เมื่อเดือนเมษายน ปี 2561 ที่ผ่านมาช่วงกลางเดือนผมได้พาลูกอายุ 2 ขวบกับอีก 7 เดือนไปเทียวประเทศญี่ปุ่นมา ซึ่งก็อยากแชร์ข้อมูลให้คนอื่นได้เก็บไว้เป็น Guide ไว้อีกแนวทางหนึ่งเหมือนกัน ตัวผมเองนั้นได้ไปเทียวกัน 5 คนครับเป็นเพื่อนที่สนิทกัน การเดินทางสัมภาระในบางครั้งก็จะมีเพื่อนมาช่วยด้วยตรงนี้ก็อาจะอธิบายในตอนหน้านะครับว่าดียังไง เนื่องจากมีข้อมูลค่อนข้างหลากหลายเลยขอแยกเป็นหัวข้อๆ เพื่อจะได้เจาะจงรายละเอียดได้ครบนะครับ
จำนวนวันที่เทียว
เริ่มจากจำนวนวันที่เทียวก่อนเลยครับ ตรงนี้จำนวนที่เราจะไปจริงๆ ต้องตัดวันเดินทางออกครับ โดยเฉพาะหากว่าต้องไปต่อเครื่องที่สิงค์โปร์หรือฮ่องกงก่อนกลับถึงบ้านเรานี้ก็ไม่นับว่าเป็นวันเทียวเลยครับ ส่วนตัวผมนั้นไปเทียวทั้งหมด 12 วันรวมเดินทางครับ ไปพักสิงค์โปร์หนึ่งวันทั้งวันไปจากไทยและวันกลับจากญี่ปุ่น เทียวญี่ปุ่นจริงๆ ก็ราวๆ 10 วันถือว่าเยอะมากสำหรับครอบครัวที่มีเด็กไปด้วยเหมือนกันครับ จำนวนวันที่ไปเทียวแต่ละครอบครัวก็อาจจะวางแผนไม่เหมือนกันนะครับ ขึ้นอยู่กับงบประมาณในการเทียว , ความพร้อมของลูก , ความพร้อมของพ่อและแม่ด้วยครับ หากว่าให้แนะนำไปกี่วันดี ผมก็แนะนำได้ว่าหากไปครั้งแรกไปสัก 5-7 วันกำลังดีครับ 3-4 วันอาจจะรู้สึกน้อยไปหน่อยเพราะการพาลูกเดียวเราไม่ได้เทียวโหดมากครับ ในหนึ่งวันของเราจะไปเทียวได้แค่ไม่กี่ที่เท่านั้นเอง เราเลยต้องใช้เวลาเยอะกว่าคนที่ไปเทียวโดยไม่มีเด็กครับ
สายการบินที่นั่ง
ของเล่นของสายการบิน
อาหารบนเครื่อง จะมีทั้ง main course และ appetizer โดยเขาจะมีเมนูอาหารให้เราเลือกครับ
เครื่องเล่นบนเครือง หนัง และ การ์ตูน อัพเดทใหม่พอสมควรครับ
ผมได้บินกับ Singapore Airline ซึ่งสามารถบินตรงจากเชียงใหม่ได้เลยครับ ออกจากเชียงใหม่โดยสารการบิน Silk Air และต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงค์โปรครับ จากนั้นก็บินต่อไปลงที่สนามบินฮาเนดะ ข้อดีของสายการบินนี้คือมีข้าวให้เราครับ จากเชียงใหม่ไปสิงค์โปรก็มีข้าว 1 มื้อและเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายเลย และจากสิงค์โปร์ไปฮาเนดะก็มีข้าวให้อีก 1 มื้อ ขนม และเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง มีเครื่องดื่ม signature เป็น Singapore sling ครับ รสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นน้ำทับทิม ถือว่าอร่อยเลยครับ
ส่วนของเด็กนั้นเขาจะให้แยกมาเป็นข้าวและขนม และน้ำผลไม้สำหรับเด็กเลยครับ ซึ่งอาหารเด็กนี้เราต้องสั่งไว้ในขั้นตอนการจองตั๋วเครื่องบินคับ ทุกครั้งที่เครื่องขึ้นเสร็จสักพักแอร์ก็จะเอาของเล่นมาให้เด็กครับ นอกจากนี้บนเครื่องยังมีเเท็บเล็ตที่เล่นหนัง, ฟังเพลง,ดูการ์ตูนสำหรับเด็ก, เล่นเกม(มีจอยบังคับเกม)ได้ครับ ตรงนี้ช่วยเผาเวลาบนเครื่องได้ดีทีเดียว แต่ตรงนี้ก็บอกเลยว่าถึงจะเผาเวลาได้แค่ไหนก็ต้องมีเบื่อครับ แนะนำให้เตรียมหากิจกรรมบนเครื่องไปให้พร้อม เพราะจากสิงค์โปร์ไปญี่ปุ่นใช้เวลา 7 ชม. เลยครับ แต่จากเชียงใหม่ไปสิงค์โปร์ใช้เวลาประมาณ 3ชม. ส่วนตัวนั้นผมไม่เคยให้ลูกเล่น iPad หรือ Tablet เลยครับ การใช้งานของตัวเครื่องบินก็เพียงพอแล้ว นอกนั้นก็เตรียมพวกสมุดวาดภาพ,สติกเกอร์,ของเล่น,หนังสือไปอ่านครับ หากลูกไม่หลับนี้บอกเลยครับ 7 ชม. บนเครื่องนี้เหนื่อยแทบขาดใจเลย เพราะฉะนั้นทำยังไงก็ได้ให้ลูกได้นอนหลับบนเครื่องให้ได้ครับ สัก 1 ชม. ก็ยังดีเพื่อเราจะได้มีเวลาพักผ่อน ข้อดีของสายการบินนี้คือ อาหารอร่อย , เบาะนั่งสบาย , มีของเล่นสำหรับเด็ก , มีเครื่องดืมหลากหลาย , ห้องน้ำเยอะ ข้อเสียคือเวลาลงเครื่องจะหูอื้อนานมากๆ ไม่เหมือนกับที่เคยนั่งมาก่อนเลย ต้องเตรียมตัวให้ลูกทานนมหรือน้ำให้ได้ ส่วนลูกของผมนี้ร้องไห้ตั้งแต่เตรียมตัวลง จนเครื่องถึงพื้นเลย เพราะกินนมไปแล้วไม่หายปวดหู ส่วนคำแนะนำเรื่องการจะเลือกสายการบินสำหรับเด็กนั้นแนะนำได้แค่ว่า ให้เลือกเครื่องบินลำใหญ่, สายการบินที่น่าเชื่อถือ , ราคาสมเหตุสมผล , มีแจกของเล่นหรือมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ส่วนสุดท้ายนั้นให้ถึงให้เร็วที่สุด เพราะการนั่งเครื่อง 7 ชม. สำหรับเด็กเป็นอะไรที่ทรมานจริงๆ หรือจะใช้วิธีการนั่งไปเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี,ฮ่องกง ก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทานใดอยากรู้วิธีแก้ปัญหาเด็กหูอื้อลองดูที่นี้ได้นะครับ ผมได้เขียนเทคนิคและวิธีการไว้แล้ว https://www.sutenm.com/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b8%8d%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%b6/
สถานที่ท่องเทียว
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับพ่อแม่เป็นหลักเลยครับ เพราะเด็กจะไม่ค่อยอินกับสถานที่ท่องเทียวต่างๆ มากมายนัก จากที่ไปมานั้นลูกผมอินสุดจะเป็น Sanrio Puroland ครับ ถ้าไปเดินชมซากุระ , เดินเทียวริมแม่น้ำชมภูเขาไฟฟูจิลูกผมไม่แม้แต่อยากดูเลยครับ แต่ลองมาดูทริปของผมได้
ส่วนรายละเอียดแผนการเทียวของผมนั้นเป็นแบบนี้ครับ
Day 1
ขึ้นเครื่องจากเชียงใหม่ไปสิงค์โปร์ – ระหว่างรอเครื่องขึ้นที่เชียงใหม่ก็ไปนั่งกิน Snow ที่ WakeUp นั่งเครื่องประมาณ 3 ชม. ครับ Time Zone ต่างกัน 1 ชม. เวลาดูเครื่องลงก็จะงงๆ หน่อยเพราะคิดว่านั่ง 4 ชม. จากนั้นก็นั่งรอรถ Bus เข้าโรงแรมอีกเกือบชม. สุดท้ายกว่าจะถึงห้องก็เกือบๆ 5 ทุ่มได้ เลยหาข้าวเซ่เว่นกินง่ายๆ และนอนพักผ่อนกัน ถึงโรงแรมแรกที่สิงค์โปร์ปัญหาคือลูกร้องไห้อยากกลับบ้านซะแล้ว
Day 2
บินออกจาก Changi Airport Singapore ไปยัง Haneda Airport ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง ตอนไปถึงค่อนข้างดึกมาแล้วไม่มีรถไฟเลยจำเป็นต้องนั่ง Taxi ไปที่พัก จากสนามบินไปแถวๆชินจุกุ ค่า Taxi ราวๆ 10,000 เยน แพงเอาเรื่องเลยครับ วันนี้ได้นอนเกือบๆ ตี 2
Day 3
ตื่นเช้าเพื่อไปนั่งรถบัสไปคาวาคุจิโกะ เราจองบัสไว้ตอน 11 โมงครับ ไปขึ้นบัสที่ห้าง Mark เพราะอ่านรีวิวมาบอกว่าที่นี่คนน้อย เราเลยไปแวะเทียวชิบุย่ากันตั้งแต่ 10 โมง และแน่นอนครับ… ตกรถทัวร์ เลยต้องซื้อตั๋วรถทัวร์ใหม่เลย ใช้เวลาเดินทางไปคาวาคุจิโกะประมาณ 3 ชั่วโมง นอนหลับสบายสุดๆ ครับทั้งรถทัวร์มี 2 กลุ่มที่ไปกัน คือ กลุ่มเรา 5 คนรวมเด็กน้อย และนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือเกาหลีไม่ทราบได้อีก 2 ท่าน รวมแล้ว 7 คนเลยครับที่นั่งมีประมาณ 30 ที่นั่ง นั่งกันสบายมากกก
การขึ้นรถบัส บางท่านอาจจะมองว่าช้ากว่ารถไฟ แต่ผมว่ามันเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กตรงที่เราไม่ต้องยกของย้ายไปมาครับ โดยเฉพาะรถเข็นเด็ก และกระเป๋าเดินทาง เมื่อไปถึงที่ เจ้าของที่พักมารับเราที่สถานีครับ และ พาเราไปซื้อของกินที่ supermarlek ครั้งนี้เราพักกันที่ Lake villa kawaguchiko ครับ ของกินที่ซื้ัอคือเราซื้อกับข้าวไปนั่งทำกินกันที่ที่พัก ซึ่งที่พักของเราเป็นบ้านหลังใหญ่ เจ้าของก็ใจดี และพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ที่สำคัญที่นี่เปิดประตูบ้านมาก็เห็นภูเขาไฟฟูจิเลยครับ จบไปอีกวันที่ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอน ถึงตรงนี้บอกเลยครับ ร่างกายเริ่มไม่ไหว เราต้องสลับกันดูแลลูกด้วยครับ ขอแช่ออนเซ็นดูฟูจิแล้วนอนดีกว่า
วิวภูเขาไฟฟูจิจากหน้าบ้านครับ Lake Villa Kawaguchiko, Fujikawaguchiko, Japan
Lake Villa Kawaguchiko, Fujikawaguchiko, Japan
Lake Villa Kawaguchiko, Fujikawaguchiko, Japan
Day 4
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 ไปดูภูเขาไฟฟุจิ เพราะเจ้าของโรงแรมบอกว่า ตอนตี 4 ฟูจิจะสวยมาก เราก็เลยตื่นไปดูครับ ปรากฎว่า มีเมฆบัง แสงไม่สวย เลยเข้าบ้านไปนอนต่อ ว่าถ้ามีลูกไปด้วยไม่ต้องไปดูเวลานี้ก็ได้ครับ เพราะเราจะต้องเก็บแรงไว้สู้กับความซนของลูกช่วงในกลางวัน นอนไปซักพักตื่นมาอีกที เราไปขึ้นกระเช้ากันครับที่ Mt. Kachi Kachi Ropeway เพื่อดูภูเขาไฟฟุจิจากมุมสูง ผมคิดว่าตรงนี้ไม่น่าพาเด็กมาเท่าไรเลยครับ เพราะเราเอารถเข็นขึ้นไปบนกระเช้าไม่ได้ คิวยาวด้วยครับ เราต่อคิวเฉยๆ ใช้เวลาไปเกือบๆ 1 ชั่วโมงเลยครับ แล้ว จบจากที่นี้ต้องกลับไปพักเลยครับ เพราะเข้าวันที่ 4 แล้วที่แทบไม่ได้นอน ตอนเย็นก็จะไปชมซากุระแต่ก็ไม่ไหวครับ ไปแช่ออนเซ็นแล้วก็กลับมานอนครับ
Mt. Kachi Kachi Ropeway
Day 5
Kogamasao Memorial Park
เป็นวันที่ต้องออกจากคาวาคุจิโกะ เลยพากันไปเดินชมซากุระแถว Kogamasao Memorial Park ครับ ไม่ไกลจากที่พัก ตรงนี้ผมบอกได้เลยตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรสวยเท่านี้มาก่อนในชีวิตครับ เคยเห็นซากุระในทีวี หรือในหนังสือที่เขาถ่ายรูปมามันก็ไม่เหมือนกันเลยครับ อนาคตอยากมาใช้ชีวิตปั่นปลายที่นี้จริงๆ แต่วันนี้เราจะต้องไปที่เมือง Sendai ครับ เพราะไม่งั้นจะพลาดทริปอื่น ซึ่งหลังจากไปเทียวมาอีกหลายๆ ที่ตามแผนที่วางไว้ ผมเสียดายมาก น่าจะพักที่คาวาคุจิโกะต่ออีกวันครับเพื่อชมซากุระ ปีหนึ่งจะเจอที่บานจริงๆ แค่ 1 อาทิตย์เท่านั้นและวันที่ผมไปก็ยังเป็นช่วงอากาศเปิดด้วย มันเป็นภาพที่ประทับใจมากๆ คิดแล้วยังเสียดายไม่หายเลยเพราะไม่แน่ใจว่าไปอีกกี่ปีจะเจอบรรยากาศสวยงามอลังการแบบนี้ เรากลับเข้าโตเดียวด้วยรถบัสอีกเหมือนเดิมครับ แล้วก็นั่งชินกันเซ็นต่อไป Sendai ตอนเย็นก็ออกมาเทียวตลาดที่ไม่ไกลจากสถานี่รถไฟ Sendai ครับ มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมายหลายแบบจริงๆ ที่สำคัญคือเป็นถนนเส้นเดียว ที่มีร้านค้าต่างๆมากมาย แต่ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่อยากได้ก็ยังไม่ต้องซื้อครับเพราะต้องเปลี่ยนที่พักอีก ซึ่งคืนนี้นอนที่ Hotel JAL City Sendai ครับ เดินทางสะดวกติดสถานี Sendai Station เลยครับ
Day 6
Minowa Ski Resort
Lake Inawashiro ทะเลสาบที่สวยมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ไม่มีอะไรเลยนอกจากนกเป็ดน้า
Wakamatsu castle( Tsuruga-jō) ซากุระกำลังบานสะพรั่ง เลยครับ
วันนี้ผมนั่งชินกันเซ็นไปที่เมือง Fukushima ครับ เราเช่ารถขับเทียวครับ เพราะแฟนอยากไปดูกำแพงหิมะที่ Bundai azuma skyline ซึ่งช่วงที่ผมไป เขาบอกว่าจะเปิดให้ขึ้นไปเป็นวันแรกครับ แต่พอถึงวันจริง เขาเลื่อนเปิดซะงั้น เลยไม่รู้ไปไหนดี เลยขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆครับ และแน่นอนครับ ขับรถหลงไปหลงมาครับ ไม่หลงนี่ไม่ใช่นักท่องเทียวเนาะ เราต้องหลงทางกันบ้างเป็นเรื่องปกติ 555 วันนี้ได้ขับรถไป Takayu Onsen , ลานสกี Minowa Ski Resort ,ตามหาซากุระที่ Kannonji River Sakura , Lake Inawashiro , Wakamatsu castle( Tsuruga-jō) เราไปเจอซากุระกำลังฟลูบลูมที่ปราสามแห่งนี้เหมือนกันครับ เป็นดอกสีขาว คิดว่าน่าจะคนละพันธุ์กันกับที่คาวากุจิโกะ แต่ก็สวยมากทีเดียวครับ ซึ่งโดยรวมของวันนี้ก็เป็นการเปิดหูเปิดตาดีโดยเฉพาะลานสกีที่สนุกครับเป็นหิมะแรกของเราสามคนพ่อแม่ลูกเลย วันนี้ก็ไม่เหนื่อยมากจนเกินไปครับเพราะมีรถเลยสบาย แต่ลูกสาวโดนหิมะโดยไม่ได้ตั้งใจ วันนี้เริ่มตัวร้อนและมีน้ำมูกครับ
[CR] เตรียมตัวพาลูก 2 ขวบเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
จำนวนวันที่เทียว
เริ่มจากจำนวนวันที่เทียวก่อนเลยครับ ตรงนี้จำนวนที่เราจะไปจริงๆ ต้องตัดวันเดินทางออกครับ โดยเฉพาะหากว่าต้องไปต่อเครื่องที่สิงค์โปร์หรือฮ่องกงก่อนกลับถึงบ้านเรานี้ก็ไม่นับว่าเป็นวันเทียวเลยครับ ส่วนตัวผมนั้นไปเทียวทั้งหมด 12 วันรวมเดินทางครับ ไปพักสิงค์โปร์หนึ่งวันทั้งวันไปจากไทยและวันกลับจากญี่ปุ่น เทียวญี่ปุ่นจริงๆ ก็ราวๆ 10 วันถือว่าเยอะมากสำหรับครอบครัวที่มีเด็กไปด้วยเหมือนกันครับ จำนวนวันที่ไปเทียวแต่ละครอบครัวก็อาจจะวางแผนไม่เหมือนกันนะครับ ขึ้นอยู่กับงบประมาณในการเทียว , ความพร้อมของลูก , ความพร้อมของพ่อและแม่ด้วยครับ หากว่าให้แนะนำไปกี่วันดี ผมก็แนะนำได้ว่าหากไปครั้งแรกไปสัก 5-7 วันกำลังดีครับ 3-4 วันอาจจะรู้สึกน้อยไปหน่อยเพราะการพาลูกเดียวเราไม่ได้เทียวโหดมากครับ ในหนึ่งวันของเราจะไปเทียวได้แค่ไม่กี่ที่เท่านั้นเอง เราเลยต้องใช้เวลาเยอะกว่าคนที่ไปเทียวโดยไม่มีเด็กครับ
สายการบินที่นั่ง
ของเล่นของสายการบิน
อาหารบนเครื่อง จะมีทั้ง main course และ appetizer โดยเขาจะมีเมนูอาหารให้เราเลือกครับ
เครื่องเล่นบนเครือง หนัง และ การ์ตูน อัพเดทใหม่พอสมควรครับ
ผมได้บินกับ Singapore Airline ซึ่งสามารถบินตรงจากเชียงใหม่ได้เลยครับ ออกจากเชียงใหม่โดยสารการบิน Silk Air และต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงค์โปรครับ จากนั้นก็บินต่อไปลงที่สนามบินฮาเนดะ ข้อดีของสายการบินนี้คือมีข้าวให้เราครับ จากเชียงใหม่ไปสิงค์โปรก็มีข้าว 1 มื้อและเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายเลย และจากสิงค์โปร์ไปฮาเนดะก็มีข้าวให้อีก 1 มื้อ ขนม และเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง มีเครื่องดื่ม signature เป็น Singapore sling ครับ รสชาติออกเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นน้ำทับทิม ถือว่าอร่อยเลยครับ
ส่วนของเด็กนั้นเขาจะให้แยกมาเป็นข้าวและขนม และน้ำผลไม้สำหรับเด็กเลยครับ ซึ่งอาหารเด็กนี้เราต้องสั่งไว้ในขั้นตอนการจองตั๋วเครื่องบินคับ ทุกครั้งที่เครื่องขึ้นเสร็จสักพักแอร์ก็จะเอาของเล่นมาให้เด็กครับ นอกจากนี้บนเครื่องยังมีเเท็บเล็ตที่เล่นหนัง, ฟังเพลง,ดูการ์ตูนสำหรับเด็ก, เล่นเกม(มีจอยบังคับเกม)ได้ครับ ตรงนี้ช่วยเผาเวลาบนเครื่องได้ดีทีเดียว แต่ตรงนี้ก็บอกเลยว่าถึงจะเผาเวลาได้แค่ไหนก็ต้องมีเบื่อครับ แนะนำให้เตรียมหากิจกรรมบนเครื่องไปให้พร้อม เพราะจากสิงค์โปร์ไปญี่ปุ่นใช้เวลา 7 ชม. เลยครับ แต่จากเชียงใหม่ไปสิงค์โปร์ใช้เวลาประมาณ 3ชม. ส่วนตัวนั้นผมไม่เคยให้ลูกเล่น iPad หรือ Tablet เลยครับ การใช้งานของตัวเครื่องบินก็เพียงพอแล้ว นอกนั้นก็เตรียมพวกสมุดวาดภาพ,สติกเกอร์,ของเล่น,หนังสือไปอ่านครับ หากลูกไม่หลับนี้บอกเลยครับ 7 ชม. บนเครื่องนี้เหนื่อยแทบขาดใจเลย เพราะฉะนั้นทำยังไงก็ได้ให้ลูกได้นอนหลับบนเครื่องให้ได้ครับ สัก 1 ชม. ก็ยังดีเพื่อเราจะได้มีเวลาพักผ่อน ข้อดีของสายการบินนี้คือ อาหารอร่อย , เบาะนั่งสบาย , มีของเล่นสำหรับเด็ก , มีเครื่องดืมหลากหลาย , ห้องน้ำเยอะ ข้อเสียคือเวลาลงเครื่องจะหูอื้อนานมากๆ ไม่เหมือนกับที่เคยนั่งมาก่อนเลย ต้องเตรียมตัวให้ลูกทานนมหรือน้ำให้ได้ ส่วนลูกของผมนี้ร้องไห้ตั้งแต่เตรียมตัวลง จนเครื่องถึงพื้นเลย เพราะกินนมไปแล้วไม่หายปวดหู ส่วนคำแนะนำเรื่องการจะเลือกสายการบินสำหรับเด็กนั้นแนะนำได้แค่ว่า ให้เลือกเครื่องบินลำใหญ่, สายการบินที่น่าเชื่อถือ , ราคาสมเหตุสมผล , มีแจกของเล่นหรือมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ส่วนสุดท้ายนั้นให้ถึงให้เร็วที่สุด เพราะการนั่งเครื่อง 7 ชม. สำหรับเด็กเป็นอะไรที่ทรมานจริงๆ หรือจะใช้วิธีการนั่งไปเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี,ฮ่องกง ก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทานใดอยากรู้วิธีแก้ปัญหาเด็กหูอื้อลองดูที่นี้ได้นะครับ ผมได้เขียนเทคนิคและวิธีการไว้แล้ว https://www.sutenm.com/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b8%8d%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%b6/
สถานที่ท่องเทียว
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับพ่อแม่เป็นหลักเลยครับ เพราะเด็กจะไม่ค่อยอินกับสถานที่ท่องเทียวต่างๆ มากมายนัก จากที่ไปมานั้นลูกผมอินสุดจะเป็น Sanrio Puroland ครับ ถ้าไปเดินชมซากุระ , เดินเทียวริมแม่น้ำชมภูเขาไฟฟูจิลูกผมไม่แม้แต่อยากดูเลยครับ แต่ลองมาดูทริปของผมได้
ส่วนรายละเอียดแผนการเทียวของผมนั้นเป็นแบบนี้ครับ
Day 1
ขึ้นเครื่องจากเชียงใหม่ไปสิงค์โปร์ – ระหว่างรอเครื่องขึ้นที่เชียงใหม่ก็ไปนั่งกิน Snow ที่ WakeUp นั่งเครื่องประมาณ 3 ชม. ครับ Time Zone ต่างกัน 1 ชม. เวลาดูเครื่องลงก็จะงงๆ หน่อยเพราะคิดว่านั่ง 4 ชม. จากนั้นก็นั่งรอรถ Bus เข้าโรงแรมอีกเกือบชม. สุดท้ายกว่าจะถึงห้องก็เกือบๆ 5 ทุ่มได้ เลยหาข้าวเซ่เว่นกินง่ายๆ และนอนพักผ่อนกัน ถึงโรงแรมแรกที่สิงค์โปร์ปัญหาคือลูกร้องไห้อยากกลับบ้านซะแล้ว
Day 2
บินออกจาก Changi Airport Singapore ไปยัง Haneda Airport ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง ตอนไปถึงค่อนข้างดึกมาแล้วไม่มีรถไฟเลยจำเป็นต้องนั่ง Taxi ไปที่พัก จากสนามบินไปแถวๆชินจุกุ ค่า Taxi ราวๆ 10,000 เยน แพงเอาเรื่องเลยครับ วันนี้ได้นอนเกือบๆ ตี 2
Day 3
ตื่นเช้าเพื่อไปนั่งรถบัสไปคาวาคุจิโกะ เราจองบัสไว้ตอน 11 โมงครับ ไปขึ้นบัสที่ห้าง Mark เพราะอ่านรีวิวมาบอกว่าที่นี่คนน้อย เราเลยไปแวะเทียวชิบุย่ากันตั้งแต่ 10 โมง และแน่นอนครับ… ตกรถทัวร์ เลยต้องซื้อตั๋วรถทัวร์ใหม่เลย ใช้เวลาเดินทางไปคาวาคุจิโกะประมาณ 3 ชั่วโมง นอนหลับสบายสุดๆ ครับทั้งรถทัวร์มี 2 กลุ่มที่ไปกัน คือ กลุ่มเรา 5 คนรวมเด็กน้อย และนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือเกาหลีไม่ทราบได้อีก 2 ท่าน รวมแล้ว 7 คนเลยครับที่นั่งมีประมาณ 30 ที่นั่ง นั่งกันสบายมากกก
การขึ้นรถบัส บางท่านอาจจะมองว่าช้ากว่ารถไฟ แต่ผมว่ามันเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กตรงที่เราไม่ต้องยกของย้ายไปมาครับ โดยเฉพาะรถเข็นเด็ก และกระเป๋าเดินทาง เมื่อไปถึงที่ เจ้าของที่พักมารับเราที่สถานีครับ และ พาเราไปซื้อของกินที่ supermarlek ครั้งนี้เราพักกันที่ Lake villa kawaguchiko ครับ ของกินที่ซื้ัอคือเราซื้อกับข้าวไปนั่งทำกินกันที่ที่พัก ซึ่งที่พักของเราเป็นบ้านหลังใหญ่ เจ้าของก็ใจดี และพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ที่สำคัญที่นี่เปิดประตูบ้านมาก็เห็นภูเขาไฟฟูจิเลยครับ จบไปอีกวันที่ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอน ถึงตรงนี้บอกเลยครับ ร่างกายเริ่มไม่ไหว เราต้องสลับกันดูแลลูกด้วยครับ ขอแช่ออนเซ็นดูฟูจิแล้วนอนดีกว่า
วิวภูเขาไฟฟูจิจากหน้าบ้านครับ Lake Villa Kawaguchiko, Fujikawaguchiko, Japan
Lake Villa Kawaguchiko, Fujikawaguchiko, Japan
Lake Villa Kawaguchiko, Fujikawaguchiko, Japan
Day 4
วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่ตี 4 ไปดูภูเขาไฟฟุจิ เพราะเจ้าของโรงแรมบอกว่า ตอนตี 4 ฟูจิจะสวยมาก เราก็เลยตื่นไปดูครับ ปรากฎว่า มีเมฆบัง แสงไม่สวย เลยเข้าบ้านไปนอนต่อ ว่าถ้ามีลูกไปด้วยไม่ต้องไปดูเวลานี้ก็ได้ครับ เพราะเราจะต้องเก็บแรงไว้สู้กับความซนของลูกช่วงในกลางวัน นอนไปซักพักตื่นมาอีกที เราไปขึ้นกระเช้ากันครับที่ Mt. Kachi Kachi Ropeway เพื่อดูภูเขาไฟฟุจิจากมุมสูง ผมคิดว่าตรงนี้ไม่น่าพาเด็กมาเท่าไรเลยครับ เพราะเราเอารถเข็นขึ้นไปบนกระเช้าไม่ได้ คิวยาวด้วยครับ เราต่อคิวเฉยๆ ใช้เวลาไปเกือบๆ 1 ชั่วโมงเลยครับ แล้ว จบจากที่นี้ต้องกลับไปพักเลยครับ เพราะเข้าวันที่ 4 แล้วที่แทบไม่ได้นอน ตอนเย็นก็จะไปชมซากุระแต่ก็ไม่ไหวครับ ไปแช่ออนเซ็นแล้วก็กลับมานอนครับ
Mt. Kachi Kachi Ropeway
Day 5
Kogamasao Memorial Park
เป็นวันที่ต้องออกจากคาวาคุจิโกะ เลยพากันไปเดินชมซากุระแถว Kogamasao Memorial Park ครับ ไม่ไกลจากที่พัก ตรงนี้ผมบอกได้เลยตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรสวยเท่านี้มาก่อนในชีวิตครับ เคยเห็นซากุระในทีวี หรือในหนังสือที่เขาถ่ายรูปมามันก็ไม่เหมือนกันเลยครับ อนาคตอยากมาใช้ชีวิตปั่นปลายที่นี้จริงๆ แต่วันนี้เราจะต้องไปที่เมือง Sendai ครับ เพราะไม่งั้นจะพลาดทริปอื่น ซึ่งหลังจากไปเทียวมาอีกหลายๆ ที่ตามแผนที่วางไว้ ผมเสียดายมาก น่าจะพักที่คาวาคุจิโกะต่ออีกวันครับเพื่อชมซากุระ ปีหนึ่งจะเจอที่บานจริงๆ แค่ 1 อาทิตย์เท่านั้นและวันที่ผมไปก็ยังเป็นช่วงอากาศเปิดด้วย มันเป็นภาพที่ประทับใจมากๆ คิดแล้วยังเสียดายไม่หายเลยเพราะไม่แน่ใจว่าไปอีกกี่ปีจะเจอบรรยากาศสวยงามอลังการแบบนี้ เรากลับเข้าโตเดียวด้วยรถบัสอีกเหมือนเดิมครับ แล้วก็นั่งชินกันเซ็นต่อไป Sendai ตอนเย็นก็ออกมาเทียวตลาดที่ไม่ไกลจากสถานี่รถไฟ Sendai ครับ มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมายหลายแบบจริงๆ ที่สำคัญคือเป็นถนนเส้นเดียว ที่มีร้านค้าต่างๆมากมาย แต่ถ้าไม่จำเป็นหรือไม่อยากได้ก็ยังไม่ต้องซื้อครับเพราะต้องเปลี่ยนที่พักอีก ซึ่งคืนนี้นอนที่ Hotel JAL City Sendai ครับ เดินทางสะดวกติดสถานี Sendai Station เลยครับ
Day 6
Minowa Ski Resort
Lake Inawashiro ทะเลสาบที่สวยมากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ไม่มีอะไรเลยนอกจากนกเป็ดน้า
Wakamatsu castle( Tsuruga-jō) ซากุระกำลังบานสะพรั่ง เลยครับ
วันนี้ผมนั่งชินกันเซ็นไปที่เมือง Fukushima ครับ เราเช่ารถขับเทียวครับ เพราะแฟนอยากไปดูกำแพงหิมะที่ Bundai azuma skyline ซึ่งช่วงที่ผมไป เขาบอกว่าจะเปิดให้ขึ้นไปเป็นวันแรกครับ แต่พอถึงวันจริง เขาเลื่อนเปิดซะงั้น เลยไม่รู้ไปไหนดี เลยขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆครับ และแน่นอนครับ ขับรถหลงไปหลงมาครับ ไม่หลงนี่ไม่ใช่นักท่องเทียวเนาะ เราต้องหลงทางกันบ้างเป็นเรื่องปกติ 555 วันนี้ได้ขับรถไป Takayu Onsen , ลานสกี Minowa Ski Resort ,ตามหาซากุระที่ Kannonji River Sakura , Lake Inawashiro , Wakamatsu castle( Tsuruga-jō) เราไปเจอซากุระกำลังฟลูบลูมที่ปราสามแห่งนี้เหมือนกันครับ เป็นดอกสีขาว คิดว่าน่าจะคนละพันธุ์กันกับที่คาวากุจิโกะ แต่ก็สวยมากทีเดียวครับ ซึ่งโดยรวมของวันนี้ก็เป็นการเปิดหูเปิดตาดีโดยเฉพาะลานสกีที่สนุกครับเป็นหิมะแรกของเราสามคนพ่อแม่ลูกเลย วันนี้ก็ไม่เหนื่อยมากจนเกินไปครับเพราะมีรถเลยสบาย แต่ลูกสาวโดนหิมะโดยไม่ได้ตั้งใจ วันนี้เริ่มตัวร้อนและมีน้ำมูกครับ