ชื่อตอนแรก คือ เพื่อนสนิท นัยยะก็เพื่อนแอบรักเพื่อน และ เพื่อนที่ว่านั้นเป็นเพื่อนผู้ชาย ความรู้สึกนี้คือความรู้สึกของเติร์ด น่าจะตั้งแต่แรกเลยละมั้ง ตั้งแต่วันรับน้องที่ให้หาคู่ของกันและกัน "เกือบไม่ทันแน่ะ" ค่ายบอก "เราเป็นเจี๊ยบของเธอใช่ไหม ?" ข้อนี้อาจเป็นกิมมิคเล็ก ๆ ของซีรีส์ถึงเรื่องแฟนฉัน สัมพันธ์ในวัยเยาว์ของน้อยหน่ากับเจี๊ยบที่ลงเอยด้วยการพลัดพรากจากกันไปไกลแสนไกลทั้งระยะทาง และ เวลา เหมือนวันนี้ชิดใกล้แต่ก็เหมือนไกลห่าง
ค่าย ขุนพล หรือ โหดครบเครื่องของปีสามแก๊งค์โหด เป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นที่ถือคติว่าชีวิตต้องสุด อย่าถามถึงเรื่องปลายทาง อย่าถามถึงเรื่องอดีต และ ยิ่งอย่าเอ่ยถึงเรื่องอนาคต สำหรับค่าย เขามีแต่ "วันนี้" และ วันนี้ของเขาก็คือความสนุกสุดเหวี่ยงในชีวิตนักศึกษา ยังไม่ต้องหาเงินก็มีบิ๊กไบต์อย่าง "ชาวี" เป็นพาหนะ บ่งบอกถึงทางบ้านที่พอมีฐานะ ไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย เจ้าตัวจึงลอยชายเป็นพ่อพวงมาลัยได้อย่างไม่กังวล หนึ่งปีเป็นสองปี สองปีเป็นสามปี ใต้สายตาของเติร์ด เตชภณ ผู้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
เป็นทุกอย่างเพราะแอบมีใจให้มานานแล้ว อาจจะเป็นเพราะด้วยความสนิทกัน แล้วก็เป็นเพื่อนกันด้วยละมั้ง ทุกครั้งที่ค่ายเปลี่ยนแฟน เหมือนเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนถุงเท้า เติร์ดก็รู้สึกว่าตัวเองมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง และ พอเจ้าตัวไม่มีใครไม่มีพันธะที่จะต้องไป "สนุก" ด้วย ความอ้อนความอ้อยอิ่ง ความร่าเริงสดใสก็เป็นบ่วงที่เกี่ยวเติร์ดกลับไปในวังวนเดิม แต่ ... ในข้อนี้ จะโทษค่ายฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะอะไร เพราะเติร์ดรู้ตัวดีว่ามุมมองของตัวเองกับค่ายกันต่างกันไกลลิบโลก แล้วยังคั่นด้วยกำแพงสูงใหญ่ ที่ไม่แน่ใจว่าเลือกจะละเลยมันไป หรือ ไม่คิดว่ามันเป็นกำแพงจริง ๆ นั่นคือเรื่อง "เพศสภาพ"
เมื่อว่าด้วยเรื่องมุมมอง สำหรับค่ายเติร์ดคือเพื่อน เหมือนทู เหมือนโบน ในขณะที่สำหรับเติร์ด มันเป็นอย่างอื่น เติร์ดหล่อเลี้ยงตัวเอง ให้ความหวัง ผิดหวัง แล้วก็กลับมาให้ความหวัง แล้วก็ผิดหวังอยู่ฝ่ายเดียว และ ที่สำคัญค่ายในวันนี้ไม่ได้ทุ่มเทกับความรักขนาดนั้น ความรักไม่ได้สูงค่า และ เป็นทุกอย่างเหมือนกับที่เติร์ดกำลังทำ การมีแฟนสำหรับค่ายไม่ต่างอะไรกับเครื่องประดับ การเสียแฟนไม่เท่ากับการเสียใจแต่กลายเป็นเรื่องของการถูกหักหน้า และ เมื่อใดที่ค่ายเบื่อก็พร้อมจะพูดว่า "เลิกกัน" ได้อย่างไม่อาลัยใยดี จากนั้นเมื่อรู้สึกขึ้นมาใหม่ก็สามารถกลับไปคืนดีด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น that is ... อย่ามาพูดถึงความละเอียดอ่อนหรือความลึกซึ้งกับค่ายเพราะมันไม่มี
นอกจากนั้นกำแพงที่กางกั้น ... นั่นก็อีกเรื่อง ค่าย มีสัมพันธ์ของผู้หญิงมากมายสายล่าแต้ม ยังมองไม่ออกซักนิดว่า ค่าย ในตอนนี้จะมีสัมพันธ์กับ "ผู้ชาย" ด้วยกันได้อย่างไร ตรงนี้อย่างที่บอกว่าเติร์ดมองข้าม หรือ ไม่นึกว่ามันจะเป็นอุปสรรคอะไร ถึงได้นึกว่าเมื่อค่ายสลัดสาวน้อยนับร้อยรายที่ลิสต์แล้วเขาจะหันมาคบหาตัวเองฉันคนรักได้ ก็คงสรุปในเบื้องต้นว่า ... ความรู้สึกที่เติร์ดมีให้ค่ายทำให้เจ้าตัวลืม หรือ ทำเป็นมองไม่เห็นความจริงข้อนี้ไป
ถ้ามองข้าม "ความจริง" ข้อนี้ไปได้ ทั้งเรื่องบัตร blackpink ทั้งข้าวของของน้องมิลค์ ทั้งการไปมีเรื่องกับผู้กำกับสายรางวัลรุ่นพี่ ก็ไม่แปลกที่เติร์ดจะทำ และ แม้ค่ายจะกลับไปคบกับน้องมิลค์ใหม่ ... เติร์ดก็ยังคงอยู่ที่เดิม ที่ ๆ หล่อเลี้ยงตัวเองทุกวันว่า ... ซักวันน่ะ ซักวันเมื่อคน ๆ นี้ผ่านไป เขาก็จะกลับมามองเรา สิ้นหวังเนอะ สิ้นหวังตรงที่ ณ เวลานี้ ที่ตรงนั้น ที่ ๆ เติร์ดหวังจะได้อยู่ เอื้อมไปยังไงก็ไม่ถึง
Out of reach
โดยแท้จริง
ทฤษฎีจีบเธอ (กึ่งวิเคราะห์) : Out of Reach
ค่าย ขุนพล หรือ โหดครบเครื่องของปีสามแก๊งค์โหด เป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นที่ถือคติว่าชีวิตต้องสุด อย่าถามถึงเรื่องปลายทาง อย่าถามถึงเรื่องอดีต และ ยิ่งอย่าเอ่ยถึงเรื่องอนาคต สำหรับค่าย เขามีแต่ "วันนี้" และ วันนี้ของเขาก็คือความสนุกสุดเหวี่ยงในชีวิตนักศึกษา ยังไม่ต้องหาเงินก็มีบิ๊กไบต์อย่าง "ชาวี" เป็นพาหนะ บ่งบอกถึงทางบ้านที่พอมีฐานะ ไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย เจ้าตัวจึงลอยชายเป็นพ่อพวงมาลัยได้อย่างไม่กังวล หนึ่งปีเป็นสองปี สองปีเป็นสามปี ใต้สายตาของเติร์ด เตชภณ ผู้เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
เป็นทุกอย่างเพราะแอบมีใจให้มานานแล้ว อาจจะเป็นเพราะด้วยความสนิทกัน แล้วก็เป็นเพื่อนกันด้วยละมั้ง ทุกครั้งที่ค่ายเปลี่ยนแฟน เหมือนเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนถุงเท้า เติร์ดก็รู้สึกว่าตัวเองมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง และ พอเจ้าตัวไม่มีใครไม่มีพันธะที่จะต้องไป "สนุก" ด้วย ความอ้อนความอ้อยอิ่ง ความร่าเริงสดใสก็เป็นบ่วงที่เกี่ยวเติร์ดกลับไปในวังวนเดิม แต่ ... ในข้อนี้ จะโทษค่ายฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนัก เพราะอะไร เพราะเติร์ดรู้ตัวดีว่ามุมมองของตัวเองกับค่ายกันต่างกันไกลลิบโลก แล้วยังคั่นด้วยกำแพงสูงใหญ่ ที่ไม่แน่ใจว่าเลือกจะละเลยมันไป หรือ ไม่คิดว่ามันเป็นกำแพงจริง ๆ นั่นคือเรื่อง "เพศสภาพ"
เมื่อว่าด้วยเรื่องมุมมอง สำหรับค่ายเติร์ดคือเพื่อน เหมือนทู เหมือนโบน ในขณะที่สำหรับเติร์ด มันเป็นอย่างอื่น เติร์ดหล่อเลี้ยงตัวเอง ให้ความหวัง ผิดหวัง แล้วก็กลับมาให้ความหวัง แล้วก็ผิดหวังอยู่ฝ่ายเดียว และ ที่สำคัญค่ายในวันนี้ไม่ได้ทุ่มเทกับความรักขนาดนั้น ความรักไม่ได้สูงค่า และ เป็นทุกอย่างเหมือนกับที่เติร์ดกำลังทำ การมีแฟนสำหรับค่ายไม่ต่างอะไรกับเครื่องประดับ การเสียแฟนไม่เท่ากับการเสียใจแต่กลายเป็นเรื่องของการถูกหักหน้า และ เมื่อใดที่ค่ายเบื่อก็พร้อมจะพูดว่า "เลิกกัน" ได้อย่างไม่อาลัยใยดี จากนั้นเมื่อรู้สึกขึ้นมาใหม่ก็สามารถกลับไปคืนดีด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น that is ... อย่ามาพูดถึงความละเอียดอ่อนหรือความลึกซึ้งกับค่ายเพราะมันไม่มี
นอกจากนั้นกำแพงที่กางกั้น ... นั่นก็อีกเรื่อง ค่าย มีสัมพันธ์ของผู้หญิงมากมายสายล่าแต้ม ยังมองไม่ออกซักนิดว่า ค่าย ในตอนนี้จะมีสัมพันธ์กับ "ผู้ชาย" ด้วยกันได้อย่างไร ตรงนี้อย่างที่บอกว่าเติร์ดมองข้าม หรือ ไม่นึกว่ามันจะเป็นอุปสรรคอะไร ถึงได้นึกว่าเมื่อค่ายสลัดสาวน้อยนับร้อยรายที่ลิสต์แล้วเขาจะหันมาคบหาตัวเองฉันคนรักได้ ก็คงสรุปในเบื้องต้นว่า ... ความรู้สึกที่เติร์ดมีให้ค่ายทำให้เจ้าตัวลืม หรือ ทำเป็นมองไม่เห็นความจริงข้อนี้ไป
ถ้ามองข้าม "ความจริง" ข้อนี้ไปได้ ทั้งเรื่องบัตร blackpink ทั้งข้าวของของน้องมิลค์ ทั้งการไปมีเรื่องกับผู้กำกับสายรางวัลรุ่นพี่ ก็ไม่แปลกที่เติร์ดจะทำ และ แม้ค่ายจะกลับไปคบกับน้องมิลค์ใหม่ ... เติร์ดก็ยังคงอยู่ที่เดิม ที่ ๆ หล่อเลี้ยงตัวเองทุกวันว่า ... ซักวันน่ะ ซักวันเมื่อคน ๆ นี้ผ่านไป เขาก็จะกลับมามองเรา สิ้นหวังเนอะ สิ้นหวังตรงที่ ณ เวลานี้ ที่ตรงนั้น ที่ ๆ เติร์ดหวังจะได้อยู่ เอื้อมไปยังไงก็ไม่ถึง