รีวิวร้าน Aoringo ข้าวแกงกะหรี่สูตรต้นตำรับสไตล์ Home Made เข้าถึงรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ๆย่านใจกลาง กทม.
รีวิวโดยทีมกินแหลกจาก Japanese Club Thailand Facebook Group (yoknipas และ kmhm11 และ ก๊อบ ลิน)
สวัสดีครับ ช่วงนี้สังเกตว่ากระแสข้าวแกงกะหรี่กำลังมา ผมเลยไปลองทำการบ้านมาดูว่ามีร้านไหนที่มีจุดเด่น และเอกลักษณ์ที่น่าเข้าไปรีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันอีกหรือไป และได้เจอกับร้าน Aoringo เข้าครับ ร้านนี้เน้นข้าวแกงกะหรี่สไตล์โฮมเมดเรียบง่ายรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่สำคัญคืออยู่ใจกลางเมืองนี่เอง เดินทางสะดวกมาก ๆ ครับ ดังนั้นอย่าได้รอช้า จึงต้องเข้าไปชืมและมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันครับ
ก่อนจะไปชมรีวิวขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจและชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในประเทศไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ
https://www.facebook.com/groups/onsenthailand
ร้านอาโอรินโกะ (Aoringo) เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ที่มีจุดเด่นที่น้ำแกงกะหรี่ใส่วัตถุดิบมาแบบต้นตำรับญี่ปุ่น เรียบง่าย คงรสชาติแบบ Homemade เอาไว้ ทำให้รสชาติเข้มข้นแต่ไม่เลี่ยน Topping ในแต่ละจานมีเอกลักษณ์และเสิร์ฟมาพอเหมาะ อาหารโดยรวมเสิร์ฟจานใหญ่ อิ่มพอดีในราคาสบาย ๆ ครับ ร้านนี้ได้รับรางวัล Wongnai User's Choice 2017 เป็นร้านที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นในประเทศไทยของปี 2017 ด้วยครับ ปัจจุบันมี 2 สาขา
1.สาขา อาคารธนิยะพลาซ่า ชั้น 2 ใกล้ ๆ กับบีทีเอส ศาลาแดง ถ.สีลม
2.สาขา นิฮอนมูระ ชั้น 2 ในซอย ทองหล่อ 13
วันนี้ผมและเพื่อน ๆ ทีมกินแหลกมารีวิวที่สาขาอาคารธนิยะพลาซ่า ซึ่งเดินทางสะดวกมากครับใช้รถไฟฟ้า BTS ลงสถานี ศาลาแดง ก็เดินเข้าตึกอาคารได้เลย หรือถ้าใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็ลงสถานีสีลม แล้วเดินมาบนทางเชื่อมลอยฟ้าก็ได้ครับ แผนที่ร้านตามนี้ครับ ร้านหาไม่ยาก
เข้ามาทางอาคารฝั่ง BTS Wing ครับ เดินมาก็จะเห็นหน้าร้านสีเขียว ๆ ชัดเลยครับ ลืมบอกไปว่าร้านนี้เค้าเปิดเป็นเวลานะครับ มี 2 รอบคือ 11:00 – 14:30 น. และ 17:00 – 21:00 น.
ชื่อ Aoringo แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ว่า แอปเปิ้ลสีเขียว ตามสัญลักษณ์หน้าร้านเขาเลยครับ ผมเดินดูป้ายหน้าร้าน มีโปรโมชันลดราคาร่วมกับบัตรเครดิต JCB ด้วยนะครับ ลองดูโปรโมชันก่อนได้เลยถ้ามีบัตรก็ประหยัดไปได้อีกครับ
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งรูปแบบคล้ายๆรับประทานอาหารในบ้านแบบญี่ปุ่น เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ใช้ไม้สีโทนเข้ม แสงไฟโทน Warm อกกส้ม ๆ ตกแต่งแนวญี่ปุ่นแบบอนุรักษ์นิยมคล้าย ๆ วินเทจนิด ๆ ครับ
บนโต๊ะจะมีเครื่องเคียงสำหรับรับประทานคู่กับข้าวแกงกะหรี่ 2 อย่างครับ คือ
Rakkyo หัวต้นหอมดอง (สีขาว) จะสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบเวลาเคี้ยว
และ Fukujintsuke รากบัวดอง(สีแดง) รสชาติเข้มข้น เพิ่มรสสัมผัสและความต่างรวมทั้งช่วยตัดเลี่ยน ให้กับการทานข้าวแกงกะหรี่สไตล์ต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ ๆ
ต่อมาลองชมเมนูกันครับ ถ้าภาพไม่ชัดเพื่อนๆสามารถโหลดไฟล์เมนูต้นฉบับได้ตาม Link นี้ครับ
http://aoringohomemadecurry.blogspot.com/p/blog-page.html
เนื่องจากที่นี่คือ ร้านข้าวแกงกะหรี่ ดังนั้นเมนูที่นี่จะเน้นข้าวแกงกะหรี่เป็นส่วนใหญ่ครับ ต่างกันตรงที่ Topping ที่เสิร์ฟมาจะเปลี่ยนไปตามที่เราชอบครับ และยังมีชุดเบนโตะและเมนูทานเล่นให้เลือกบ้างอีกเล็กน้อย สำหรับเนื้อแกงกะหรี่ที่นี่ทั้งหมดเค้าจะใช้ Base เป็นแกงกะหรี่ไก่นะครับ ทำให้รับประทานได้หลากหลาย ใครไม่ทานเนื้อก็รับประทานได้ หรือใครไม่ทานหมูก็รับประทานได้ด้วย ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีเลยครับที่เลือกใช้ไก่อยู่ในซุปแกงกะหรี่
ทางร้านจะมี Special Menu น่าจะสลับกันไปเรื่อย ๆ ช่วงที่ผมไปเป็น ข้าวแกงกะหรี่ราดด้วยไก่ผัดกระเจี๊ยบ สังเกตจากเมนูจะพบว่า ราคา 250 บาท เป็นราคา net แล้ว และอาหารจานหลักจะรวมสลัดและของหวานแล้วด้วย (หรือจะเปลี่ยนเป็นชาหรือกาแฟก็ได้) แถมน้ำเปล่ายังเสิร์ฟฟรีอีก ดังนั้นราคานี้ถือว่าสบาย ๆ เลยครับ ถ้าเทียบกับหลาย ๆ ร้าน
Topping ที่นี่หลากหลายมากครับ ทั้งหมู ไก่ เนื้อ ทะเล ใครชอบแบบไหนก็จัดได้เลย ราคาก็แตกต่างกันไปตามคุณภาพครับ
อย่างที่บอกเมนู Bento ก็มีนะครับจานเดียวได้ครบชุดเลย แต่วันนี้เราพุ่งมาที่แกงกะหรี่ดังนั้นพักเอาไว้ก่อนครับ
ส่วนอาหารทานเล่น มีไม่มาก เช่น สลัด ซุปเย็น ลองสั่งมาชิมดูด้วยครับ จะเป็นอย่างไรต้องติดตาม
ส่วนเครื่องดื่มก็เอาใจคอชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ ครับ ทั้งชา กาแฟ และเบียร์ครับ
จานแรกเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ทางร้านจะเสริฟให้พอดีกับจำนวนผู้ที่เข้ามารับประทานครับ เป็นสลัดผักถ้วยเล็ก ๆ มีผักกาดแก้วและมะเขือเทศลูกเล็ก น้ำสลัดรสชาติดีครับ ราดมาพอประมาณไม่ชุ่ม แต่ให้รสทั่วถึงดีครับ
เมนูแรกที่เราสั่งก็คืออันนี้ครับ สลัดมะเขือเทศครับ ในจานจะประกอบไปด้วยผักกาดแก้ว มะเขือเทศ หอมใหญ่ซอยราดมาด้วยน้ำสลัดสูตรเฉพาะ อย่างนึงที่ประทับใจเลยคือ ตัวมะเขือเทศมีความพิเศษตรงที่ปอกเปลือกและนำไปเชื่อมกับน้ำสลัด ให้ความรู้สึกใหม่และสดชื่นมาก ๆ เหมือนรับประทานผลไม้ที่มีความเปรี้ยวและหวานในตัว
เมนูนี้หลาย ๆ คน อาจจะไม่สั่งเพราะเห็นว่าคล้าย ๆ กับสลัดผักที่จัดมาให้ทุกท่านที่สั่งอาหารจานหลักอยู่แล้ว แต่ผมว่าต้องลองเลยครับ เพราะรสชาติไม่เหมือนกันจริง ๆ ครับ แนะนำครับ
ต่อมาคือ ซุปฟักทองครับ แต่เสิร์ฟมาแบบเย็น ตอนแรกก็แปลกใจครับ เพราะเคยทานแต่ซุปแบบร้อน พอลองชิมดูก็พบว่าแตกต่างครับ เพราะเนื้อซุปข้นมาก รสชาติหวานฟักทอง แต่มีรสเค็มตัด ใครเป็นแฟนฟักทองต้องไม่พลาดครับ
โชว์ให้เห็น ๆ ว่าซุปข้นมาก ๆ ถึงเนื้อฟักทองจริง ๆ ครับ
จานต่อมา ชื่อว่า คาเรไรซ เนื้อผัดซอสยากินิคุ คาเรไรซ ก็คือ ข้าวแกงกะหรี่นั่นเอง จานนี้ส่วนตัวที่ชอบทานเนื้ออยู่แล้วถือว่าดีเลยครับ เนื้อมีความนุ่มและบาง ทำให้เข้ากับน้ำซอสแกงกระหรี่ได้ดี อาจจะมีเลี่ยนบ้างเล็กน้อยด้วยที่เนื้อจะมีความฝืดในตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อกินคู่กับเครื่องเคียงที่เป็นรากบัวและหอมดองที่มีไว้ให้แล้วแก้เลี่ยนได้ดีมากครับ
น้ำแกงกะหรี่ข้น ๆ มีรสไม่จัด หอมเครื่องเทศ จะราดข้าวหรือทานเฉย ๆ ก็ฟินครับ แต่กินมาก ๆ ไปจะรู้สึกเค็มไปนิด ทานกับข้าวหรือ Topping จะกำลังดีกว่าครับ
จานถัดมาเป็นข้าวแกงกะหรี่หมูทอดสอดไส้ชีสครับ ตอนมาเสิร์ฟหอมชีสมาก ๆ ครับ
โชว์กันนิดนึงว่า ชีสเยิ้มขนาดไหน น้ำแกงกะหรี่จะเหมือนกันหมดครับ แต่ตัว Topping จะชูโรงไม่เหมือนกันครับ จานนี้ผมว่ารสชาติดีครับ แต่ยังเป็นรองจานเนื้อนิดนึงครับ
จานต่อมาเป็น Topping ทะเลกันบ้าง เป็นข้าวแกงกะหรี่กับหอยนางรมทอดครับ ให้หอยมา 3 ตัว แต่ตัวใหญ่มากครับ ทานพอดีแน่นอน
อย่างที่บอกครับ หอยนางรมชุบแป้งทอดกรอบนอกนุ่มในครับ ตัวใหญ่ไม่มีกลิ่นคาวเลย ทอดสุกมากำลังดีครับ
จานสุดท้ายเป็นข้าวแกงกะหรี่ปูนิ่มทอดกรอบครับ ให้ปูนิ่มมา 2 ตัวใหญ่เลย
ตัดมาโชว์ 1 ก้ามครับ เพื่อนในกลุ่มชอบทานปูนิ่มมาก ๆ บอกว่าเนื้อนิ่มดีครับ ไม่มีกลิ่นคาว แถมปูที่ให้มายังถือว่าตัวใหญ่อีกด้วยครับ แต่ราคาอาจจะสูงกว่าจานอื่น ๆ สักนิดนึงครับ
วันนี้เราสั่งมาแชร์กันครับ ดังนั้นโชว์ภาพความอร่อยก่อนลงมือลุยกันครับ
หลังจากรับประทานอาหารจานหลักเสร็จ ทางร้านก็ได้นำเสนอของหวานทั้งหมด 2 ชนิดซึ่งเลือกได้ท่านละ 1 อย่างครับ ทางเราเลือกรับเป็น เจลลี่กาแฟและพุดดิ้งนมสด โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาพร้อมกับนมสดและน้ำเชื่อม หากใครจะเปลี่ยนเป็นชาร้อนหรือกาแฟร้อนก็ได้ครับ
เจลลี่กาแฟตอนเสิร์ฟมาเหมือนวุ้นเลยครับ กลัวว่าจะไม่อร่อย แต่ดูรูปร่างแล้วนุ่มและหนึบในตัว เลยลองตักชิมดูครับ ถ้าทานตัวเจลลี่เพียว ๆ จะออกขม ๆ หน่อย แต่มีกลิ่นหอมของกาแฟอยู่
เวลารับประทานเจลลี่กาแฟให้ราดนมสดและน้ำเชื่อมที่ให้มาด้วย จะกลมกล่อมมากครับ ตัวนมสดที่ให้มาราดเข้มข้น หอมและมัน ส่วนตัวประทับใจในนมสดที่ให้มาทานคู่กันมากครับ กินเจลลี่หมดไปแล้ว ยังเทนมมาทานเล่นจนเกือบหมดเหยือกครับ 555+
ส่วนพุดดิ้งนมสด นุ่มนิ่มมีกลิ่นหอมนมอ่อน ๆ โรยหน้าด้วยสับปะรด เพื่อนผมบอกว่าเหมือนเต้าฮวยนมสด ดังนั้นพวกเราเลยเทใจให้กับวุ้นกาแฟกันจนหมดครับ
สรุปแล้ว อิ่มนี้แน่นสุด ๆ เพราะสั่งมา 4 จาน แต่ไปกัน 3 คน ดังนั้นผมว่า 1 คน 1 จาน อิ่มพอดี ๆ เลยครับ ถ้าเป็นเพื่อน ๆ ผู้หญิงไปทานมีแน่นแน่นอน
ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านที่สุดยอดขอเชิญชวนให้มาชิมครับ เพราะทำเลกลางเมือง มาง่ายไปง่าย พนักงานบริการดี แถมราคาถือว่าไม่แพงมากนักและยังชัดเจนไม่มี ++ มาให้กวนใจอีกด้วย ตอนที่นั่งรับประทานอยู่มีคนญี่ปุ่นแวะเวียนเข้ามาเยอะเลยครับ การันตีได้เลยว่าร้านนี้เป็นร้านยอดนิยมของทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นที่ชอบข้าวแกงกะหรี่สไตล์ Home Made แบบเรียบง่ายรสชาติดั้งเดิมและบรรยากาศเหมือนอยู่บ้านที่ญี่ปุ่นครับ
[SR] รีวิวร้าน Aoringo ข้าวแกงกะหรี่สูตรต้นตำรับสไตล์ Home Made เข้าถึงรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ๆย่านใจกลาง กทม.
รีวิวโดยทีมกินแหลกจาก Japanese Club Thailand Facebook Group (yoknipas และ kmhm11 และ ก๊อบ ลิน)
สวัสดีครับ ช่วงนี้สังเกตว่ากระแสข้าวแกงกะหรี่กำลังมา ผมเลยไปลองทำการบ้านมาดูว่ามีร้านไหนที่มีจุดเด่น และเอกลักษณ์ที่น่าเข้าไปรีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันอีกหรือไป และได้เจอกับร้าน Aoringo เข้าครับ ร้านนี้เน้นข้าวแกงกะหรี่สไตล์โฮมเมดเรียบง่ายรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่สำคัญคืออยู่ใจกลางเมืองนี่เอง เดินทางสะดวกมาก ๆ ครับ ดังนั้นอย่าได้รอช้า จึงต้องเข้าไปชืมและมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันครับ
ก่อนจะไปชมรีวิวขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand สำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจและชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในประเทศไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ https://www.facebook.com/groups/onsenthailand
ร้านอาโอรินโกะ (Aoringo) เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ที่มีจุดเด่นที่น้ำแกงกะหรี่ใส่วัตถุดิบมาแบบต้นตำรับญี่ปุ่น เรียบง่าย คงรสชาติแบบ Homemade เอาไว้ ทำให้รสชาติเข้มข้นแต่ไม่เลี่ยน Topping ในแต่ละจานมีเอกลักษณ์และเสิร์ฟมาพอเหมาะ อาหารโดยรวมเสิร์ฟจานใหญ่ อิ่มพอดีในราคาสบาย ๆ ครับ ร้านนี้ได้รับรางวัล Wongnai User's Choice 2017 เป็นร้านที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นในประเทศไทยของปี 2017 ด้วยครับ ปัจจุบันมี 2 สาขา
1.สาขา อาคารธนิยะพลาซ่า ชั้น 2 ใกล้ ๆ กับบีทีเอส ศาลาแดง ถ.สีลม
2.สาขา นิฮอนมูระ ชั้น 2 ในซอย ทองหล่อ 13
วันนี้ผมและเพื่อน ๆ ทีมกินแหลกมารีวิวที่สาขาอาคารธนิยะพลาซ่า ซึ่งเดินทางสะดวกมากครับใช้รถไฟฟ้า BTS ลงสถานี ศาลาแดง ก็เดินเข้าตึกอาคารได้เลย หรือถ้าใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็ลงสถานีสีลม แล้วเดินมาบนทางเชื่อมลอยฟ้าก็ได้ครับ แผนที่ร้านตามนี้ครับ ร้านหาไม่ยาก
เข้ามาทางอาคารฝั่ง BTS Wing ครับ เดินมาก็จะเห็นหน้าร้านสีเขียว ๆ ชัดเลยครับ ลืมบอกไปว่าร้านนี้เค้าเปิดเป็นเวลานะครับ มี 2 รอบคือ 11:00 – 14:30 น. และ 17:00 – 21:00 น.
ชื่อ Aoringo แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ว่า แอปเปิ้ลสีเขียว ตามสัญลักษณ์หน้าร้านเขาเลยครับ ผมเดินดูป้ายหน้าร้าน มีโปรโมชันลดราคาร่วมกับบัตรเครดิต JCB ด้วยนะครับ ลองดูโปรโมชันก่อนได้เลยถ้ามีบัตรก็ประหยัดไปได้อีกครับ
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งรูปแบบคล้ายๆรับประทานอาหารในบ้านแบบญี่ปุ่น เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ใช้ไม้สีโทนเข้ม แสงไฟโทน Warm อกกส้ม ๆ ตกแต่งแนวญี่ปุ่นแบบอนุรักษ์นิยมคล้าย ๆ วินเทจนิด ๆ ครับ
บนโต๊ะจะมีเครื่องเคียงสำหรับรับประทานคู่กับข้าวแกงกะหรี่ 2 อย่างครับ คือ
Rakkyo หัวต้นหอมดอง (สีขาว) จะสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบเวลาเคี้ยว
และ Fukujintsuke รากบัวดอง(สีแดง) รสชาติเข้มข้น เพิ่มรสสัมผัสและความต่างรวมทั้งช่วยตัดเลี่ยน ให้กับการทานข้าวแกงกะหรี่สไตล์ต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ ๆ
ต่อมาลองชมเมนูกันครับ ถ้าภาพไม่ชัดเพื่อนๆสามารถโหลดไฟล์เมนูต้นฉบับได้ตาม Link นี้ครับ http://aoringohomemadecurry.blogspot.com/p/blog-page.html
เนื่องจากที่นี่คือ ร้านข้าวแกงกะหรี่ ดังนั้นเมนูที่นี่จะเน้นข้าวแกงกะหรี่เป็นส่วนใหญ่ครับ ต่างกันตรงที่ Topping ที่เสิร์ฟมาจะเปลี่ยนไปตามที่เราชอบครับ และยังมีชุดเบนโตะและเมนูทานเล่นให้เลือกบ้างอีกเล็กน้อย สำหรับเนื้อแกงกะหรี่ที่นี่ทั้งหมดเค้าจะใช้ Base เป็นแกงกะหรี่ไก่นะครับ ทำให้รับประทานได้หลากหลาย ใครไม่ทานเนื้อก็รับประทานได้ หรือใครไม่ทานหมูก็รับประทานได้ด้วย ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีเลยครับที่เลือกใช้ไก่อยู่ในซุปแกงกะหรี่
ทางร้านจะมี Special Menu น่าจะสลับกันไปเรื่อย ๆ ช่วงที่ผมไปเป็น ข้าวแกงกะหรี่ราดด้วยไก่ผัดกระเจี๊ยบ สังเกตจากเมนูจะพบว่า ราคา 250 บาท เป็นราคา net แล้ว และอาหารจานหลักจะรวมสลัดและของหวานแล้วด้วย (หรือจะเปลี่ยนเป็นชาหรือกาแฟก็ได้) แถมน้ำเปล่ายังเสิร์ฟฟรีอีก ดังนั้นราคานี้ถือว่าสบาย ๆ เลยครับ ถ้าเทียบกับหลาย ๆ ร้าน
Topping ที่นี่หลากหลายมากครับ ทั้งหมู ไก่ เนื้อ ทะเล ใครชอบแบบไหนก็จัดได้เลย ราคาก็แตกต่างกันไปตามคุณภาพครับ
อย่างที่บอกเมนู Bento ก็มีนะครับจานเดียวได้ครบชุดเลย แต่วันนี้เราพุ่งมาที่แกงกะหรี่ดังนั้นพักเอาไว้ก่อนครับ
ส่วนอาหารทานเล่น มีไม่มาก เช่น สลัด ซุปเย็น ลองสั่งมาชิมดูด้วยครับ จะเป็นอย่างไรต้องติดตาม
ส่วนเครื่องดื่มก็เอาใจคอชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ ครับ ทั้งชา กาแฟ และเบียร์ครับ
จานแรกเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ทางร้านจะเสริฟให้พอดีกับจำนวนผู้ที่เข้ามารับประทานครับ เป็นสลัดผักถ้วยเล็ก ๆ มีผักกาดแก้วและมะเขือเทศลูกเล็ก น้ำสลัดรสชาติดีครับ ราดมาพอประมาณไม่ชุ่ม แต่ให้รสทั่วถึงดีครับ
เมนูแรกที่เราสั่งก็คืออันนี้ครับ สลัดมะเขือเทศครับ ในจานจะประกอบไปด้วยผักกาดแก้ว มะเขือเทศ หอมใหญ่ซอยราดมาด้วยน้ำสลัดสูตรเฉพาะ อย่างนึงที่ประทับใจเลยคือ ตัวมะเขือเทศมีความพิเศษตรงที่ปอกเปลือกและนำไปเชื่อมกับน้ำสลัด ให้ความรู้สึกใหม่และสดชื่นมาก ๆ เหมือนรับประทานผลไม้ที่มีความเปรี้ยวและหวานในตัว
เมนูนี้หลาย ๆ คน อาจจะไม่สั่งเพราะเห็นว่าคล้าย ๆ กับสลัดผักที่จัดมาให้ทุกท่านที่สั่งอาหารจานหลักอยู่แล้ว แต่ผมว่าต้องลองเลยครับ เพราะรสชาติไม่เหมือนกันจริง ๆ ครับ แนะนำครับ
ต่อมาคือ ซุปฟักทองครับ แต่เสิร์ฟมาแบบเย็น ตอนแรกก็แปลกใจครับ เพราะเคยทานแต่ซุปแบบร้อน พอลองชิมดูก็พบว่าแตกต่างครับ เพราะเนื้อซุปข้นมาก รสชาติหวานฟักทอง แต่มีรสเค็มตัด ใครเป็นแฟนฟักทองต้องไม่พลาดครับ
โชว์ให้เห็น ๆ ว่าซุปข้นมาก ๆ ถึงเนื้อฟักทองจริง ๆ ครับ
จานต่อมา ชื่อว่า คาเรไรซ เนื้อผัดซอสยากินิคุ คาเรไรซ ก็คือ ข้าวแกงกะหรี่นั่นเอง จานนี้ส่วนตัวที่ชอบทานเนื้ออยู่แล้วถือว่าดีเลยครับ เนื้อมีความนุ่มและบาง ทำให้เข้ากับน้ำซอสแกงกระหรี่ได้ดี อาจจะมีเลี่ยนบ้างเล็กน้อยด้วยที่เนื้อจะมีความฝืดในตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อกินคู่กับเครื่องเคียงที่เป็นรากบัวและหอมดองที่มีไว้ให้แล้วแก้เลี่ยนได้ดีมากครับ
น้ำแกงกะหรี่ข้น ๆ มีรสไม่จัด หอมเครื่องเทศ จะราดข้าวหรือทานเฉย ๆ ก็ฟินครับ แต่กินมาก ๆ ไปจะรู้สึกเค็มไปนิด ทานกับข้าวหรือ Topping จะกำลังดีกว่าครับ
จานถัดมาเป็นข้าวแกงกะหรี่หมูทอดสอดไส้ชีสครับ ตอนมาเสิร์ฟหอมชีสมาก ๆ ครับ
โชว์กันนิดนึงว่า ชีสเยิ้มขนาดไหน น้ำแกงกะหรี่จะเหมือนกันหมดครับ แต่ตัว Topping จะชูโรงไม่เหมือนกันครับ จานนี้ผมว่ารสชาติดีครับ แต่ยังเป็นรองจานเนื้อนิดนึงครับ
จานต่อมาเป็น Topping ทะเลกันบ้าง เป็นข้าวแกงกะหรี่กับหอยนางรมทอดครับ ให้หอยมา 3 ตัว แต่ตัวใหญ่มากครับ ทานพอดีแน่นอน
อย่างที่บอกครับ หอยนางรมชุบแป้งทอดกรอบนอกนุ่มในครับ ตัวใหญ่ไม่มีกลิ่นคาวเลย ทอดสุกมากำลังดีครับ
จานสุดท้ายเป็นข้าวแกงกะหรี่ปูนิ่มทอดกรอบครับ ให้ปูนิ่มมา 2 ตัวใหญ่เลย
ตัดมาโชว์ 1 ก้ามครับ เพื่อนในกลุ่มชอบทานปูนิ่มมาก ๆ บอกว่าเนื้อนิ่มดีครับ ไม่มีกลิ่นคาว แถมปูที่ให้มายังถือว่าตัวใหญ่อีกด้วยครับ แต่ราคาอาจจะสูงกว่าจานอื่น ๆ สักนิดนึงครับ
วันนี้เราสั่งมาแชร์กันครับ ดังนั้นโชว์ภาพความอร่อยก่อนลงมือลุยกันครับ
หลังจากรับประทานอาหารจานหลักเสร็จ ทางร้านก็ได้นำเสนอของหวานทั้งหมด 2 ชนิดซึ่งเลือกได้ท่านละ 1 อย่างครับ ทางเราเลือกรับเป็น เจลลี่กาแฟและพุดดิ้งนมสด โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาพร้อมกับนมสดและน้ำเชื่อม หากใครจะเปลี่ยนเป็นชาร้อนหรือกาแฟร้อนก็ได้ครับ
เจลลี่กาแฟตอนเสิร์ฟมาเหมือนวุ้นเลยครับ กลัวว่าจะไม่อร่อย แต่ดูรูปร่างแล้วนุ่มและหนึบในตัว เลยลองตักชิมดูครับ ถ้าทานตัวเจลลี่เพียว ๆ จะออกขม ๆ หน่อย แต่มีกลิ่นหอมของกาแฟอยู่
เวลารับประทานเจลลี่กาแฟให้ราดนมสดและน้ำเชื่อมที่ให้มาด้วย จะกลมกล่อมมากครับ ตัวนมสดที่ให้มาราดเข้มข้น หอมและมัน ส่วนตัวประทับใจในนมสดที่ให้มาทานคู่กันมากครับ กินเจลลี่หมดไปแล้ว ยังเทนมมาทานเล่นจนเกือบหมดเหยือกครับ 555+
ส่วนพุดดิ้งนมสด นุ่มนิ่มมีกลิ่นหอมนมอ่อน ๆ โรยหน้าด้วยสับปะรด เพื่อนผมบอกว่าเหมือนเต้าฮวยนมสด ดังนั้นพวกเราเลยเทใจให้กับวุ้นกาแฟกันจนหมดครับ
สรุปแล้ว อิ่มนี้แน่นสุด ๆ เพราะสั่งมา 4 จาน แต่ไปกัน 3 คน ดังนั้นผมว่า 1 คน 1 จาน อิ่มพอดี ๆ เลยครับ ถ้าเป็นเพื่อน ๆ ผู้หญิงไปทานมีแน่นแน่นอน
ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านที่สุดยอดขอเชิญชวนให้มาชิมครับ เพราะทำเลกลางเมือง มาง่ายไปง่าย พนักงานบริการดี แถมราคาถือว่าไม่แพงมากนักและยังชัดเจนไม่มี ++ มาให้กวนใจอีกด้วย ตอนที่นั่งรับประทานอยู่มีคนญี่ปุ่นแวะเวียนเข้ามาเยอะเลยครับ การันตีได้เลยว่าร้านนี้เป็นร้านยอดนิยมของทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นที่ชอบข้าวแกงกะหรี่สไตล์ Home Made แบบเรียบง่ายรสชาติดั้งเดิมและบรรยากาศเหมือนอยู่บ้านที่ญี่ปุ่นครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้