การให้ทาน มี 4 องค์ประกอบพื้นฐาน

เนื่องจากตัว จขกท. เอง ได้มีโอกาสศึกษาวิธีการให้ทานจากท่านครูบาอาจารย์ ท่านพระอาจารย์ที่นับถือ สื่อต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ส่วนตัวจากการทำบุญการทำทาน จึงอยากจะมาแบ่งปันความรู้นี้ แบบย่อและเข้าใจง่ายให้กับทุกท่านครับ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

การสร้างบุญบารมีนั้นมีด้วยกัน 3 อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา ในกระทู้นี้จะของแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเรื่องทานเป็นหลักนะครับ
ทาน หรือ การให้ทาน มี 4 องค์ประกอบพื้นฐาน คือ วัตถุทานบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ และผู้รับบริสุทธิ์ ครับ

1.วัตถุทานบริสุทธิ์ - หมายถึง ความบริสุทธิ์ของวัตถุทาน ที่เราหามาหรือได้มานั้น ไม่ได้ลักขโมยผู้ใดมาหรือเบียดเบียนผู้ใดมา ได้มาอย่างสุจริต

2.เจตนาบริสุทธิ์ - หมายถึง เจตนาให้ทานด้วยใจบริสุทธิ์ ประกอบด้วยความเมตตา ปราศจากกิเลสและความโลภ 

เจตนาต้องบริสุทธิ์พร้อมกันทั้ง 3 ระยะ
1.)ระยะก่อนที่จะให้ทาน - คือก่อนให้ทานมีกำลังใจเต็ม ยินดีในทานนั้น ปลื้มใจในทานนั้น ไม่เสียดาย
ส่งผลให้ช่วงปฐมวัย(วัยเด็ก) สมบูรณ์พร้อม
2.)ระยะตอนที่กำลังลงมือให้ทาน - ตอนที่กำลังลงมือให้ทานมีกำลังใจเต็ม ยินดีในทานนั้น ปลื้มใจในทานนั้น ไม่เสียดาย
ส่งผลให้ช่วงมัชฌิมวัย(วัยกลาง) สมบูรณ์พร้อม
3.)ระยะหลังจากที่ให้ทานไปแล้ว - หลังจากให้ทานมีกำลังใจเต็ม ยินดีในทานนั้น หวนนึกถึงก็ปลื้มใจเสมอ ไม่เสียดาย
ส่งผลให้ช่วงปัจฉิมวัย(วัยปลาย) สมบูรณ์พร้อม

ยิ่งกำลังใจดีเท่าไหร่ อานิสงส์ยิ่งดีเท่านั้น ทั้ง 3ระยะนะครับ

3.ผู้ให้บริสุทธิ์ - หมายถึง ผู้ให้ทานนั้นมีศีลบริสุทธิ์ เช่น ก่อนถวายสังฆทานหรือทำบุญ ควรอาราธณาศีล 5 ก่อน เป็นต้น 
หากท่านไหนถือศีล8 หรือมีเพศสภาวะเป็นนักบวช เช่น พระสงฆ์ สามเณร แม่ชี จะได้อานิสงส์มากขึ้นไปเป็นลำดับ หรือตามคุณธรรมของแต่ละท่านครับ

ตัวอย่างเช่น
การถือศีล5 ของผู้ให้ทาน
ข้อ1 ห้ามฆ่าสัตว์ - ใครทำผิดบ่อย แต่ยังให้ทานอยู่ เกิดมาชาติหน้าร่ำรวยแต่สุขภาพอาจจะไม่ค่อยดีครับ ใครทำหนักอาจเป็นกรรมมาตัดรอนชีวิตได้ครับ
ข้อ2 ห้ามลักทรัพย์ - ใครทำผิดบ่อย แต่ยังให้ทานอยู่ ส่งผลให้ชาติหน้าการค้าขายที่ทำ ผลกำไรอาจไม่ได้ตามหวังหรือถ้าทรัพย์ที่เอามาทำบุญไม่บริสุทธิ์เลย อาจไม่ได้ผลกำไรเลยครับ 
ข้อ3 ไม่ประพฤติผิดในกาม - ใครทำผิดบ่อย แต่ยังทำทานอยู่ เกิดมาร่ำรวยแต่ชีวิตรัก ชีวิตครอบครัวอาจมีอุปสรรคได้ครับ ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของแต่ละคนที่สร้างกรรมไว้ครับ
ข้อ4 ไม่พูดปด พูดเท็จ รวมถึงกล่าววาจาไม่ดีด้วยนะครับ - ใครทำผิดบ่อย แต่ยังให้ทานอยู่ เกิดมาร่ำรวยแต่ฟัน ช่องปาก ริมผีปาก อาจมีปัญหาได้ครับ(ขึ้นอยู่กับเรื่องที่พูดด้วยนะครับว่า ร้ายแรงแค่ไหน เช่น โกหกจนทำให้การงานเสียหาย อันนี้จะไปส่งผลเครื่องทรัพย์ครับ) ต้องว่าเป็นเรื่องๆ ไปนะครับ
ข้อ5 ไม่ดื่มสุรา - ใครดื่มมาก เมาขาดสติบ่อย แต่ยังให้ทานอยู่ ชาติหน้าร่ำรวยแต่สติปัญญาจะมีปัญหาได้ หนักเบาขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละท่านครับ

ถ้ารักษาศีล5 ได้มั่นคง พร้อมกับมั่นทำทาน ก็จะเกิดมาสมบูรณ์พร้อมครับ

ที่ยกตัวอย่างถึงชาติหน้าว่าทำกรรมอะไร ส่งผลอะไรบ้างเพื่อให้เข้าใจง่ายเฉยๆนะครับ
ไม่ได้หมายถึงบุญที่ทำจะไม่ส่งผลในชาติปัจจุบันนะครับ แต่เพราะการพยากรณ์ผลบุญที่ทำไปแล้วจะส่งผลเมื่อไหร่นั้นเป็นเรื่องค่อนข้างยากครับ
ส่วนรายละเอียดเรื่องศีล5 จขทก. ขอลงไว้เท่านี้ก่อนกลัวว่าเนื้อหาจะยืดยาวมากเกินไปครับ

4.ผู้รับบริสุทธิ์ - หมายถึง เนื้อนาบุญหรือผู้รับทานนั้นมีความบริสุทธิ์หรือคุณธรรมมากเท่าใด ผลบุญที่จะได้นั้นยิ่งมากตามไปด้วยครับ เช่น

พระสงฆ์ท่าน ศีล 227ข้อ อานิสงส์ยิ่งมากตามครับ
ถ้าถวายสังฆทานกับท่านแบบไม่เจาะจงผู้รับ บุญก็จะยิ่งมากขึ้นไปด้วยครับ
สามเณรท่าน ศีล 10ข้อ ได้อานิสงส์มากแต่ไม่เท่าพระสงฆ์ครับ (ไม่นับกรณีสามเณรแบบในพุทธกาลที่ท่านบรรลุคุณธรรมขั้นสูงนะครับ)

หาก พระสงฆ์ สามเณร แม่ชี หรือแม้แต่ฆราวาสที่ท่านทำบุญด้วยก็ตาม หากท่านเหล่านั้นบรรลุคุณธรรมขั้นสูง เช่น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์ เราก็ได้อานิสงส์ผลบุญมากขึ้นตามคุณธรรมของแต่ละท่านด้วยครับ
การที่ทำบุญกับผู้ที่คุณธรรมสูงทำไมยิ่งได้บุญมาก เนื่องจากท่านเหล่านั้นละกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ราคะ โทสะ โมหะ ได้มากตามคุณธรรมของแต่ละท่านครับ

ขอยกตัวอย่างตามความเข้าใจของ จขกท. นะครับ เช่น บุคคลทั่วไปนั้นการละกิเลส ความอยากทั้งหลาย ความอยากเป็นคนใหญ่คนโต ความอยากได้สิ่งของต่างๆก็ดี ยิ่งละได้มากเท่าไหร่ เราก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์น้อยชาติลงเท่านั้น อยู่บนสวรรค์ได้นานขึ้น เจอความทุกข์น้อยลง พลัดพลาดจากของอันเป็นที่รักน้อยลง เพราะจิตของเรานั้นไม่ยึดติดหรือยึดติดน้อยลง เลยมาเกิดน้อยลงครับ

การที่เราทำบุญกับบุคคลที่มีคุณธรรมสูงหรือเนื้อนาบุญที่ดี ทำให้เราได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีได้นานขึ้น ส่วนการจะไปพระนิพพานหรือการบรรลุคุณธรรมขั้นสูงนั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและความพยายามของแต่ละท่านนะครับ

สรุปสุดท้ายนี้
ถ้าปัจจัยครบทั้ง 4 ข้อ คือ วัตถุทานบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์  บริสุทธิ์ได้เท่าใดอานิสงส์ก็จะมากเท่านั้นครับ
หากเรายังมีกิเลสต้องกลับมาเกิดอีกเราก็จะเกิดมาในเขตพระพุทธศาสนา เกิดมามีชีวิตสมบูรณ์พร้อม ไม่ขัดสน เพราะหากเราขัดสนเกินไป
ก็ยากต่อการหาเวลาและความพร้อม ในการปฏิบัติเพื่อละกิเลส หรือเพื่อให้เรานั้นเข้าสู่พระนิพพานในที่สุดครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่