นี่เป็นกระทู้บ่งปันประสบการณ์นะคะ อยากจะมารีวิวการเดินทางไปญี่ปุ่นกับเด็กเล็กค่ะ จะเป็นกึ่งๆ How-to, และเล่าเรื่องให้ฟัง นี่เป็นครั้งแรกที่เราพาลูกเที่ยวต่างประเทศ ก่อนจะไปก็หาข้อมูลมาพอสมควร เลยอยากจะรวบรวมมาบอกต่อประสบการณ์กันด้วยค่ะ
เราเดินทางกัน 3 คน พ่อ แม่ และลูกชายวัย 1 ขวบ 7 เดือน เดินทางช่วง 8-15 พฤษภาค่ะ
แนะนำทริปก่อน เนื่องจากว่าพ่อแม่เคยไปญี่ปุ่นมาหลายครั๊งแล้ว ทริปนี้เลยไม่ใช่ทริปเก็บ land mark นะคะ เน้นพาลูกดูเมือง ตามหาสนามเด็กเล่น ชอปปิ้งของใช้เด็ก อะไรประมาณนี้มากกว่า และ!เราสองคนเป็นนักท่องเที่ยวแนว Budget traveler เงินน้อยเที่ยวต่างประเทศค่ะ55 ไม่มีความหรูหรานะคะบอกเลย แต่นอนดี กินอิ่มแน่นอน 55 และกระทู้นี้รูปไม่เยอะนะคะ ไม่เน้นรูป เพราะมัวแต่ผลัดกันจับลูกจนไม่ค่อยได้ถ่าย 555
Part1 การเตรียมตัวเดินทางกับเด็ก
1. เลือกเที่ยวบิน
-
สายการบิน เราเลือกบิน Full Service เพราะเชื่อว่าเป็นมิตรกับเด็กมากกว่า เด็กที่อายุยังไม่ถึง 2 ขวบ เสียแค่ค่าธรรมเนียม ไม่ได้ที่นั่งนะจ๊ะ นั่งตักกันไปยาวๆ
-เวลาบิน ตัดสินใจได้ 2 ทางคือ 1.บินกลางวันเพื่อให้ลูกไม่เสียงดังกวนคนอื่นเวลาเขาต้องการพักผ่อน หรือ 2.บินกลางคืนเผื่อว่าลูกจะหลับตอนเดินทาง อันนี้ต้องประเมินลูกเราด้วยว่าจะมีแนวโน้มไปทางไหน 55
-
บินตรงหรือต่อเครื่อง? ถ้าลูกหลับบนเครื่องแน่นอนว่าบินยาวๆไปเลยดีกว่า ประหยัดเวลาและไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าลูกไม่หลับไม่นอน การต่อเครื่องให้เขาลงไปปล่อยพลังในสนามบินบ้างก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี อย่างเราเลือกต่อเครื่องที่ฮ่องกง ที่สนามบินจะมีโซนเด็กเล่นเล็กๆให้ด้วยค่ะ
- จองตั๋วเสร็จ กำเลข Booking ไว้แล้วโทรเข้า Call Center สายการบินค่ะ เราสามารถขอ Baby Bassinet เป็นตะกร้าในเด็กนอนได้ อันนี้จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 12 กก. นะคะ (แล้วแต่สายการบิน) และถึงจะไม่ได้นอนในตะกร้า เราก็ยังได้ที่นั่งแถวหน้าสุดหรือ Bulk Head ซึ่งจะเหยียดขาได้มากกว่าปกติ และมีที่ให้ตัวเล็กลงไปยืดเส้นยืดสายได้ และไม่ต้องคอยระวังว่าเด็กจะไปถีบเบาะคนข้างหน้าด้วย
-อาหารเด็กเราสามารถขอได้ด้วยค่ะ ทางสายการบินจะให้เป็นอาหารเหลว ผลไม้ปั่น และน้ำผลไม้ รวมทั้ง Baby gift set ที่ประกอบด้วยผ้าอ้อมสำเร็จรูป ทิชชูเปียก ถุงใส่ผ้าอ้อมใช้แล้วและครีมบำรุงผิว บางสายการบินมีของเล่นให้ด้วยค่ะ
เราใช้สายการบิน Cathay Pacific ค่ะ ออกจากเชียงใหม่ไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง ออกเดินทางเย็นๆ เปลี่ยนเครื่องตอนสี่ทุ่ม พอขึ้นเครื่องอีกทีตัวเล็กก็หลับพอดี ตื่นอีกทีก็ถึงญี่ปุ่นแล้ว
และนี่คือหน้าตาถุงยังชีพค่ะ บนของ Cathay Dragon ล่างของ Cathay Pacific
2. เลือกที่พัก
- เลือกที่พักจากที่เที่ยวค่ะ อยากไปตรงไหนอยู่ใกล้ๆไว้ เราเลือกโดยมีเงื่อนไขคือ 1.เด็กเข้าพักได้ เตียงต้องกว้างพอจะนอนด้วยกัน ห้องปลอดบุหรี่เท่านั้น 2.มีห้องน้ำในตัว 3.ไม่ไกลสถานีรถไฟมากนัก และต้องไม่แพง 555
- ไปต่างเมือง ฝากกระเป๋าไว้กับโรงแรมสิ! เราพักโตเกียวเป็นส่วนใหญ่ ไปนอนคาวากูจิโกะ 1 คืน แล้วกลับมานอนโตเกียวที่โรงแรมเดิมก่อนกลับ ระหว่างที่เราไม่อยู่โตเกียว กระเป๋าเดินทางฝากโรงแรมไว้เลยค่ะ พาไปด้วยแค่เป้คนละใบ มันเบาตัวมาก
3. เตรียมของ
โอเค นี่เรื่องจุกจิกมากอยากจะทำเช็คลิส
- เสื้อผ้า เอาไปให้ครบวันและเพิ่มเผื่อไปด้วย ทำเลอะแน่ๆล่ะวัยนี้
- ยา เตรียมไปอุ่นใจค่ะ ยาลดไข้ ยาแก้แพ้ ครีมทาผื่น ครีมทาแผล
- อาหาร ขนม .. ลูกใครทานยากอาจจะเหนื่อยนิดหนึ่ง แต่ลูกเราทานอาหารได้ค่อนข้างหลากหลาย เตรียมพวก Picnic baby หรือ Peachy ไว้เผื่อฉุกเฉินนิดหน่อย ขนมพวก puffs หรือบิสกิตไว้ล่อเผื่องอแงบนเครื่องบิน เอาไปนิดเดียวพอ ที่เหลือไปซื้อเอาข้างหน้า 55
- เพื่อการเดินทางที่ราบรื่น เตรียมขนม ของเล่นใหม่ๆที่เขาน่าจะสนใจ หนังสือนิทานใหม่ สติกเกอร์ พกขึ้นเครื่องไปด้วยค่ะ พอเด็กๆเริ่มเบื่อจะได้มีอะไรให้เขาสนใจ
- พาสปอร์ต – เวลาไปทำเอาสูติบัตรตัวจริง พ่อแม่ตัวจริง พร้อมบัตรประชาชนตัวจริง ไปทำได้เลย เวลาเดินทางพกสูติบัตรติดไปด้วยนะ หลายคนบอกว่าใช้แค่พาสปอร์ต แต่ของเรา ตม.ฝั่งไทยขาออกขอดูสูติบัตรด้วยค่ะ
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เอาจริงๆนะ ที่ญี่ปุ่นมันถูกมาก เอาไปแค่พอใช้วันแรกแล้วไปซื้อเอาข้างหน้าดีกว่า 555
- เป้อุ้ม รถเข็น สายจูง ... สายจูงนี่ต้องมีมากๆสำหรับวัยที่เดินเองได้ ในเมืองคนเยอะๆจูงไว้เลยค่ะ เป้อุ้มก็สะดวกเวลาขึ้นลงรถไฟ ส่วนรถเข็น เอาไปเถอะแล้วจะดีใจ เวลาลูกหลับ เวลาฝนตก อ้อ หาพลาสติกคลุมรถเข็นสำหรับกันฝนเผื่อไปด้วยนะ รถเข็นนี่ออกไปไหนเราเอาไปด้วยตลอด ลูกไม่นั่งก็เอาไว้วางของได้อีก
4. แผนการเดินทาง
- อย่าให้แน่นมากจะดีสุด และต้องเตรียมใจไว้เลยว่าจะไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน เดี๋ยวลูกไม่ตื่น เดี๋ยวลูกจะนอนกลางวัน ได้วันละ 2-3 ที่ก็เยอะแล้วล่ะ
- ในโตเกียว หลีกเลี่ยงการเดินทางช่วงเวลา 7-9 โมงเช้าวันธรรมดาไว้ รถไฟอัดแน่นมาก ไม่ควรจะพาเด็กเข้าไปเบียดจริงๆ
- เด็กเล็กๆมักจะไม่ปรับเวลาตาม time zone … ลูกจะนอนดึกและตื่นสาย การเที่ยวอาจจะเริ่มได้หลัง 10 โมง และจบตอน 4 ทุ่ม
- แบ่งเวลาให้ลูกนอนกลางวันด้วย วันไหนสะดวกเราก็แวะเข้าโรงแรมตอนบ่ายๆ หรือไม่ก็ให้นอนในห้องให้นม ที่ญี่ปุ่นมีห้องให้นมและห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมทุกที่ สะดวกมาก สะอาดน่าใช้ด้วยค่ะ แต่เอาจริงๆลูกเราชอบหลับบนรถไฟ 55
5. อื่นๆ
- รถไฟฟ้าญี่ปุ่น รถบัส เด็กต่ำกว่าประถมไม่เสียค่าโดยสาร เย่
- ค่าเข้าสถานที่ต่างๆก็เช่นกัน
- รวมถึงค่าบุฟเฟ่บางที่ด้วย! (มักจะฟรีถึง 2 ขวบ)
- ร้านอาหารแบบ Izagaya บางร้านไม่ให้เด็กเข้า และบางร้านถึงให้เข้าก็มักจะมีคนสูบบุหรี่ในร้าน
-ประกันการเดินทาง ทำเถอะ อุ่นใจมาก โดยเฉพาะมีเด็กไปด้วยจะได้ไม่กังวลว่าถ้าป่วยที่นู่นจะทำยังไง อย่างเรานี่ลูกป่วย 2 วันก่อนเดินทางพอดี นี่เอาประกันมากางดูเลยว่าถ้ายกเลิกเดินทางเคลมได้เท่าไหร่ 555 แต่โชคดีว่าหายทัน
ต่อไปเป็นช่วง แบ่งปันประสบการณ์การเดินทางของครอบครัวเรานะคะ
ขอแนะนำตัวก่อน นี่ครอบครัวของเราเองค่ะ ตัวเล็กคนนี้ชื่อเซนได (ได)ค่ะ 1 ขวบ 7 เดือน บินต่างประเทศครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยบินในประเทศมาแล้วไม่มีปัญหา
D0 – ออกเดินทาง
วันออกเดินทางค่ะ เราเลือกบินไฟล์ทกลางคืน ออกจากเชียงใหม่ 6 โมงเย็น ไปรอที่สนามบินก่อน check in 2 ชั่วโมง
กระเป๋าที่เอาไป เราสามคนพ่อแม่ลูก ใช้กระเป๋า 29 นิ้ว 1 ใบ และเป้ carry on คนละใบเท่านั้น ต้องเบาตัวค่ะ เนื่องจาก 1 คนต้องดูลูก อีกคนลากกระเป๋า เราไม่ควรเอาไปเยอะกว่านี้!
รถเข็นเด็ก: เลือกโหลดลงใต้เครื่องแล้วไปรับที่ญี่ปุ่นทีเดียวเลยก็ได้ หรือ จะเอาไปใช้ในเกท ฝากคุณแอร์ไว้ตอนนั่งเครื่อง พอออกเครื่องก็รับมาใช้ตอนเปลี่ยนเครื่องก็ได้ ซึ่งเราเลือกแบบหลังนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าลูกจะหลับที่ฮ่องกงไหมจะได้ให้นอนรอในรถเข็น และ ที่ฮาเนดะออกเกทแล้วเดินไกล ลูกควรจะนั่งรถเข็นค่ะ หนัก 55
สัมภาระขึ้นเครื่อง: แล้วแต่สายการบินกำหนดเหมือนปกติ แต่! ถ้าไปกับเด็ก เราสามารถเอาน้ำดื่ม นม อาหารเหลว ขึ้นเครื่องได้ปริมาณตามความเหมาะสมค่ะ อย่างเซนไดก็เอาน้ำดื่มไป 1 กระติก (300 มล.) พีชชี่กับปิคนิคเบบี้อย่างละซอง นมกล่องไม่ได้พกไปเพราะไดยังกินนมแม่อยู่ เวลาเข้าเครื่องสแกนต้องหยิบออกมาไว้นอกกระเป๋านะคะ ไม่งั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราหยิบออกมาให้ดูอยู่ดี แต่บอกว่าของเด็กได้ ไม่ว่าอะไรค่ะ
ตอนรอขึ้นเครื่อง ให้โอกาสลูกปล่อยพลังเต็มที่ค่ะ วิ่งไปวิ่งมา ขึ้นเครื่องจะได้หลับไวๆ555 ช่วงนี้งดนม งดขนมนะคะ เราอยากให้ลูกจุ๊บนมตอนเครื่องขึ้นจะได้ไม่หูอื้อค่ะ
เรียกขึ้นเครื่อง คุณเจ้าหน้าที่ให้บอร์ดแถวผู้โดยสารพิเศษได้เพราะเดินทางกับเด็ก ได้ขึ้นเครื่องก่อนค่ะ ที่นั่งเราขอแถวหน้าสุดไว้แล้ว ที่นั่งกว้างๆแบบนี้เลย เซนไดนั่งกับแม่ริมหน้าต่าง พ่อนั่งตรงกลาง กั้นไว้ไม่ให้ไปกวนคนอื่น
เครื่องขึ้นเด็กงอแงนิดหน่อย บอกลูกว่าถ้าเจ็บหูให้จุ๊บนม ก็เข้าเต้า เรียบร้อย เงียบตลอดการเดินทาง
พอเครื่องขึ้นก็รับแจกถุงยังชีพค่ะ ... มีอาหารบด (ข้าว แครอท เนื้อ) แอปเปิ้ลบด น้ำแอปเปิ้ล ผ้าอ้อมแบบเทป และทิชชูเปียก
ซึ่งเราไม่สามารถใส่ผ้าอ้อมแบบเทปให้ลูกบนโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมได้ค่ะ!! เก็บไปเลย เอาแบบกางเกงที่เราเตรียมมาออกมาเถอะ T T
อาหารบนเครื่องนับว่าโอเคค่ะ ที่ปลื้มปริ่มมากคือมีไอติม Haargen daz T^T เซนไดกินอาหารกับแม่เอา เพราะลูกเลยวัยอาหารบดแล้ว
เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง แวะรับรถเข็นที่หน้าประตูเครื่องค่ะ ไปผ่าน immigration สแกนกระเป๋าใหม่รอบนึง แล้วไปนั่งรอในเกท มีโซนเด็กเล่นเล็กๆให้พอแก้เบื่อได้ เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เรียบร้อย รอเรียกขึ้นเครื่องค่ะ
โซนเด็กเล่นเล็กๆหน้าเกท
ขึ้นเครื่องอีกที เวลาไทย 4 ทุ่ม ลูกขึ้นเครื่องได้ก็หลับ งานนี้หลับยาวถึงญี่ปุ่นเลยค่ะ ท่าหลับนอนของลูกก็จะเมื่อยแม่หน่อยๆประมาณนี้
D1 - Arrival
ถึงฮาเนดะเวลาท้องถิ่นก็ ตี 5 กว่าๆ ออกมารับกระเป๋า ผ่าน ตม. เรียบร้อย แผนเดิมคือ เข้าไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมแล้วออกมาเดินเล่นรอเวลา check in (โรงแรมญี่ปุ่น เวลาเซ็คอินปกติคือบ่าย 3 ค่ะ)
แต่! รอ ตม. นานมากกก ไฟล์ทลงเยอะค่ะ กว่าจะขึ้นรถไฟได้ก็ 7 โมงกว่า คนเยอะสิคะ T T ไม่ไหวจริงๆ สงสารตัวเล็กโดนเบียด ตอนลงเปลี่ยนสายที่ Shinagawa เลยแวะพักก่อน ปล่อยตัวเล็กวิ่งเล่นจน 9 โมง คนน้อยลงแล้วเลยต่อรถไฟไป Ueno
เราเลือกพักที่โรงแรม Hotel New Touhoku ค่ะ เดินสัก 300 เมตรจากสถานีรถไฟ ถึงโรงแรม 10 โมงกว่า ว่าจะขอฝากกระเป๋า แต่พนักงานบอกว่าห้องว่างแล้วนะ เข้าห้องเลยก็ได้ โหหห ดีงามมาก เราเลยเข้าห้อง อาบน้ำ นอนเอาแรงกันก่อน ออกไปเซเว่นข้างโรงแรม ซื้ออาหารเบาๆมากินกันเรวๆก่อนนอน ทานมื้อเช้าตั้งแต่ที่สนามบินตอนหกโมงเริ่มหิวแล้ว 55
เลือกห้องเตียงเดี่ยวแบบนี้ เป็นเตียงเตี้ยๆ เด็กปีนขึ้นลงเองได้ไม่อันตราย โรงแรมนี้ห้องกว้างกว่าโรงแรมทั่วไปในโตเกียวมาก กางกระเป๋าแล้วที่ยังเหลือ
ตื่นมาบ่ายสองกว่าค่ะ (ไดนอนสนุกมาก) ออกไปย่าน Kinshicho ค่ะ เป้าหมายถือไป Akachan Honpo ร้านขายของใช้เด็ก ต้องซื้อผ้าอ้อมให้ไดใช้เพราะเอามาแค่ 5 ชิ้น แหะๆ
Merries ปกติที่ไทย 5-6 ร้อย .. ที่นี่ 1,300 เยนหรือไม่ถึง 400 บาท!! อยากขนกลับจริ๊งง
มื้อเย็นวันนี้ ข้าวหน้าปลาดิบ Sasafune Donmaru ซื้อไปนั่งทานที่สวน Kinshi Park ค่ะ ที่นี่มีสนามเด็กเล่นกว้างๆ บรรยากาศดีๆ ส่วนเซนไดกินข้าวกับไก่ย่างเทอริยากิ
ปล่อยลูกวิ่งเล่น มีความสุขมาก สนามเด็กเล่นมีเป็นโซนเด็กเล็กกับเด็กโตด้วย เครื่องเล่นสภาพดี ปลอดภัยมาก อยากได้สนามเด็กเล่นดีๆแบบนี้แถวบ้านเราจังน๊า
ปล่อยเซนไดเล่นอยู่ชั่วโมงกว่า อากาศเริ่มเย็นก็พากันกลับย่าน Ueno ค่ะ ที่พักใกล้ Ameyoko มาก แวะเดินเล่นกันผ่านๆ ก่อนจะกลับโรงแรมนอน
>>ข้อความเต็มแล้วค่ะ เดี๋ยวต่อในความเห็นนะคะ
[CR] เบบี๋อินเจแปน พาเด็กเล็กเที่ยวญี่ปุ่น!
เราเดินทางกัน 3 คน พ่อ แม่ และลูกชายวัย 1 ขวบ 7 เดือน เดินทางช่วง 8-15 พฤษภาค่ะ
แนะนำทริปก่อน เนื่องจากว่าพ่อแม่เคยไปญี่ปุ่นมาหลายครั๊งแล้ว ทริปนี้เลยไม่ใช่ทริปเก็บ land mark นะคะ เน้นพาลูกดูเมือง ตามหาสนามเด็กเล่น ชอปปิ้งของใช้เด็ก อะไรประมาณนี้มากกว่า และ!เราสองคนเป็นนักท่องเที่ยวแนว Budget traveler เงินน้อยเที่ยวต่างประเทศค่ะ55 ไม่มีความหรูหรานะคะบอกเลย แต่นอนดี กินอิ่มแน่นอน 55 และกระทู้นี้รูปไม่เยอะนะคะ ไม่เน้นรูป เพราะมัวแต่ผลัดกันจับลูกจนไม่ค่อยได้ถ่าย 555
Part1 การเตรียมตัวเดินทางกับเด็ก
1. เลือกเที่ยวบิน
- สายการบิน เราเลือกบิน Full Service เพราะเชื่อว่าเป็นมิตรกับเด็กมากกว่า เด็กที่อายุยังไม่ถึง 2 ขวบ เสียแค่ค่าธรรมเนียม ไม่ได้ที่นั่งนะจ๊ะ นั่งตักกันไปยาวๆ
-เวลาบิน ตัดสินใจได้ 2 ทางคือ 1.บินกลางวันเพื่อให้ลูกไม่เสียงดังกวนคนอื่นเวลาเขาต้องการพักผ่อน หรือ 2.บินกลางคืนเผื่อว่าลูกจะหลับตอนเดินทาง อันนี้ต้องประเมินลูกเราด้วยว่าจะมีแนวโน้มไปทางไหน 55
-บินตรงหรือต่อเครื่อง? ถ้าลูกหลับบนเครื่องแน่นอนว่าบินยาวๆไปเลยดีกว่า ประหยัดเวลาและไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าลูกไม่หลับไม่นอน การต่อเครื่องให้เขาลงไปปล่อยพลังในสนามบินบ้างก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี อย่างเราเลือกต่อเครื่องที่ฮ่องกง ที่สนามบินจะมีโซนเด็กเล่นเล็กๆให้ด้วยค่ะ
- จองตั๋วเสร็จ กำเลข Booking ไว้แล้วโทรเข้า Call Center สายการบินค่ะ เราสามารถขอ Baby Bassinet เป็นตะกร้าในเด็กนอนได้ อันนี้จำกัดน้ำหนักไม่เกิน 12 กก. นะคะ (แล้วแต่สายการบิน) และถึงจะไม่ได้นอนในตะกร้า เราก็ยังได้ที่นั่งแถวหน้าสุดหรือ Bulk Head ซึ่งจะเหยียดขาได้มากกว่าปกติ และมีที่ให้ตัวเล็กลงไปยืดเส้นยืดสายได้ และไม่ต้องคอยระวังว่าเด็กจะไปถีบเบาะคนข้างหน้าด้วย
-อาหารเด็กเราสามารถขอได้ด้วยค่ะ ทางสายการบินจะให้เป็นอาหารเหลว ผลไม้ปั่น และน้ำผลไม้ รวมทั้ง Baby gift set ที่ประกอบด้วยผ้าอ้อมสำเร็จรูป ทิชชูเปียก ถุงใส่ผ้าอ้อมใช้แล้วและครีมบำรุงผิว บางสายการบินมีของเล่นให้ด้วยค่ะ
เราใช้สายการบิน Cathay Pacific ค่ะ ออกจากเชียงใหม่ไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง ออกเดินทางเย็นๆ เปลี่ยนเครื่องตอนสี่ทุ่ม พอขึ้นเครื่องอีกทีตัวเล็กก็หลับพอดี ตื่นอีกทีก็ถึงญี่ปุ่นแล้ว
และนี่คือหน้าตาถุงยังชีพค่ะ บนของ Cathay Dragon ล่างของ Cathay Pacific
2. เลือกที่พัก
- เลือกที่พักจากที่เที่ยวค่ะ อยากไปตรงไหนอยู่ใกล้ๆไว้ เราเลือกโดยมีเงื่อนไขคือ 1.เด็กเข้าพักได้ เตียงต้องกว้างพอจะนอนด้วยกัน ห้องปลอดบุหรี่เท่านั้น 2.มีห้องน้ำในตัว 3.ไม่ไกลสถานีรถไฟมากนัก และต้องไม่แพง 555
- ไปต่างเมือง ฝากกระเป๋าไว้กับโรงแรมสิ! เราพักโตเกียวเป็นส่วนใหญ่ ไปนอนคาวากูจิโกะ 1 คืน แล้วกลับมานอนโตเกียวที่โรงแรมเดิมก่อนกลับ ระหว่างที่เราไม่อยู่โตเกียว กระเป๋าเดินทางฝากโรงแรมไว้เลยค่ะ พาไปด้วยแค่เป้คนละใบ มันเบาตัวมาก
3. เตรียมของ
โอเค นี่เรื่องจุกจิกมากอยากจะทำเช็คลิส
- เสื้อผ้า เอาไปให้ครบวันและเพิ่มเผื่อไปด้วย ทำเลอะแน่ๆล่ะวัยนี้
- ยา เตรียมไปอุ่นใจค่ะ ยาลดไข้ ยาแก้แพ้ ครีมทาผื่น ครีมทาแผล
- อาหาร ขนม .. ลูกใครทานยากอาจจะเหนื่อยนิดหนึ่ง แต่ลูกเราทานอาหารได้ค่อนข้างหลากหลาย เตรียมพวก Picnic baby หรือ Peachy ไว้เผื่อฉุกเฉินนิดหน่อย ขนมพวก puffs หรือบิสกิตไว้ล่อเผื่องอแงบนเครื่องบิน เอาไปนิดเดียวพอ ที่เหลือไปซื้อเอาข้างหน้า 55
- เพื่อการเดินทางที่ราบรื่น เตรียมขนม ของเล่นใหม่ๆที่เขาน่าจะสนใจ หนังสือนิทานใหม่ สติกเกอร์ พกขึ้นเครื่องไปด้วยค่ะ พอเด็กๆเริ่มเบื่อจะได้มีอะไรให้เขาสนใจ
- พาสปอร์ต – เวลาไปทำเอาสูติบัตรตัวจริง พ่อแม่ตัวจริง พร้อมบัตรประชาชนตัวจริง ไปทำได้เลย เวลาเดินทางพกสูติบัตรติดไปด้วยนะ หลายคนบอกว่าใช้แค่พาสปอร์ต แต่ของเรา ตม.ฝั่งไทยขาออกขอดูสูติบัตรด้วยค่ะ
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เอาจริงๆนะ ที่ญี่ปุ่นมันถูกมาก เอาไปแค่พอใช้วันแรกแล้วไปซื้อเอาข้างหน้าดีกว่า 555
- เป้อุ้ม รถเข็น สายจูง ... สายจูงนี่ต้องมีมากๆสำหรับวัยที่เดินเองได้ ในเมืองคนเยอะๆจูงไว้เลยค่ะ เป้อุ้มก็สะดวกเวลาขึ้นลงรถไฟ ส่วนรถเข็น เอาไปเถอะแล้วจะดีใจ เวลาลูกหลับ เวลาฝนตก อ้อ หาพลาสติกคลุมรถเข็นสำหรับกันฝนเผื่อไปด้วยนะ รถเข็นนี่ออกไปไหนเราเอาไปด้วยตลอด ลูกไม่นั่งก็เอาไว้วางของได้อีก
4. แผนการเดินทาง
- อย่าให้แน่นมากจะดีสุด และต้องเตรียมใจไว้เลยว่าจะไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน เดี๋ยวลูกไม่ตื่น เดี๋ยวลูกจะนอนกลางวัน ได้วันละ 2-3 ที่ก็เยอะแล้วล่ะ
- ในโตเกียว หลีกเลี่ยงการเดินทางช่วงเวลา 7-9 โมงเช้าวันธรรมดาไว้ รถไฟอัดแน่นมาก ไม่ควรจะพาเด็กเข้าไปเบียดจริงๆ
- เด็กเล็กๆมักจะไม่ปรับเวลาตาม time zone … ลูกจะนอนดึกและตื่นสาย การเที่ยวอาจจะเริ่มได้หลัง 10 โมง และจบตอน 4 ทุ่ม
- แบ่งเวลาให้ลูกนอนกลางวันด้วย วันไหนสะดวกเราก็แวะเข้าโรงแรมตอนบ่ายๆ หรือไม่ก็ให้นอนในห้องให้นม ที่ญี่ปุ่นมีห้องให้นมและห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมทุกที่ สะดวกมาก สะอาดน่าใช้ด้วยค่ะ แต่เอาจริงๆลูกเราชอบหลับบนรถไฟ 55
5. อื่นๆ
- รถไฟฟ้าญี่ปุ่น รถบัส เด็กต่ำกว่าประถมไม่เสียค่าโดยสาร เย่
- ค่าเข้าสถานที่ต่างๆก็เช่นกัน
- รวมถึงค่าบุฟเฟ่บางที่ด้วย! (มักจะฟรีถึง 2 ขวบ)
- ร้านอาหารแบบ Izagaya บางร้านไม่ให้เด็กเข้า และบางร้านถึงให้เข้าก็มักจะมีคนสูบบุหรี่ในร้าน
-ประกันการเดินทาง ทำเถอะ อุ่นใจมาก โดยเฉพาะมีเด็กไปด้วยจะได้ไม่กังวลว่าถ้าป่วยที่นู่นจะทำยังไง อย่างเรานี่ลูกป่วย 2 วันก่อนเดินทางพอดี นี่เอาประกันมากางดูเลยว่าถ้ายกเลิกเดินทางเคลมได้เท่าไหร่ 555 แต่โชคดีว่าหายทัน
ต่อไปเป็นช่วง แบ่งปันประสบการณ์การเดินทางของครอบครัวเรานะคะ
ขอแนะนำตัวก่อน นี่ครอบครัวของเราเองค่ะ ตัวเล็กคนนี้ชื่อเซนได (ได)ค่ะ 1 ขวบ 7 เดือน บินต่างประเทศครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยบินในประเทศมาแล้วไม่มีปัญหา
D0 – ออกเดินทาง
วันออกเดินทางค่ะ เราเลือกบินไฟล์ทกลางคืน ออกจากเชียงใหม่ 6 โมงเย็น ไปรอที่สนามบินก่อน check in 2 ชั่วโมง
กระเป๋าที่เอาไป เราสามคนพ่อแม่ลูก ใช้กระเป๋า 29 นิ้ว 1 ใบ และเป้ carry on คนละใบเท่านั้น ต้องเบาตัวค่ะ เนื่องจาก 1 คนต้องดูลูก อีกคนลากกระเป๋า เราไม่ควรเอาไปเยอะกว่านี้!
รถเข็นเด็ก: เลือกโหลดลงใต้เครื่องแล้วไปรับที่ญี่ปุ่นทีเดียวเลยก็ได้ หรือ จะเอาไปใช้ในเกท ฝากคุณแอร์ไว้ตอนนั่งเครื่อง พอออกเครื่องก็รับมาใช้ตอนเปลี่ยนเครื่องก็ได้ ซึ่งเราเลือกแบบหลังนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าลูกจะหลับที่ฮ่องกงไหมจะได้ให้นอนรอในรถเข็น และ ที่ฮาเนดะออกเกทแล้วเดินไกล ลูกควรจะนั่งรถเข็นค่ะ หนัก 55
สัมภาระขึ้นเครื่อง: แล้วแต่สายการบินกำหนดเหมือนปกติ แต่! ถ้าไปกับเด็ก เราสามารถเอาน้ำดื่ม นม อาหารเหลว ขึ้นเครื่องได้ปริมาณตามความเหมาะสมค่ะ อย่างเซนไดก็เอาน้ำดื่มไป 1 กระติก (300 มล.) พีชชี่กับปิคนิคเบบี้อย่างละซอง นมกล่องไม่ได้พกไปเพราะไดยังกินนมแม่อยู่ เวลาเข้าเครื่องสแกนต้องหยิบออกมาไว้นอกกระเป๋านะคะ ไม่งั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราหยิบออกมาให้ดูอยู่ดี แต่บอกว่าของเด็กได้ ไม่ว่าอะไรค่ะ
ตอนรอขึ้นเครื่อง ให้โอกาสลูกปล่อยพลังเต็มที่ค่ะ วิ่งไปวิ่งมา ขึ้นเครื่องจะได้หลับไวๆ555 ช่วงนี้งดนม งดขนมนะคะ เราอยากให้ลูกจุ๊บนมตอนเครื่องขึ้นจะได้ไม่หูอื้อค่ะ
เรียกขึ้นเครื่อง คุณเจ้าหน้าที่ให้บอร์ดแถวผู้โดยสารพิเศษได้เพราะเดินทางกับเด็ก ได้ขึ้นเครื่องก่อนค่ะ ที่นั่งเราขอแถวหน้าสุดไว้แล้ว ที่นั่งกว้างๆแบบนี้เลย เซนไดนั่งกับแม่ริมหน้าต่าง พ่อนั่งตรงกลาง กั้นไว้ไม่ให้ไปกวนคนอื่น
เครื่องขึ้นเด็กงอแงนิดหน่อย บอกลูกว่าถ้าเจ็บหูให้จุ๊บนม ก็เข้าเต้า เรียบร้อย เงียบตลอดการเดินทาง
พอเครื่องขึ้นก็รับแจกถุงยังชีพค่ะ ... มีอาหารบด (ข้าว แครอท เนื้อ) แอปเปิ้ลบด น้ำแอปเปิ้ล ผ้าอ้อมแบบเทป และทิชชูเปียก
ซึ่งเราไม่สามารถใส่ผ้าอ้อมแบบเทปให้ลูกบนโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมได้ค่ะ!! เก็บไปเลย เอาแบบกางเกงที่เราเตรียมมาออกมาเถอะ T T
อาหารบนเครื่องนับว่าโอเคค่ะ ที่ปลื้มปริ่มมากคือมีไอติม Haargen daz T^T เซนไดกินอาหารกับแม่เอา เพราะลูกเลยวัยอาหารบดแล้ว
เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง แวะรับรถเข็นที่หน้าประตูเครื่องค่ะ ไปผ่าน immigration สแกนกระเป๋าใหม่รอบนึง แล้วไปนั่งรอในเกท มีโซนเด็กเล่นเล็กๆให้พอแก้เบื่อได้ เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เรียบร้อย รอเรียกขึ้นเครื่องค่ะ
โซนเด็กเล่นเล็กๆหน้าเกท
ขึ้นเครื่องอีกที เวลาไทย 4 ทุ่ม ลูกขึ้นเครื่องได้ก็หลับ งานนี้หลับยาวถึงญี่ปุ่นเลยค่ะ ท่าหลับนอนของลูกก็จะเมื่อยแม่หน่อยๆประมาณนี้
D1 - Arrival
ถึงฮาเนดะเวลาท้องถิ่นก็ ตี 5 กว่าๆ ออกมารับกระเป๋า ผ่าน ตม. เรียบร้อย แผนเดิมคือ เข้าไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมแล้วออกมาเดินเล่นรอเวลา check in (โรงแรมญี่ปุ่น เวลาเซ็คอินปกติคือบ่าย 3 ค่ะ)
แต่! รอ ตม. นานมากกก ไฟล์ทลงเยอะค่ะ กว่าจะขึ้นรถไฟได้ก็ 7 โมงกว่า คนเยอะสิคะ T T ไม่ไหวจริงๆ สงสารตัวเล็กโดนเบียด ตอนลงเปลี่ยนสายที่ Shinagawa เลยแวะพักก่อน ปล่อยตัวเล็กวิ่งเล่นจน 9 โมง คนน้อยลงแล้วเลยต่อรถไฟไป Ueno
เราเลือกพักที่โรงแรม Hotel New Touhoku ค่ะ เดินสัก 300 เมตรจากสถานีรถไฟ ถึงโรงแรม 10 โมงกว่า ว่าจะขอฝากกระเป๋า แต่พนักงานบอกว่าห้องว่างแล้วนะ เข้าห้องเลยก็ได้ โหหห ดีงามมาก เราเลยเข้าห้อง อาบน้ำ นอนเอาแรงกันก่อน ออกไปเซเว่นข้างโรงแรม ซื้ออาหารเบาๆมากินกันเรวๆก่อนนอน ทานมื้อเช้าตั้งแต่ที่สนามบินตอนหกโมงเริ่มหิวแล้ว 55
เลือกห้องเตียงเดี่ยวแบบนี้ เป็นเตียงเตี้ยๆ เด็กปีนขึ้นลงเองได้ไม่อันตราย โรงแรมนี้ห้องกว้างกว่าโรงแรมทั่วไปในโตเกียวมาก กางกระเป๋าแล้วที่ยังเหลือ
ตื่นมาบ่ายสองกว่าค่ะ (ไดนอนสนุกมาก) ออกไปย่าน Kinshicho ค่ะ เป้าหมายถือไป Akachan Honpo ร้านขายของใช้เด็ก ต้องซื้อผ้าอ้อมให้ไดใช้เพราะเอามาแค่ 5 ชิ้น แหะๆ
Merries ปกติที่ไทย 5-6 ร้อย .. ที่นี่ 1,300 เยนหรือไม่ถึง 400 บาท!! อยากขนกลับจริ๊งง
มื้อเย็นวันนี้ ข้าวหน้าปลาดิบ Sasafune Donmaru ซื้อไปนั่งทานที่สวน Kinshi Park ค่ะ ที่นี่มีสนามเด็กเล่นกว้างๆ บรรยากาศดีๆ ส่วนเซนไดกินข้าวกับไก่ย่างเทอริยากิ
ปล่อยลูกวิ่งเล่น มีความสุขมาก สนามเด็กเล่นมีเป็นโซนเด็กเล็กกับเด็กโตด้วย เครื่องเล่นสภาพดี ปลอดภัยมาก อยากได้สนามเด็กเล่นดีๆแบบนี้แถวบ้านเราจังน๊า
ปล่อยเซนไดเล่นอยู่ชั่วโมงกว่า อากาศเริ่มเย็นก็พากันกลับย่าน Ueno ค่ะ ที่พักใกล้ Ameyoko มาก แวะเดินเล่นกันผ่านๆ ก่อนจะกลับโรงแรมนอน
>>ข้อความเต็มแล้วค่ะ เดี๋ยวต่อในความเห็นนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้