ต่อจากภาค 1/2 นะคะ (ใครยังไม่ได้อ่านไปตามอ่านได้ที่
https://ppantip.com/topic/38931687)
ออกจากทิมพู ... นั่งรถไป jimichu (คล้ายๆ เป็นชื่อหมู่บ้าน) ... ช่วงที่ไป เป็นปลายฝน ยังมีฝนอยู่บ้าง เลยทำให้เกิดหินถล่ม .. รถที่จะผ่านเลยต้องรอเจ้าหน้าที่นำหินออกให้รถพอได้ก่อน ...
บ้านที่เรามาพักที่ jimichu ด้านหลังบ้านเป็นแม่น้ำ
และที่เห็น..นั่นคือ...ห้องน้ำ ...ต้องเดินออกจากตัวบ้านมา ... ลืมบอกไปว่าบ้านที่เราไปพักด้วยส่วนใหญ่ ... ห้องน้ำจะเป็นแบบนั่งยองๆ และอยู่นอกตัวบ้านแบบนี้ ... ทดสอบสมรรถภาพ"เข่า"กันน่าดูเลย 555
ประตูหลังบ้าน...เปิดไปก็เจอน้ำเลย ... น้ำไหลแรงมาก... อ้อ...อีกอย่างคือ...บ้านแถวนี้..ใช้น้ำจากแม่น้ำนี้ทั้งนั้น...น้ำยังสะอาดและใสอยู่มาก ..
พัก1คืน วันต่อมา...เราจะเดินไปอีกหมู่บ้านนึงกัน ชื่อว่า Baikunza ซึ่งอยู่ด้านบนเขานู่นนนนน ... มองตามสายไฟขึ้นไป...บนสุดนู่นเลย
ย้ำว่า...เดิน...นะจ๊ะ ... เราใช้เวลาไป น่าจะ 4-5 ชม.ได้ เดินบ้างพักบ้าง ... ถ้าคนภูฏานจริงๆ อาจจะใช้เวลาแค่ชม.กว่าๆ-2 ชม.แค่นั้นเอง เหอะ เหอะ!!!
ถึงหมู่บ้านแล้ว..ไปเดินเล่นรอบๆ ... ตรงจุดนี้ .. คล้ายๆ เป็นวัดเล็กๆ เป็นศูนย์รวมจิตใจหมู่บ้านบนนี้
และเรา...มีโอกาสได้ลองทำชีส...ขั้นแรก..ต้องนำนมวัวมาผสมน้ำแล้วทิ้งไว้ 1 คืน เสร็จแล้วนำมาใส่เครื่อง(มือ)กระทุ้ง-ตามรูป
กระทุ้งจนได้สิ่งที่เป็นไขๆ ... สิ่งนั้นคือ...เนย ใส่น้ำเพิ่มไปอีกนิดนึง...และตักเอาเนยออกมา
ส่วนที่เป็นนมที่เหลือ...เราจะนำไปตั้งไฟอ่อน ...คนเบาๆ
จนได้เป็นก้อนๆ แบบนี้ นำลงจากเตารอให้เย็นนิดนึง แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ พยายามบีบน้ำออกให้หมด ... ก้อนที่ได้ คือ ชีส ... ส่วนน้ำที่เหลือ คนที่นี่จะเก็บไว้ดื่มต่อ เรียกว่า ดาล (แต่คนอย่างกับดาลที่เป็นแกงของอินเดียนะ) รสชาดจะคล้ายๆ โยเกิร์ต เปรี้ยวนิดนึง ... คือเราไม่ชอบกินโยเกิร์ตไง แค่ชิมได้นิดเดียว ก็ไม่กินอีกละจ้าาา
อย่างที่บอกว่าคนภูฏานกินเผ็ดมาก ... นี่คือพริกลูกกลมๆ เล็กๆ แต่เผ็ดมากกกกกก ก ล้านตัว
เจ้าของบ้าน...และเจ้าของน้องวัว...เค้ากำลังรีดนมวัว...เพื่อเอาไปทำชีสนั่นแหละจ้าาา
ห้องนี้...คล้ายๆ ห้องพระบ้านเรา
วันพรุ่งนี้..เป็นวัน Blessing Rainy Day เค้าเลยเตรียมอาหารพิเศษ ... อันนี้คือการตำเอาเปลือกออก ... เมล็ดเล็กๆ นี้คล้ายตระกูลข้าว แต่ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร ... ตำแล้วก็ฝัดเอาเปลือกออก วิธีฝัดก็คล้ายๆ บ้านเราทำ
จะได้เม็ดๆ แบบนี้ (คล้ายๆ เม็ดทรายใหญ่ๆ เลยเนอะ) พรุ่งนี้เช้า เค้าจะนำไปต้ม... หน้าตาออกมาคล้ายๆ โจ๊กบ้านเรา เป็นซุป กินตอนเช้าก่อนออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ
วันสำคัญวันนี้...โรงเรียนประจำหมู่บ้าน...มีกิจกรรมที่สำคัญคือ...การแข่งปาลูกดอก หรือ Khuru
ก่อนแข่งก็มีการทำพิธี ... คล้ายๆ สวดมนต์
อ้อออ...ปาลูกดอกที่นี่ ... ไกลกันมาก อยู่อีกฟากสนามเลย...เค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มแข่งกัน .. กลุ่มแรกเป็นกลุ่มอาจารย์ที่โรงเรียนนี้...อีกกลุ่มนึงเป็นคนทั่วไป (ชาวบ้านแถวนั้นแหละ) ปาคนละ 2 ดอก สลับกันไป ... มีการนับแต้ม กลุ่มไหนได้ 25 แต้มก่อนชนะ ต้องชนะ 2 ใน 3 เกม
คนที่ปาโดนเป้า...จะได้รับผ้าสี...ก็จะมาแขวนอยู่ตามชุด
หน้าตา...ผู้แข่งขัน ... ปากันได้เยอะอยู่เหมือนกันนะ
โฉมหน้าคนที่ปาถูกเป้าเยอะที่สุด...เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนี้นั่นแหละ ^_^ มีมอบรางวัลกันไป (จำไม่ได้ว่าเค้าให้อะไร) คนที่ปาโดนจะได้เงินรางวัลด้วย เป้าละเท่าไหร่จำไม่ได้ละ แต่ทุกคนที่แข่งก็ต้องจ่ายเงินด้วย ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายเยอะกว่า ... เงินที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายอาหารกลางวันและการจัดงานต่างๆ ...ก็จะหักลบกลบหนี้กับเงินที่ได้จากการปาเป้า ... ตอนช่วงเย็น ยังมีแรงเหลือกันอีกนะ...มีแข่งวอลเลย์บอลกันต่ออีก 555 พลังเยอะจริงๆ
ต้องเดินทางกลับแล้ว...นี่เป็นบ้านที่เรามาพัก และครอบครัวที่เรามาอาศัยอยู่ด้วย...ขากลับก็เดินกลับไปที่ jimichu ... แต่ใช้เวลาน้อยกว่าขามา ...แหงอยู่แล้วสิ...เดินลงนิ...ค่อยสบายหน่อย
ขากลับ...เจอต้นไม้ใหญ่..มากกก..ต้องเก็บภาพไว้ซะหน่อย
เจอลูกอะไรไม่รู้ ... ด้านนอกดูคล้ายๆ ส้ม..เสาวรส...พอแกะดูด้านใน...หือออ...แต่คนภูฏานบอกว่ากินได้นะ เอาไปทำอาหาร...แต่ขมมาก...ต้องรู้วิธีทำ จะอร่อยมากกก
ผักที่เก็บระหว่างทางเดินกลับบ้าน...รูปนี้คุ้นตากันดี...เหมือนผักกูดบ้านเรา...แต่อีกอย่างไม่รู้จริงๆ ... เย็นนั้นเลยได้กินกับข้าวที่ทำจากผัก 2 ชนิดนี้
พักอยู่ที่ jimichu 1 คืน แล้วนั่งรถต่อไปยัง Phuentsholing ซึ่งเป็นชายแดนที่ติดกับอินเดีย ... คืนก่อนฝนตกหนักอีกแล้ว ... เจอหินถล่มเช่นเคย
บรรยากาศบนรถ
เมื่อรถจอดพัก...ก็กิน...โมโม่...อีกแล้ว 5555
และนี่เป็นสามแยก...ถ้าไปด้านขวาจะกลับไปทิมพู..แต่เราจะไป Phuentsholing ต้องรอต่อรถ ..เรียกแท็กซี่ ... จะมืดแล้วด้วย
อ้ะ...ลองกินอย่างอื่นบ้าง...เรียกว่าไรไม่รู้ลืม ... คล้ายๆ แป้งแพนเค้ก ... ส่วนด้านขวา เกวาดาซซี่ หรือผัดมันฝรั่งกะชีส
อีกวันนึง...ได้ไปลองร้านอาหารอินเดีย
และนี่...ของหวานอินเดีย...ซึ่งหวานมากจริง...แต่ก็อร่อยดี...ถ้าใครอยากลอง...ในเมืองไทยก็มีนะ แถวสำเพ็งมีร้านอาหารอินเดีย และร้านขนมอินเดียอยู่ไปลองกันได้
เบียร์...ภูฏาน...
อาหารที่อีกครอบครัวนึงทำกันเอง ... (ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ถ่ายอาหารที่แต่ละครอบครัวทำให้กินเลย...อร่อยทุกอย่าง..อย่างที่บอกว่าหลักๆ ก็จะเป็นผัดผักกับชีสใส่พริก...ใครไม่ชอบชีสก็คงจะไม่ชอบ แต่เราชอบไง ... แต่กินเผ็ดไม่ค่อยได้ เค้าก็จะใส่พริกให้น้อยหน่อย ^_^)
แวะไปวัด
ประตูเขตแดน..ถ้าข้ามประตูนี้ไปก็ถือว่าเข้าประเทศอินเดียแล้ว !!!!
ระหว่างนั่งรถกลับทิมพู...รถแวะจอดพัก...จะมีร้านขายของอยู่ริมทางแบบนี้
กลับมาที่ทิมพูแล้ว...ก่อนกลับ...แวะมาส่งไปรษณียบัตร..เขียนหาตัวเองเนี่ยแหละ...เก็บไว้เป็นที่ระลึก
ได้เวลากลับละจ้า...ในสนามบิน...คนเดินกันให้ขวักไขว่...
อาหารบนเครื่องขากลับ...
ขอบคุณ..เพื่อนชาวภูฏานทุกคนที่ให้การต้อนรับและดูแลอย่างดีตลอดการเดินทาง...อบอุ่นเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลยค่ะ
ถ้าใครอยากติดตามภาพเคลื่อนไหว...ฉบับย่อ...(ม๊าากกก) ติดตามได้ที่
https://youtu.be/ePuZNYCofZw
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ^/\^
Once upon a time, in Bhutan (08-29.09.2018) 2/2
ออกจากทิมพู ... นั่งรถไป jimichu (คล้ายๆ เป็นชื่อหมู่บ้าน) ... ช่วงที่ไป เป็นปลายฝน ยังมีฝนอยู่บ้าง เลยทำให้เกิดหินถล่ม .. รถที่จะผ่านเลยต้องรอเจ้าหน้าที่นำหินออกให้รถพอได้ก่อน ...
บ้านที่เรามาพักที่ jimichu ด้านหลังบ้านเป็นแม่น้ำ
และที่เห็น..นั่นคือ...ห้องน้ำ ...ต้องเดินออกจากตัวบ้านมา ... ลืมบอกไปว่าบ้านที่เราไปพักด้วยส่วนใหญ่ ... ห้องน้ำจะเป็นแบบนั่งยองๆ และอยู่นอกตัวบ้านแบบนี้ ... ทดสอบสมรรถภาพ"เข่า"กันน่าดูเลย 555
ประตูหลังบ้าน...เปิดไปก็เจอน้ำเลย ... น้ำไหลแรงมาก... อ้อ...อีกอย่างคือ...บ้านแถวนี้..ใช้น้ำจากแม่น้ำนี้ทั้งนั้น...น้ำยังสะอาดและใสอยู่มาก ..
พัก1คืน วันต่อมา...เราจะเดินไปอีกหมู่บ้านนึงกัน ชื่อว่า Baikunza ซึ่งอยู่ด้านบนเขานู่นนนนน ... มองตามสายไฟขึ้นไป...บนสุดนู่นเลย
ย้ำว่า...เดิน...นะจ๊ะ ... เราใช้เวลาไป น่าจะ 4-5 ชม.ได้ เดินบ้างพักบ้าง ... ถ้าคนภูฏานจริงๆ อาจจะใช้เวลาแค่ชม.กว่าๆ-2 ชม.แค่นั้นเอง เหอะ เหอะ!!!
ถึงหมู่บ้านแล้ว..ไปเดินเล่นรอบๆ ... ตรงจุดนี้ .. คล้ายๆ เป็นวัดเล็กๆ เป็นศูนย์รวมจิตใจหมู่บ้านบนนี้
และเรา...มีโอกาสได้ลองทำชีส...ขั้นแรก..ต้องนำนมวัวมาผสมน้ำแล้วทิ้งไว้ 1 คืน เสร็จแล้วนำมาใส่เครื่อง(มือ)กระทุ้ง-ตามรูป
กระทุ้งจนได้สิ่งที่เป็นไขๆ ... สิ่งนั้นคือ...เนย ใส่น้ำเพิ่มไปอีกนิดนึง...และตักเอาเนยออกมา
ส่วนที่เป็นนมที่เหลือ...เราจะนำไปตั้งไฟอ่อน ...คนเบาๆ
จนได้เป็นก้อนๆ แบบนี้ นำลงจากเตารอให้เย็นนิดนึง แล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ พยายามบีบน้ำออกให้หมด ... ก้อนที่ได้ คือ ชีส ... ส่วนน้ำที่เหลือ คนที่นี่จะเก็บไว้ดื่มต่อ เรียกว่า ดาล (แต่คนอย่างกับดาลที่เป็นแกงของอินเดียนะ) รสชาดจะคล้ายๆ โยเกิร์ต เปรี้ยวนิดนึง ... คือเราไม่ชอบกินโยเกิร์ตไง แค่ชิมได้นิดเดียว ก็ไม่กินอีกละจ้าาา
อย่างที่บอกว่าคนภูฏานกินเผ็ดมาก ... นี่คือพริกลูกกลมๆ เล็กๆ แต่เผ็ดมากกกกกก ก ล้านตัว
เจ้าของบ้าน...และเจ้าของน้องวัว...เค้ากำลังรีดนมวัว...เพื่อเอาไปทำชีสนั่นแหละจ้าาา
ห้องนี้...คล้ายๆ ห้องพระบ้านเรา
วันพรุ่งนี้..เป็นวัน Blessing Rainy Day เค้าเลยเตรียมอาหารพิเศษ ... อันนี้คือการตำเอาเปลือกออก ... เมล็ดเล็กๆ นี้คล้ายตระกูลข้าว แต่ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร ... ตำแล้วก็ฝัดเอาเปลือกออก วิธีฝัดก็คล้ายๆ บ้านเราทำ
จะได้เม็ดๆ แบบนี้ (คล้ายๆ เม็ดทรายใหญ่ๆ เลยเนอะ) พรุ่งนี้เช้า เค้าจะนำไปต้ม... หน้าตาออกมาคล้ายๆ โจ๊กบ้านเรา เป็นซุป กินตอนเช้าก่อนออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ
วันสำคัญวันนี้...โรงเรียนประจำหมู่บ้าน...มีกิจกรรมที่สำคัญคือ...การแข่งปาลูกดอก หรือ Khuru
ก่อนแข่งก็มีการทำพิธี ... คล้ายๆ สวดมนต์
อ้อออ...ปาลูกดอกที่นี่ ... ไกลกันมาก อยู่อีกฟากสนามเลย...เค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มแข่งกัน .. กลุ่มแรกเป็นกลุ่มอาจารย์ที่โรงเรียนนี้...อีกกลุ่มนึงเป็นคนทั่วไป (ชาวบ้านแถวนั้นแหละ) ปาคนละ 2 ดอก สลับกันไป ... มีการนับแต้ม กลุ่มไหนได้ 25 แต้มก่อนชนะ ต้องชนะ 2 ใน 3 เกม
คนที่ปาโดนเป้า...จะได้รับผ้าสี...ก็จะมาแขวนอยู่ตามชุด
หน้าตา...ผู้แข่งขัน ... ปากันได้เยอะอยู่เหมือนกันนะ
โฉมหน้าคนที่ปาถูกเป้าเยอะที่สุด...เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนี้นั่นแหละ ^_^ มีมอบรางวัลกันไป (จำไม่ได้ว่าเค้าให้อะไร) คนที่ปาโดนจะได้เงินรางวัลด้วย เป้าละเท่าไหร่จำไม่ได้ละ แต่ทุกคนที่แข่งก็ต้องจ่ายเงินด้วย ฝ่ายแพ้จะต้องจ่ายเยอะกว่า ... เงินที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายอาหารกลางวันและการจัดงานต่างๆ ...ก็จะหักลบกลบหนี้กับเงินที่ได้จากการปาเป้า ... ตอนช่วงเย็น ยังมีแรงเหลือกันอีกนะ...มีแข่งวอลเลย์บอลกันต่ออีก 555 พลังเยอะจริงๆ
ต้องเดินทางกลับแล้ว...นี่เป็นบ้านที่เรามาพัก และครอบครัวที่เรามาอาศัยอยู่ด้วย...ขากลับก็เดินกลับไปที่ jimichu ... แต่ใช้เวลาน้อยกว่าขามา ...แหงอยู่แล้วสิ...เดินลงนิ...ค่อยสบายหน่อย
ขากลับ...เจอต้นไม้ใหญ่..มากกก..ต้องเก็บภาพไว้ซะหน่อย
เจอลูกอะไรไม่รู้ ... ด้านนอกดูคล้ายๆ ส้ม..เสาวรส...พอแกะดูด้านใน...หือออ...แต่คนภูฏานบอกว่ากินได้นะ เอาไปทำอาหาร...แต่ขมมาก...ต้องรู้วิธีทำ จะอร่อยมากกก
ผักที่เก็บระหว่างทางเดินกลับบ้าน...รูปนี้คุ้นตากันดี...เหมือนผักกูดบ้านเรา...แต่อีกอย่างไม่รู้จริงๆ ... เย็นนั้นเลยได้กินกับข้าวที่ทำจากผัก 2 ชนิดนี้
พักอยู่ที่ jimichu 1 คืน แล้วนั่งรถต่อไปยัง Phuentsholing ซึ่งเป็นชายแดนที่ติดกับอินเดีย ... คืนก่อนฝนตกหนักอีกแล้ว ... เจอหินถล่มเช่นเคย
บรรยากาศบนรถ
เมื่อรถจอดพัก...ก็กิน...โมโม่...อีกแล้ว 5555
และนี่เป็นสามแยก...ถ้าไปด้านขวาจะกลับไปทิมพู..แต่เราจะไป Phuentsholing ต้องรอต่อรถ ..เรียกแท็กซี่ ... จะมืดแล้วด้วย
อ้ะ...ลองกินอย่างอื่นบ้าง...เรียกว่าไรไม่รู้ลืม ... คล้ายๆ แป้งแพนเค้ก ... ส่วนด้านขวา เกวาดาซซี่ หรือผัดมันฝรั่งกะชีส
อีกวันนึง...ได้ไปลองร้านอาหารอินเดีย
และนี่...ของหวานอินเดีย...ซึ่งหวานมากจริง...แต่ก็อร่อยดี...ถ้าใครอยากลอง...ในเมืองไทยก็มีนะ แถวสำเพ็งมีร้านอาหารอินเดีย และร้านขนมอินเดียอยู่ไปลองกันได้
เบียร์...ภูฏาน...
อาหารที่อีกครอบครัวนึงทำกันเอง ... (ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ถ่ายอาหารที่แต่ละครอบครัวทำให้กินเลย...อร่อยทุกอย่าง..อย่างที่บอกว่าหลักๆ ก็จะเป็นผัดผักกับชีสใส่พริก...ใครไม่ชอบชีสก็คงจะไม่ชอบ แต่เราชอบไง ... แต่กินเผ็ดไม่ค่อยได้ เค้าก็จะใส่พริกให้น้อยหน่อย ^_^)
แวะไปวัด
ประตูเขตแดน..ถ้าข้ามประตูนี้ไปก็ถือว่าเข้าประเทศอินเดียแล้ว !!!!
ระหว่างนั่งรถกลับทิมพู...รถแวะจอดพัก...จะมีร้านขายของอยู่ริมทางแบบนี้
กลับมาที่ทิมพูแล้ว...ก่อนกลับ...แวะมาส่งไปรษณียบัตร..เขียนหาตัวเองเนี่ยแหละ...เก็บไว้เป็นที่ระลึก
ได้เวลากลับละจ้า...ในสนามบิน...คนเดินกันให้ขวักไขว่...
อาหารบนเครื่องขากลับ...
ขอบคุณ..เพื่อนชาวภูฏานทุกคนที่ให้การต้อนรับและดูแลอย่างดีตลอดการเดินทาง...อบอุ่นเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลยค่ะ
ถ้าใครอยากติดตามภาพเคลื่อนไหว...ฉบับย่อ...(ม๊าากกก) ติดตามได้ที่
https://youtu.be/ePuZNYCofZw
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ^/\^