สรุปคร่าวๆ จากที่เคยอ่านจากพระไตรปิฎกครับ
บางคนทำบุญบ่อยแต่ก็ได้บุญน้อย อาจมีสาเหตุเกี่ยวเนื่องดังนี้
การทำทานให้ได้บุญ ได้อานิสงส์มากๆ มีหลักการคร่าวๆ คือ
ต้องทำให้ไว ตัดสินใจได้ให้รีบทำเลย ทำทันทียิ่งได้บุญมาก ทำช้าไปไม่กี่ชม. บุญก็ลดไปเยอะแล้ว เช่น ตัดสินใจเมื่อยาม 1 ว่าจะถวายผ้า แล้วไปถวายยาม 4 ก็เลยได้เป็นแค่คหบดีใหญ่ ถ้าทำบุญตอนยาม 1 ก็ได้เป็นมหาเศรษฐี ยาม 2 เป็นเศรษฐี ยาม 3 เป็นอนุเศรษฐี
ผู้ให้และผู้รับบริสุทธิ์ กิเลสน้อย ศีลมากย่อมได้บุญมาก
การทำบุญกับคนมีศีลมาก ได้บุญมากกว่าทำกับคนมีศีลน้อย
ทำสังฆทานได้บุญมากกว่า > พระ > เณร > ศีล 8 > ฆราวาสศีล 5 > มนุษย์ไร้ศีล > สัตว์เดรัจฉาน
วัตถุที่ทำทานบริสุทธิ์ ได้มาโดยสุจริต และถ้าดีกว่าของที่ตนใช้ เป็นของประณีต ก็จะมีอานิสงส์มากกว่าของไม่ดี
จิตผู้ให้ปลื้มใจ ปีติ เลื่อมใส จิตผ่องใสทั้งก่อน ขณะทำทาน และหลังทำทาน ให้โดยความเคารพ ให้ด้วยมือของตน ย่อมได้บุญมาก
ให้ทานโดยไม่ทำให้ศีลขาด ให้แล้วไม่เสียดาย(เสียดายไม่ได้บุญ) ให้แล้วไม่เอาคืน
เหล่านี้เป็นต้น ใครมีอะไรก็เพิ่มเติมได้ครับ ถ้าขาดตกบกพร่องก็ขออภัยไว้ด้วย
สรุปหลักการทำทานให้ได้บุญมาก ได้อานิสงส์มาก
บางคนทำบุญบ่อยแต่ก็ได้บุญน้อย อาจมีสาเหตุเกี่ยวเนื่องดังนี้
การทำทานให้ได้บุญ ได้อานิสงส์มากๆ มีหลักการคร่าวๆ คือ
ต้องทำให้ไว ตัดสินใจได้ให้รีบทำเลย ทำทันทียิ่งได้บุญมาก ทำช้าไปไม่กี่ชม. บุญก็ลดไปเยอะแล้ว เช่น ตัดสินใจเมื่อยาม 1 ว่าจะถวายผ้า แล้วไปถวายยาม 4 ก็เลยได้เป็นแค่คหบดีใหญ่ ถ้าทำบุญตอนยาม 1 ก็ได้เป็นมหาเศรษฐี ยาม 2 เป็นเศรษฐี ยาม 3 เป็นอนุเศรษฐี
ผู้ให้และผู้รับบริสุทธิ์ กิเลสน้อย ศีลมากย่อมได้บุญมาก
การทำบุญกับคนมีศีลมาก ได้บุญมากกว่าทำกับคนมีศีลน้อย
ทำสังฆทานได้บุญมากกว่า > พระ > เณร > ศีล 8 > ฆราวาสศีล 5 > มนุษย์ไร้ศีล > สัตว์เดรัจฉาน
วัตถุที่ทำทานบริสุทธิ์ ได้มาโดยสุจริต และถ้าดีกว่าของที่ตนใช้ เป็นของประณีต ก็จะมีอานิสงส์มากกว่าของไม่ดี
จิตผู้ให้ปลื้มใจ ปีติ เลื่อมใส จิตผ่องใสทั้งก่อน ขณะทำทาน และหลังทำทาน ให้โดยความเคารพ ให้ด้วยมือของตน ย่อมได้บุญมาก
ให้ทานโดยไม่ทำให้ศีลขาด ให้แล้วไม่เสียดาย(เสียดายไม่ได้บุญ) ให้แล้วไม่เอาคืน
เหล่านี้เป็นต้น ใครมีอะไรก็เพิ่มเติมได้ครับ ถ้าขาดตกบกพร่องก็ขออภัยไว้ด้วย