เรื่องของผมแม้จะพยายามตัดให้สั้นที่สุด ย่อที่สุด ก็ยังคงมีเนื้อเรื่องที่ยาวจนน่าเบื่อที่จะอ่านอยู่ดี คณข้ามมันไปเลยครับ “ถ้าคุณมีครอบครัวที่สวยหรูเหมือนละคร”และไม่เคยมีปัญหา ครอบครัวที่แสนจะเจ็บปวด เช่นผม……
ผมคือผู้ชายไทย ธรรมดาคนหนึ่งที่มีชีวิตที่ปกติทั่วไป ทุกข์บ้างสุขบ้าง มีคู่ชีวิตที่รักผมมากๆ มีลูกสาวที่น่ารักและหน้าตาเหมือนผมมากๆอยู่หนึ่งคน ชีวิตครอบครัวของผมปกติมากๆ แบะมันคงจะปกติในแบบของมันตลอดไป ถ้า ผมไม่เป็นคนพาครอบครัวของผม.”ล้ม” งานที่ผมทำมีปัญหา ธุรกิจของผมล้ม ครอบครัวที่ปกติของผม มีอันต้องเปลี่ยแปลง ปัญหาที่ต้องพบไม่ใช่เรื่องซีเรียสสำหรับผมและแฟน ปัญหาเดียวที่เราทุกข์ที่สุดในตอนนั้น คือ สภาพความเป็นอยู่ของ”ลูกสาว”เราล้มชนิดที่ว่าไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมของลูก นั่นเองจึงเป็นสาเหตุเริ่มต้นของเรื่องแย่ๆและเลวร้ายที่สุดในชีวืตของผม และ แฟน
ผมตัดสินใจพาแฟนย้ายกลับเข้าไปอยู่ที่บ้านของผม ซึ่งมีแม่ผม น้องสาวผม พี่สาวผม)แยกไปอยู่กับสามี) และพี่สาวแม่ผม(เป็นหม้าย) ด้วยการวางแผนของผมว่า เราจะกลับไปเริ่มต้นที่บ้านก่อน อย่างน้อยๆลูกสาวผม เธอก็ไม่ต้องลำบากมากไปกว่าเท่าที่เป็นอยู่ในตอนนั้น และแฟนผมก็วางแผนไว้ว่าจะหางานทำช่วยผม เราจะจ้างแม่ของผมเลี้ยงหลาน แค่ไม่นานเราคงลุกขึ้นยืนได้เหมือนเดิม แล้วเราก็จะย้ายออกมา มีครอบครัวของเราเหมือนเดิม แบบที่เคยเป็นมา
“ทุกอย่างไม่ได้สวยงามและราบลื่นอย่างผมคิดเลยสักนิดเดียว”
ก่อนหน้าที่ผมจะพาแฟนเข้ามาอยู่ที่บ้านแม่ แม่ผมกับแฟนผมเค้าก็เฉยๆต่อกันอยู่แล้ว แฟนผมเป็นคนไม่ค่อยอะไร นิ่งๆ แม่ผมก็เป็นคนค่อนข้างแรงๆตรงๆอยู่บ้าง แต่ก็รักผมมากๆ ทุกครั้งที่เจอกันระหว่างแฟนผมกับแม่ผม ก็ปกติ เอาตรงๆแท่ผมก็ไม่ได้รักหลงใหลได้ปลื่มอะไรกับแฟนผมสักเท่าไหรหรอก ส่วนแฟนผมก็ไม่ได้รัก หรือสนิทใจอะไรกับแม่ผมเหมือนกัน ด้วยก่อนหน้านี้ เค้าสองคนมักมีปัญหาไม่ลงรอยกันสักเท่าไหรอยู่ แต่ผมจะเป็นคนขอให้แฟนยอมแม่เสมอมา เพราะผมรู้จักนิสัยแม่ผมดี ท่านเป็นคนปากร้าย แต่ไม่มีอะไร บางครั้งก็ใจดี ส่วนแฟนผมเธอเป็นคนแรง ตรง ดื่อ แต่ก็ไม่เคยก้าวร้าวกับครอบครัวของผม
“เพราะผมมองว่ามันไม่ได้แย่และเลวร้ายมากมาย” จึงนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดที่สุดในชีวิต
ในตอนแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านผม ทุกอย่างโอเคมาก เหมือนมันกำลังจะดี “ก่อนพายุจะมา ทะเลมักจะสงบและสวยงาม ทันทีที่น้องสาวผมแต่งงาน ออกไปมีสามีที่ฐานะดี และ กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่งเสียงเลี้ยงดูแม่ ในขณะที่ผมเอง ไม่สามารถจะทำได้ ด้วยครอบครัวตัวเองยังต้องมาขอพักพิงเค้าก่อน ถามว่าก่อนหน้านี้ ผมเองก็ทำหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดูแม่อยู่เสมอเช่นกัน มีกำลังมาก ผมก็ให้มาก มีกำลังน้อยผมก็ให้ ไม่เคยขาด แค่เพียงตอนนี้ผมล้ม ไม่มีกำลังจริงๆ จึงทำให้ผมตกอยู่ในสภาพ”ภาระ”ของที่บ้าน
น้องสาวผมมองว่า ผมคือภาระมาเกาะแม่กิน พาครอบครัวมาสร้างภาระให้กับแม่และเค้า ที่ส่งเสียเลี้ยงดูแม่ แต่พวกเค้ากลับไม่โจมตีผม ผมไม่ใช่เป้าหมาย นั่นก็คงเป็นเพราะ พวกเค้ารักผม(มั้ง) พวกเค้าเบี่ยงประเด็นโจมตีไปที่แฟนของผมแทน แฟนผมโดนเล่นงานอย่างหนัก จากการร่มมือกันของแม่ผม น้องสาวผม (ถือว่ายังโชคดีที่พี่สาวอยู่ไกล)ผมคือคนกลางที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้ดีที่สุดก็แค่ปลอบใจแฟน ในตอนที่เค้าร้องไห้ และบอกให้เค้าอดทนเพื่อลูกอีกนิด ผมสัญญากับแฟนว่า ผมจะพาเค้าออกจากบ้านผมไปให้ไวที่สุด จะรีบกลับมายืนให้ได้ให้ไวที่สุด แฟนผมก็อดทนมากเช่นกัน ต่อการถูกตำหนิต่อว่า และรองรับอารมณ์ของแม่ผม
“ผมเคยคิดว่าผมรู้จักครอบครัวผมดี แต่ที่จริง ไม่ใช่” ผมได้เห็นมุมืดของคนในบ้านตัวเองมากมาย จากการล้มของผมในครั้งนี้ ผมเข้าใจ ทุกคนในมุมมองของเค้า เหตุผลของเค้า และ ทุกอย่างมันจะไม่เกิดขึ้นเลย หากผมไม่พาแฟนเข้ามาอยู่ ร่วมหลังคาเดียวกัน จนเกิดบาดแผลที่ม่สามารถหายได้อีกแล้วในใจของแฟนผม ปัจจุบันนี้ผมกับแฟนแยกออกมา ใช้ชีวิตครอบครัวกันเองตามปกติแล้ว แต่มันยังมีปัญหที่ค่อนข้างใหญ่มากๆเช่นกัน ที่เกิดจาก การล้มของผมในครั้งนั้น
แฟนผมเธอมีความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดกับครอบครัวผม และ ไม่มีทีท่าว่าเธอจะลืมมันไปเลย จากที่เฉยๆเธอกลายป็นเกลียด แค้น เกลียดชังมากถึงมากที่สุด ต่อคนในครอบครัวของผม ชนิดที่ว่า อย่ามายุ่งเกี่ยวหือเอ่ยชื่อน้องสาวผม แม่ผมให้เธอได้ยินเด็ดขาด จากที่เธอไม่เคยก้าวร้าว และบางครั้งยังอ่อนน้อม เป็นห่วงแม่ผมบ้าง หลังจากเหตุการณ์นั้นมา เธอมองแม่ผม น้องผม เหมือน ไส้เดือน กิ้งกือ ขยะแขยง รังเกียจแบบแดสงออกทางหน้าตาเลย ผมควรจะทำยังไงกับแฟนผมดี จริงอยู่เราคงไม่ค่เยได้ไปยุ่งกันอีกแล้วกับครอบครัวผม แต่มันก็ยังคงต้องเผญินหน้ากันบ้างอยู่แล้ว ในงานครอบครัวเทศกาลรวมญาติ เธอขอให้ผมเข้าใจเธอ ผมเข้าใจเธอนะครับ แต่ที่ผมไท่เข้าใจคือ มันจะไม่มีวันลืมเลยหรอ ไม่มีวันดีขึ้นอีกแล้วเหรอ กับความรู้สึกของเธอที่เสียไป เราสองคนต้องมีชีวิตคู่ที่มีบาดแผบกันไปแบบนี้ตลอดชีวืตเลยหรอครับ ลืมบอกไป เธอบอกว่า ผมผิดที่ไม่เคยปกป้องเธอ แต่ปกป้องแม่ของผมด้วยการขอร้องให้เธอยอมแม่ผม น้องผม ซึ่งเธอเองก็ไม่มีวันเข้าใจผมเช่นกัน กับความรู้สึกของคนที่เป็นกลาง อย่างผม ถ้าคนที่ทำร้ายเธอไม่ใช่แม่ผม ผมเองคงไม่นั้งทนให้ใครมาว่า คนที่ผมรัก ให้เธอต้องเสียใจ เจ็บปวด ได้ขนาดนี้หรอกครับ “ผมควรทำยังไง ”
เมื่อร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกกลายเป็น.”ลวดหนาม”เกี่ยวตำ ทิ่มแทง หัวใจของ.”คนที่ลูกรัก”
ผมคือผู้ชายไทย ธรรมดาคนหนึ่งที่มีชีวิตที่ปกติทั่วไป ทุกข์บ้างสุขบ้าง มีคู่ชีวิตที่รักผมมากๆ มีลูกสาวที่น่ารักและหน้าตาเหมือนผมมากๆอยู่หนึ่งคน ชีวิตครอบครัวของผมปกติมากๆ แบะมันคงจะปกติในแบบของมันตลอดไป ถ้า ผมไม่เป็นคนพาครอบครัวของผม.”ล้ม” งานที่ผมทำมีปัญหา ธุรกิจของผมล้ม ครอบครัวที่ปกติของผม มีอันต้องเปลี่ยแปลง ปัญหาที่ต้องพบไม่ใช่เรื่องซีเรียสสำหรับผมและแฟน ปัญหาเดียวที่เราทุกข์ที่สุดในตอนนั้น คือ สภาพความเป็นอยู่ของ”ลูกสาว”เราล้มชนิดที่ว่าไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมของลูก นั่นเองจึงเป็นสาเหตุเริ่มต้นของเรื่องแย่ๆและเลวร้ายที่สุดในชีวืตของผม และ แฟน
ผมตัดสินใจพาแฟนย้ายกลับเข้าไปอยู่ที่บ้านของผม ซึ่งมีแม่ผม น้องสาวผม พี่สาวผม)แยกไปอยู่กับสามี) และพี่สาวแม่ผม(เป็นหม้าย) ด้วยการวางแผนของผมว่า เราจะกลับไปเริ่มต้นที่บ้านก่อน อย่างน้อยๆลูกสาวผม เธอก็ไม่ต้องลำบากมากไปกว่าเท่าที่เป็นอยู่ในตอนนั้น และแฟนผมก็วางแผนไว้ว่าจะหางานทำช่วยผม เราจะจ้างแม่ของผมเลี้ยงหลาน แค่ไม่นานเราคงลุกขึ้นยืนได้เหมือนเดิม แล้วเราก็จะย้ายออกมา มีครอบครัวของเราเหมือนเดิม แบบที่เคยเป็นมา
“ทุกอย่างไม่ได้สวยงามและราบลื่นอย่างผมคิดเลยสักนิดเดียว”
ก่อนหน้าที่ผมจะพาแฟนเข้ามาอยู่ที่บ้านแม่ แม่ผมกับแฟนผมเค้าก็เฉยๆต่อกันอยู่แล้ว แฟนผมเป็นคนไม่ค่อยอะไร นิ่งๆ แม่ผมก็เป็นคนค่อนข้างแรงๆตรงๆอยู่บ้าง แต่ก็รักผมมากๆ ทุกครั้งที่เจอกันระหว่างแฟนผมกับแม่ผม ก็ปกติ เอาตรงๆแท่ผมก็ไม่ได้รักหลงใหลได้ปลื่มอะไรกับแฟนผมสักเท่าไหรหรอก ส่วนแฟนผมก็ไม่ได้รัก หรือสนิทใจอะไรกับแม่ผมเหมือนกัน ด้วยก่อนหน้านี้ เค้าสองคนมักมีปัญหาไม่ลงรอยกันสักเท่าไหรอยู่ แต่ผมจะเป็นคนขอให้แฟนยอมแม่เสมอมา เพราะผมรู้จักนิสัยแม่ผมดี ท่านเป็นคนปากร้าย แต่ไม่มีอะไร บางครั้งก็ใจดี ส่วนแฟนผมเธอเป็นคนแรง ตรง ดื่อ แต่ก็ไม่เคยก้าวร้าวกับครอบครัวของผม
“เพราะผมมองว่ามันไม่ได้แย่และเลวร้ายมากมาย” จึงนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดที่สุดในชีวิต
ในตอนแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านผม ทุกอย่างโอเคมาก เหมือนมันกำลังจะดี “ก่อนพายุจะมา ทะเลมักจะสงบและสวยงาม ทันทีที่น้องสาวผมแต่งงาน ออกไปมีสามีที่ฐานะดี และ กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่งเสียงเลี้ยงดูแม่ ในขณะที่ผมเอง ไม่สามารถจะทำได้ ด้วยครอบครัวตัวเองยังต้องมาขอพักพิงเค้าก่อน ถามว่าก่อนหน้านี้ ผมเองก็ทำหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดูแม่อยู่เสมอเช่นกัน มีกำลังมาก ผมก็ให้มาก มีกำลังน้อยผมก็ให้ ไม่เคยขาด แค่เพียงตอนนี้ผมล้ม ไม่มีกำลังจริงๆ จึงทำให้ผมตกอยู่ในสภาพ”ภาระ”ของที่บ้าน
น้องสาวผมมองว่า ผมคือภาระมาเกาะแม่กิน พาครอบครัวมาสร้างภาระให้กับแม่และเค้า ที่ส่งเสียเลี้ยงดูแม่ แต่พวกเค้ากลับไม่โจมตีผม ผมไม่ใช่เป้าหมาย นั่นก็คงเป็นเพราะ พวกเค้ารักผม(มั้ง) พวกเค้าเบี่ยงประเด็นโจมตีไปที่แฟนของผมแทน แฟนผมโดนเล่นงานอย่างหนัก จากการร่มมือกันของแม่ผม น้องสาวผม (ถือว่ายังโชคดีที่พี่สาวอยู่ไกล)ผมคือคนกลางที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้ดีที่สุดก็แค่ปลอบใจแฟน ในตอนที่เค้าร้องไห้ และบอกให้เค้าอดทนเพื่อลูกอีกนิด ผมสัญญากับแฟนว่า ผมจะพาเค้าออกจากบ้านผมไปให้ไวที่สุด จะรีบกลับมายืนให้ได้ให้ไวที่สุด แฟนผมก็อดทนมากเช่นกัน ต่อการถูกตำหนิต่อว่า และรองรับอารมณ์ของแม่ผม
“ผมเคยคิดว่าผมรู้จักครอบครัวผมดี แต่ที่จริง ไม่ใช่” ผมได้เห็นมุมืดของคนในบ้านตัวเองมากมาย จากการล้มของผมในครั้งนี้ ผมเข้าใจ ทุกคนในมุมมองของเค้า เหตุผลของเค้า และ ทุกอย่างมันจะไม่เกิดขึ้นเลย หากผมไม่พาแฟนเข้ามาอยู่ ร่วมหลังคาเดียวกัน จนเกิดบาดแผลที่ม่สามารถหายได้อีกแล้วในใจของแฟนผม ปัจจุบันนี้ผมกับแฟนแยกออกมา ใช้ชีวิตครอบครัวกันเองตามปกติแล้ว แต่มันยังมีปัญหที่ค่อนข้างใหญ่มากๆเช่นกัน ที่เกิดจาก การล้มของผมในครั้งนั้น
แฟนผมเธอมีความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดกับครอบครัวผม และ ไม่มีทีท่าว่าเธอจะลืมมันไปเลย จากที่เฉยๆเธอกลายป็นเกลียด แค้น เกลียดชังมากถึงมากที่สุด ต่อคนในครอบครัวของผม ชนิดที่ว่า อย่ามายุ่งเกี่ยวหือเอ่ยชื่อน้องสาวผม แม่ผมให้เธอได้ยินเด็ดขาด จากที่เธอไม่เคยก้าวร้าว และบางครั้งยังอ่อนน้อม เป็นห่วงแม่ผมบ้าง หลังจากเหตุการณ์นั้นมา เธอมองแม่ผม น้องผม เหมือน ไส้เดือน กิ้งกือ ขยะแขยง รังเกียจแบบแดสงออกทางหน้าตาเลย ผมควรจะทำยังไงกับแฟนผมดี จริงอยู่เราคงไม่ค่เยได้ไปยุ่งกันอีกแล้วกับครอบครัวผม แต่มันก็ยังคงต้องเผญินหน้ากันบ้างอยู่แล้ว ในงานครอบครัวเทศกาลรวมญาติ เธอขอให้ผมเข้าใจเธอ ผมเข้าใจเธอนะครับ แต่ที่ผมไท่เข้าใจคือ มันจะไม่มีวันลืมเลยหรอ ไม่มีวันดีขึ้นอีกแล้วเหรอ กับความรู้สึกของเธอที่เสียไป เราสองคนต้องมีชีวิตคู่ที่มีบาดแผบกันไปแบบนี้ตลอดชีวืตเลยหรอครับ ลืมบอกไป เธอบอกว่า ผมผิดที่ไม่เคยปกป้องเธอ แต่ปกป้องแม่ของผมด้วยการขอร้องให้เธอยอมแม่ผม น้องผม ซึ่งเธอเองก็ไม่มีวันเข้าใจผมเช่นกัน กับความรู้สึกของคนที่เป็นกลาง อย่างผม ถ้าคนที่ทำร้ายเธอไม่ใช่แม่ผม ผมเองคงไม่นั้งทนให้ใครมาว่า คนที่ผมรัก ให้เธอต้องเสียใจ เจ็บปวด ได้ขนาดนี้หรอกครับ “ผมควรทำยังไง ”