เทสลา พยายามขอให้รัฐบาลสหรัฐช่วยอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า แต่ทรัมป์ ซึ่งมีนโยบายสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล ปฏิเสธ ทำให้เทสลา ย้ายฐานลงทุนส่วนหนึ่งไปที่จีนซึ่งสนับสนุนแทน
จุดอ่อนของรถไฟฟ้าคือราคาแบต ถ้าจะให้เก็บไฟมากวิ่งได้ไกล ราคาจะแพงขึ้นมหาศาล สูงสุดที่ทำได้ตอนนี้คือ เกือบๆหกร้อยกิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
เมื่อใดที่สามารถทำให้ถึง 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครังเป็นมาตรฐาน ในราคารถที่ใกล้เคียงกับรถขนาดกลาง คือประมาณ 1,500,000 บาท เมื่อนั้น รถไฟฟ้าจะครองโลกทันที
ซึ่งจีนทำได้แล้ว ในเรื่องแบตเตอรรี่ ที่ราคาในอนาคตจะลดลงถึงหนึ่งในสี่
https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9620000046909
ในขณะที่สหรัฐยังคลานต้วมเตี้ยมเรื่องการพัฒนาแบตเตอรี่ ทั้งที่เทสล่า เป็นบริษัทที่จะสู้กับจีนได้ ถ้ารัฐบาลสนับสนุน
บริษัทเกี่ยวกับรถไฟฟ้าในจีนมีนับร้อยบริษัท ในขณะที่สหรัฐมีนับนิ้วได้ และหนึ่งเดียวที่ครองตลาดคือเทสลา ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน
น่าแปลกใจที่ตะวันตก เจ้าตำรับแห่งการคิดค้นนวัตกรรม จะหยุดพัฒนาตัวเองในช่วงสองสามปีนี้ทั้งเรื่องเทคโนโลยีการสือสารและรถยนต์
ในขณะที่ฝั่งเอเชีย ญี่ปุ่น ซึ่งเคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี กลับถูกจีนทิ้งไม่เห็นฝุ่น และยังดึงดันที่จะผลิตรถไฮโดรเจน กับรถตามหลักกลศาสตร์เดิมที่ตัวเองถนัด ชะตากรรมก็ไม่ต่างไปจาก ฟูจิ โกดัก ที่ยังยืนยันว่ากล้องถ่ายรูปแบบกลศาสตร์เจ๋งกว่าดิจิตอล
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า ทำไมตะวันตกจึงพ่ายแพ้ด้านเทคโนโลยีให้กับจีน ที่เริ่มสตาร์ทพัฒนาประเทศหลังจากฝรั่งมาหลายร้อยปี แต่แซงหน้าเฉย
นอกจากแพ้ 5G แล้ว ในอีกสองปีข้างหน้า สหรัฐกับยุโรป จะแพ้จีนเรื่อง รถไฟฟ้า
จุดอ่อนของรถไฟฟ้าคือราคาแบต ถ้าจะให้เก็บไฟมากวิ่งได้ไกล ราคาจะแพงขึ้นมหาศาล สูงสุดที่ทำได้ตอนนี้คือ เกือบๆหกร้อยกิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
เมื่อใดที่สามารถทำให้ถึง 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครังเป็นมาตรฐาน ในราคารถที่ใกล้เคียงกับรถขนาดกลาง คือประมาณ 1,500,000 บาท เมื่อนั้น รถไฟฟ้าจะครองโลกทันที
ซึ่งจีนทำได้แล้ว ในเรื่องแบตเตอรรี่ ที่ราคาในอนาคตจะลดลงถึงหนึ่งในสี่ https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9620000046909
ในขณะที่สหรัฐยังคลานต้วมเตี้ยมเรื่องการพัฒนาแบตเตอรี่ ทั้งที่เทสล่า เป็นบริษัทที่จะสู้กับจีนได้ ถ้ารัฐบาลสนับสนุน
บริษัทเกี่ยวกับรถไฟฟ้าในจีนมีนับร้อยบริษัท ในขณะที่สหรัฐมีนับนิ้วได้ และหนึ่งเดียวที่ครองตลาดคือเทสลา ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน
น่าแปลกใจที่ตะวันตก เจ้าตำรับแห่งการคิดค้นนวัตกรรม จะหยุดพัฒนาตัวเองในช่วงสองสามปีนี้ทั้งเรื่องเทคโนโลยีการสือสารและรถยนต์
ในขณะที่ฝั่งเอเชีย ญี่ปุ่น ซึ่งเคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี กลับถูกจีนทิ้งไม่เห็นฝุ่น และยังดึงดันที่จะผลิตรถไฮโดรเจน กับรถตามหลักกลศาสตร์เดิมที่ตัวเองถนัด ชะตากรรมก็ไม่ต่างไปจาก ฟูจิ โกดัก ที่ยังยืนยันว่ากล้องถ่ายรูปแบบกลศาสตร์เจ๋งกว่าดิจิตอล
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า ทำไมตะวันตกจึงพ่ายแพ้ด้านเทคโนโลยีให้กับจีน ที่เริ่มสตาร์ทพัฒนาประเทศหลังจากฝรั่งมาหลายร้อยปี แต่แซงหน้าเฉย