ไป ไปเถอะ ไปแอ่ว จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่

กระทู้สนทนา

ไป ไปเถอะ ไปแอ่ว จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ( ตอน 1 )

      เราทั้งหมด 8 คน ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวเชียงราย เชียงใหม่กันระหว่าง วันที่ 14 - 18   พฤษภาคม 2562 ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นเชียงรายเชียงใหม่ ทั้ง ๆ ที่อากาศก็ร้อนซะขนาดนั้น
       เหตุที่ไปเชียงราย เชียงใหม่นั้น เรื่องก็มีอยู่ว่าวันหนึ่งตอนกลางเดือนมีนาคม  พวกเรา 8 คน ( ความจริงแล้วพวกเรา จะมีนัดกินข้าวกลางวัน กัน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แล้วแต่สะดวก..) หลังกินข้าวเราก็คุยกันสารพัดเรื่องแล้วมาจบที่เรื่องหมูป่า ติดถ้ำ มีคนถามว่าใครได้สิทธิ์สร้างหนังหมูป่า เราเลยบอกว่า สรุปแล้ว บริษัท   SK GLOBAL ENTERRAINMENT สหรัฐ ได้สิทธิสร้างหนัง 13 หมูป่า เพราะให้ผลประโยชน์สูงสุด ( ...ตอนนี้ทีมหมูป่าเขารวยแล้วเดินทางรอบโลก go inter ..แล้ว... มีผู้เสนอขอทำหนังหมูป่า หลายบริษัท รวมทั้ง ริท สแตนตัน นักดำน้ำชาวอังกฤษ ที่ช่วยเหลือทีมหมูป่า..) มีคนเสนอว่าอย่างงั้นเราต้องไปถ้ำหลวง ทุกคนเห็นต้วย แล้วตกลงว่าต้องไปทั้ง เชียงราย เชียงใหม่ มติเอกฉันท์ ทั้งหมดตกที่เรา ...
     ทำไมถึงต้องเป็นเรา เพราะทั้งหมด 8 คนเป็นรุ่นพี่ เวลาทำอะไรต้องน้องเป็นคนทำ ..ตกลงตามนั้น ก่อนอื่นต้องหาวันที่จะไปแน่นอนก่อน เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน มีแย้งว่าร้อนบ้าง PM 2.5 บ้าง แต่เอาเป็นว่า พฤษภาคม ที่ทุกคนว่าง (ทั้งที่เดือนนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวภาคเหนือ ) เลือกวันได้แล้ว คือ 13 - 18 พฤษภาคม เดินทางไป-กลับด้วยรถไฟตู้นอน เราก็ต้องหาข้อมูล รถตู้เชียงใหม่ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่เที่ยว (...พี่ไม่ทำอะไรหรอก..สั่งอย่างเดียว..จร้า...ล้อเล่น )
      เปลี่ยนอีกแล้วจร้า....วันหนึ่งพี่บุญศรี (เพื่อนพี่เขียว ) มาหาพี่เขียว ( พี่เขียวเป็น ผอ.บริษัทท่องเที่ยวของเรา ...ส่วนเราเป็น Co-chairman มั้ง..หรือเรียกง่าย ๆ ว่า..เบ้ ...เรียกโก้ ๆ ก็คือ หัวหน้าไกด์.. อิอิ..ตั้งกันสนุกสนุก..) บอกว่าเพิ่งกลับจากเชียงราย เชียงใหม่มาเส้นทางจากเชียงใหม่ไปเชียงรายกำลังปรับปรุงรถติดมาก ให้เปลี่ยนไปเครื่องบินเถอะ ลงเชียงราย แล้วให้รถตู้ไปรับที่เชียงราย ดังนั้นตกลงไปเครื่องบิน เช้าสุด วันที่ 14 พฤษภาคม และกลับรถตู้นอน 18 พฤษภาคม ตามเดิม (โชคดีนะ ที่ยังไม่ได้จองตั๋ว..)
      กองทัพเดินด้วยงบประมาณ เรียกระดมงบคนละ 2,500.- เพราะต้องจองตั๋วเครื่องบิน   ตั๋วรถไฟ ค่ามัดจำโรงแรม ทั้งหมดเราเป็นคนตัดสินใจ ตั้งแต่ search ข้อมูลรถตู้เชียงใหม่ ( ดูอะไรบ้างล่ะ ประวัติการจ้าง โทรฯคุยข้อตกลง..) เลือกได้รถตู้บริษัท Lor Tid Din (..ล้อติดดิน..ดูแล้ว profile และสัมภาษณ์น่าจะ ok สุด) จบเรื่องรถตู้ คราวนี้มาโรงแรม เชียงราย   2 คืน และเชียงใหม่. 2. คืน เราต้องคิดเส้นทางก่อน เริ่มที่เชียงราย เลาะมาเชียงใหม่ มาดูแผนที่กันก่อน

เส้นทางของเราคือ เชียงราย อ.เมือง (เครื่องลง สนามบินแม่ฟ้าหลวง อยู่ใน อ.เมือง ) ต่อไปแม่ฟ้าหลวง แม่สาย เข้าเชียงใหม่ ฝาง ไชยปราการ เมืองเชียงใหม่. เส้นทางเชียงรายจะขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะต้องไปจบถ้ำหลวง. (..แม่สาย..) เข้า ฝาง. แล้วไป ไชยปราการ ( Hinoki land..) เมื่อตกลงเรียบร้อย (..เราคิดเอง..เออเอง..). รีบจองตั๋าเครื่องบิน. 8. คน + ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้. 60 kg. คาดว่าเพียงพอ. เราจองโรงแรมตามเส้นทางไว้เรียบร้อย พร้อมกับจ่ายมัดจำด้วย โรงแรมที่เมืองเชียงรายคือ Hop inn ส่วนที่แม่สายคือ The Room@ Mae Sai. ส่วนที่เชียงใหม่ เริ่มจากฝาง. Ton Fang Hotel และคืนสุดท้ายในเมืองเชียงใหม่. Hinoki Hotel

แต่ตอนนี้ เราจะไม่อยู่ ( ...เดินทางไปแคชเมียร์.. 6 - 17. เมษายน ..) จึงต้องฝากการจองตั๋วรถไฟ ตู้นอนพิเศษ ( อุตราวิถี. เชียงใหม่ - กรุงเทพ )ให้พี่เขียว (..ผู้จัดการทัวร์ดำเนินงานต่อ..)

ผู้จัดการได้ดำเนินการจองตั๋วรถไฟเรียบร้อย...ขอบคุณนะ...

รายงานตัว สมาชิกทัวร์ จากซ้ายไปขวา พี่แต๋ว. พี่หนุ่ย. พี่แดง. เรา (หัวหน้าทัวร์..รึเปล่านะ..) พี่แอด. พี่นิด. พี่เขียว ( ผอ.บริษัททัวร์)..พี่หมู

วันที่ 1 เริ่ม ดอนเมือง ถึงเชียงราย ( DonMueang Airport to Chiangrai )

ก่อนจะเดินทางไปดอนเมืองนัดกันวุ่นวายว่าจะไปอย่างไรกัน (บ้านอยู่อยุธยา) เราเลยบอกว่าไปรถไฟเที่ยว 5.27 ไปถึงดอนเมือง. 6.29. จะว่าถือว่า late พอสมควร เพราะต้อง check in ก่อนเวลาเครื่องออก 2 h.นี่ต้อง check กับตู้อัตโนมัติอีก คนก็เยอะมาก เสียงโทรศัพท์เข้าอีก เลยรีบยื่นโทรศัพท์ให้พี่เขียวพูด. เรารีบไป. check in แถมพอเข้าคิว บางคนที่อยู่ด้านหน้าเงอะง่ะ ทำไม่ค่อยถูก. ..ตายตาย..อ้ายหวังตายแน่. ..(..เพิ่มตู้ check in อีกดีไหม..Air Asia)...พี่ ๆทั้ง 7 ก็มองจ้องตาเป็นมันอยู่...

คนไปรถไฟมีเรา พี่เขียว. พี่หนุ่ย. พี่แอด และพี่แต๋ว นอกนั้นเจอกันที่สนามบิน (ไปเอง..) เห็นพวกพี่ลากกระเป๋าเดินทางขึ้นรถไฟ ดูไปก็น่าสงสาร ส่วนเรากระเป๋าใบเล็ก กะเป้. พอถึงสนามบินแล้ว เนื่องจาก fight 8.30 เช้า เราเลยต้องรีบมากไป check in ที่ตู้อัตโนมัติ เอา tag ติดกระเป๋าและ boarding pass เรียบร้อยก็ queue ให้เจ้าหน้าที่ load กระเป๋า เรา print. tag มา 9 ใบ ติดกระเป๋าไป 8 คน (. 8. กระเป๋า...ทุกครั้งที่ไปกับเพื่อน. 4. คน. ซื้อน้ำหนัก. 20. Kg แต่ load แล้วจะได้เพียง 13 kg บ้าง 12 kg บ้าง...ครั้งนี้ชะล่าใจ...) กะว่า จะ load. เป้. ไปด้วยแต่แล้วอนิจจา กระเป๋า. 8 ใบ. 60.2 kg. พอดี เป็นอันว่าเป้เป็นของเราแบกไปเถอะ...

ต่อไป เข้าตรวจกระเป๋าขึ้นเครื่อง...อนิจจาเป้เรา เกิดเรื่องแล้วซิเพราะในเป้มีมีดพับของเยอรมัน และน้ำมันใส่ผม. เครื่อง scan มองเห็น. ...ทำไมเราถึงโชคร้ายล่ะ...เพราะเป้ใบเล็กน้ำหนักน้อย. แต่แรกเราก็คิดว่าจะ load. อย่างเดียว เลยลืมเรื่องมีดกับน้ำมันใส่ผม. เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม เราเสียดายมีดมากเพราะเพื่อนเพิ่งให้จากเยอรมัน...ถึงเวลาต้องพรากจากกันชั่วนิรันดร์. ...เจ้าหน้าที่จะให้ไป load กระเป๋าใหม่ เราบอกไปไม่ได้แล้วน้ำหนักเกิน ผลที่สุดต้องตัดใจลงถังขยะ. เศร้า...อยู่พัก...พี่นิดบอก. ไม่ตายเราหามีดได้ใหม่ (..ก็มันไม่ใช่เล่มนี้นะ...)

และแล้วก็ถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง (เชียงราย...).พอก้าวเท้าเข้าไปในสนามบินแม่ฟ้าหลวง จะได้ยินเสียงเพลงสล้อซอซึงอันแสนไพเราะ( ทำให้เราเคลิ้ม..) นึกว่าต้วเองเป็นแม่ญิงล้านนา...ฝันล่ะ..รับกระเป๋ารีบโทร!หาต้า คนขับรถตู้ที่นัดหมายไว้. ต้าช่วยยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นรถเรียบร้อย. ไปกินข้าวกัน (มื้อแรกที่เชียงราย.. ร้านเป็ดย่างรสทิพย์) แล้วไปวัดร่องฃุน

จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของสยาม. มีประชากร 1,292,130 คน (ข้อมูล พ.ศ.2561) ทิศเหนือ และตะวันออกติดกับพม่าและลาว. ทิศใต้ ติดกับจังหวัดพะเยาและลำปาง ทิศตะวันตกติดเชียงใหม่. กล่าวว่า พญามังรายสร้างเมืองเวียงไชยนารายณ์ (เชียงราย) ตั้งแต่ปี พศ. 1805 สภาพอากาศ อุณหภูมิเฉลี่ย 24 C. ตลอดปี เนื่องด้วยวัฒนธรรมอันสวยงามและธรรมชาติยังสมบูรณ์ ประชาชนเป็นมิตรทำให้เขียงรายเป็นจังหวัดที่เป็น. Destination ของทุกคน

วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ที่บ้านร่องขุ่น อ.เมือง เชียงรายสร้างขึ้นมาในปี พ.ศ.2540. โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์. ได้ปวารนาที่จะสร้างวัดบ้านเกิดเพื่ออุทิศให้กับพระพุทธศาสนา โดยแรงบันดาลใจจาก 3 สิ่ง คือ ชาติ. ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มุ่งหมายให้เป็นสวรรค์บนดินที่มนุษย์สัมผัสได้

เมื่อถึงวัดร่องขุ่น มีนักท่องเที่ยวคนไทยน้อย มีคนจีนมากกว่า แต่ไม่หนาแน่นนัก. โบสถ์วัดร่องขุ่นสวยงามมากสีเงิน ต้องกับแสงอาทิตย์เป็นประกายวาววามเขาถึงพูดกันว่าต้องไปสัมผัสด้วยตาสักครั้งในชีวิต (..ไปมาหลายครั้งแล้ว...ถ้าใครไม่ไปตายไปจะนอนตายตาไม่หลับแน่.หรือไม่ก็ตากลับข้างเดียว..). หลังจากนั้นพวกเราต้องรอชมพิพิธภัณฑ์ งานศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัย. โชคไม่ดีนิดหนึ่งช่วงที่ไปถึงนั้นปิดเที่ยงพอดี ต้องรอจนถึง 13.30 น พิพิธภัณฑ์เปิดจึงได้เข้าไปชมได้แต่ห้ามถ่ายรูป. งานศิลปเกือบ 100% เป็นผลงานของอาจารย์. ดูไปก็สวยดี...ชอบ

เมื่อเสพงานศิลป์ แบบผู้มีศิลป์ในหัว..( หัวใจ. ). แล้ว ถึงเวลาชอป สินค้ารอบ ๆ ด้านหน้าของวัด(ตอนแรกก็งง..ว่าที่นี่เป็นวัดหรือเปล่า มองไม่เห็นพระ...แต่เจ้าหน้าที่บอกมีพระประจำอยู่ที่กุฏิด้านหลัง..) ขาชอป. ได้ของ กันได้ตามชอบ...ได้เวลาพอสมควรเดินทางต่อไป ไร่สิงห์( Singha. Park) ไร่สิงห์ กับวัดร่องขุ่น ไม่ไกลจากกันมากนัก ขับรถ. 10 นาที ก็ถึงแล้วไร่สิงห์เดิมชื่อไร่บุญรอดแม่กรณ์ ตั้งเมื่อ พศ.2526 โดย คุณปิยะ ภิรมย์ภักดี เมื่อไปถึงเรารีบไปถามข้อมูลเรื่องการขึ้นรถไฟฟ้าชมไร่. แต่รถออกเวลา 15.00นน เราต้องรอ 30 นาที พี่ทั้งหลายบอกไม่ต้องดูแล้ว ขึ้นรถเราชมดีกว่า (..ไม่เสียตังค์). แต่กว่าจะขึ้นรถ ปรากฏว่าติดใจต้นหางนกยูงดอกบานสะพรั่งสีส้มแดง ซะแล้ว ( พวกนางแบบ..) ทำให้ตากล้องกดชัตเตอร์ไม่ทัน

หลังจากนั้นก็ขับรถวนรอบไร่สิงห์. แต่ที่สังเกตได้คือนักท่องเที่ยวมีน้อยมาก. หรือเราไปเย็นแล้ว...ต่อไปรีบไปวัดห้วยปลากั้ง ก่อนไปวัดแวะ check in โรงแรมก่อนแล้วรีบไปวัด (เพราะวันนี้มีอีก 2 วัด ). วัดห้วยปลากั้งตั้งอยู่ที่ตำบลริมกก ไม่ไกลจากตัวเมืองนักเป็นวัดที่อยู่ในทำเลที่สวยงามตั้งอยู่บนเนินเด่น มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่เป็นตึก วัดตั้งขึ้นเมื่อปี พศ. 2544 เดิมเป็นสำนักสงฆ์ จนปี พศ. 2548. อาจารย์พบโชค. ติสสวโส. ได้มาปฏิบัติธรรมและเริ่มก่อสร้างศาสนวัตถุ. ปี พศ.2552 ได้การประกาศแต่งตั้งเป็นวัด. แต่ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ (เหมือนกันทุกวัดในเมืองไทย ถ้ามีพุทธศาสนิกชนศัทธา เงินมาก จะสร้างไม่หยุด...รำพึง..คร่า..). เมื่อไปถึง พวกเราก็ไปขึ้นรถไฟฟ้าด้านหน้าพาไปยังเจ้าแม่กวนอิม แล้วขึ้น lift ( เสียตังค์..) ไปถึงชั้น 26.ชมความงามของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมในอริยบทต่าง ๆ เดินต่อไป ถึงชั้น 29 จะมีรูปปั้น(ต่อตอน 2)