ย้อนอดีตสปิริตสภาไทย!เลือก'ยิ่งลักษณ์'เป็นนายกฯแค่ชั่วโมงครึ่ง แต่'บิ๊กตู่'ถูกซักฟอกก่อนลงมติรวม13ชั่วโมง

กระทู้สนทนา
6 มิ.ย.62- การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของที่ประชุมรัฐสภาวานนี้ใช้เวลาร่วม 13 ชั่วโมง นับเป็นการประชุมเพื่อเลือกนายกฯที่ยาวนานเป็นประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการอภิปรายซักฟอกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  
อาจเป็นเพราะกติกาที่เปลี่ยนไป รวมทั้งเสียงสนับสนุนในสภาผัแทนราษฎรที่ก้ำกึ่งกัน ทำให้ฝั่งที่สนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีความหวังว่า อาจมีส.ว.เปลี่ยนใจโหวตเลือกฝ่ายตนดังที่นายธนาธรแถลงข่าวหลังทราบผลโหวตว่า ตอนแรกมีความหวัง แต่ตบท้ายว่าชัยชนะถูกปล้นไป ทำให้เกิดข้อสงสัยในความมีสปิริตทางการเมืองของนายธนาธร ที่มักไม่ยอมรับมติหรือคำตัดสิน และโทษว่าอีกฝ่ายสกปรกเสมอ 
ย้อนกลับไปดูการเลือกนายกฯของที่ประชุมสภาผู้แทนฯเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 ที่ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเลือกนายกฯ ซึ่งครั้งนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับเลือกจากสภา แม้การเมืองช่วงนั้นจะมีความขัดแย้งรุนแรงเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองไปไม่นานก็ตาม
โดยการประชุมเริ่มต้น เวลา 10.10 น. มีส.ส.มาเซ็นต์ชื่อเข้าประชุมจำนวน 488 คนจากสมาชิกทั้งหมด 500 คน โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม และมีนายเจริญ จันทร์โกมล รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุน รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ออกนั่งบัลลังค์ด้วย จากนั้นเข้าสู่ระเบียบวาระเรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม ซึ่งเป็นการรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาฯ 
ต่อมาเข้าสู่ระเบียบวาระในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญ โดยข้อบังคับการประชุมสภาฯ กำหนดให้มีการออกเสียงลงคะแนนเป็นการเปิดเผย ซึ่งผู้ที่ได้รับความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้คะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่หรือ 251 เสียงขึ้นไป 
ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสมศักดิ์ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกที่ให้เกียรติเลือกให้เป็นประธานสภา สถาบันนิติบัญญัติเป็นสถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงขอทำความเข้าใจกับสมาชิก3 ประการคือ 
1 .เพื่อให้การทำหน้าที่ประธานอย่างเป็นกลางและเป็นธรรม เราจะยึดการใช้ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพราะการชี้วัดว่าประธานทำหน้าที่เป็นกลางหรือไม่ คือข้อบังคับการประชุม เราจะไม่มีการอนุโลมใดๆทั้งนั้นเพื่อให้การประชุมของเราดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีสาระที่ประชาชนให้ความสนใจ ฉะนั้นจะใช้ข้อบังคับอย่างเต็มที่ ขอสมาชิกให้ความร่วมมือ เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันอันเป็นที่รักของเรา 
2. ปัญหาที่ผ่านมาคือองค์ประชุมไม่ครบซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ทำให้การประชุมสภาไม่มีประสิทธิภาพ ตนมีความตั้งใจที่อยากให้การประชุมของเราดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของทุกคนต่อสถาบันนี้ และต่อประชาชนที่ไว้วางใจให้มาทำหน้าที่ ตนดีจี่ครั้งนี้มีสมาชิกใหม่หลายคน จึงฝากความหวังไว้กับสมาชิกใหม่ รวมถึงสมาชิกเก่าเพื่อมาช่วยกันทำให้องค์ประชุมไม่มีปัญหา ถ้าสิ่งที่ขอความร่วมมือไม่บรรลุเป้าหมาย ทำให้องค์ประชุมไม่ครบทำให้เกิดความเสียหาย ตนอาจต้องใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อควบคุมองค์ให้มีปัญหาน้อยที่สุดเพื่อสถาบันของเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่