแนน สอบผ่าน เพราะงานภาพและเพลงประกอบ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้