ตอนที่ 6  ตอนสุดท้าย
รูปจะค่อนข้างเยอะเพราะเราประทับใจที่ประเทศนี้มาก

อ่านตอนที่ 1 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/38844278
อ่านตอนที่ 2 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/38848195
อ่านตอนที่ 3 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/38855047
อ่านตอนที่ 4 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/38859745
อ่านตอนที 5 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/38866102

เราบินจากปารีสมาลงที่กรุง Amman ก่อนล่วงหน้า 1 วันเพื่อมารอไปกับทัวร์ National Geographic ทัวร์พาเราเดินทางกันด้วยรถบัสรวม 7 วัน สถานที่ท่องเที่ยวที่นี่เราแนะนำให้คนที่มีวันลาพักผ่อนจำกัดแต่อยากมาเห็นอะไรที่มีครบทุกรสพร้อมทั้งประวัติศาสตร์ที่จดจำไม่ไหวอีกมากมายก็ต้องที่นี่เลยค่ะ ทัวร์จะพาเราดูและสัมผัสอะไรแต่งต่างกันออกไปดังนี้ Citadel, Jarash, Mt Nebo, Petra, Little Petra, Wadi Rum, Dead Sea and the Bethany ทัวร์นี้จะเป็นกรุ๊ปเล็ก ๆ เพียงประมาณ 16 คนเท่านั้น จะมีที่พักให้ อาหารเช้าทุกมื้อ อาหารกลางวันและเย็นเป็นบางมื้ออาหารอร่อยมากเหมือนกันข้าวหมกไก่บ้านเรา ไกด์บอกว่าผู้คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้เกือบทั้งประเทศค่ะ

เริ่มต้นทัวร์กันที่ Citadel ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมือง Amman city เมืองนี้สันนิษฐานว่ามีคนอยู่มาสมัย Neolithic มีโบสถ์ของ Hercules และมีรูปปั้นมือของ Hercules วางให้เห็นอีกด้วย  (อ่านเพิ่มเอาในเน็ตนะคะ)
ลักษณะบ้านเมืองของประเทศจอร์แดน (เหมือนรังปลวก)
Hercules temple at Citadel.
นิ้วของเทพเจ้า Hercules สมัยก่อนรูปปั้นเต็มตัวคงจะเป็นรูปปั้นที่มโหฬารมาก
อัฒจรรย์ซึ่งอยู่ติดกับบ้านเมืองผู้อยู่อาศัย 
ต่อจากนั้นก็พากันไปที่เมือง Jarash สร้างโดยชาวโรมันประมาณปี 7500-5500BC เมืองนี้ยังอยู่ในบริเวณ Amman City ค่ะ สภาพของทั้งเมืองเกือบสมบูรณ์ ไกด์เล่าว่าสาเหตุที่ยังเห็นในสภาพดีอยู่นี้เพราะเมื่อเกิดแผ่นดินไหว้ในปี 729AD ทั้งเมืองโดนทรายถมทับซึ่งเป็นการถนอมเมืองเข้าไว้ให้พวกเราได้ชมกันถึงทุกวันนี้
    ถนนเส้นนี้ยาว 2.5 กม.มีเสาหินตลอดระยะทาง

หลังจากนั้นก็ขับรถออกจากเมืองเพื่อที่จะไป Mt Nebo ซึ่งชาวท้องถิ่นเชื่อว่าโมเสสพูดไว้ว่าจะตายเมื่อได้มาเห็น the promised land in the distance ในพระคัมภีร์  ที่บนนี้มีโบสถ์และยังเชื่อกันว่าโมเสสถูกฝังอยู่ใต้โบสถ์นี้ด้วย ระยะทางที่ขับกันมาก็เป็นทะเลทราย ดูแห้งแล้วค่ะ

ข้างหลังภาพไม้กางเขนนี้คือ The promised land

โบสถ์ที่เชื่อกันว่าโมเสสถูกฝังไว้ใต้นี้

กระเบื้องโมเสคอายุเก่าแก่ภายในพิพิธภัณท์

หลังจากนั้นก็เดินทางลงมาเพื่อจะไปยังเมืองเพตรา

Petra มีชื่อเล่นว่าเมืองสีชมพูเป็นเมืองค้าขายของชาวเผ่า Nubadene แต่ต้องถูกทิ้งล้างไปเมื่อโดนแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 3 ที่นี่มีการเปิดให้ดู Petra by night ด้วย เราไปดูมาแต่คิดว่าไม่คุ้มค่าออกจะมืดมากมองแทบไม่เห็นสู้มากลางวันดีกว่า ไกด์พาเราไปยังจุดที่ดู Petra ซึ่งเมื่อมองลงมาจะไม่รู้เลยว่ามีเมืองที่สลักอยู่ติดกับผนังภูเขาซ่อนอยู่ในนี้จะเห็นเป็นกลุ่มภูเขาธรรมดา ๆ เท่านั้น ทัวร์พาเราไปตั้งแต่ 8 โมงเช้าและปล่อยให้พวกเราใช้เวลาที่นี่และนัดเจอกันประมาณ 4 โมงเย็น
ปีนขึ้นไปบนภูเขาสูงมากระยะทางไกลพอสมควรเพื่อภาพนี้


วันรุ่งขึ้นเพื่อจะเดินทางต่อไปยัง Wadi Rum ก็แวะชม Little Petra กันก่อน ไกด์เล่าว่า Little Petra เป็นเมืองที่พวกค้าขายจะหยุดอาศัยนอนลักษณะคล้าย ๆ โรงแรมในปัจจุบัน จะมีอ่างไว้ล้างมือ มีอาหารไว้บริการ มีห้องที่มีภาพเขียนบนเพดานไว้สวยงาม
  ภาพเขียนบนเพดานห้องที่ Little Petra

แล้วเราก็ออกเดินทางกันมายัง Wadi Rum เมืองทะเลทรายแห้งแล้งแต่ทิวทัศน์สวยงามมากเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Hollywood หลายเรื่อง เราขับผ่านสถานที่ถ่ายทำ Star Wars ที่จะมีกำหนดออกฉายในปีนี้ ไกด์บอกว่าถ้าบริเวณที่มีการถ่ายทำหนัง ทางรัฐจะกันบริเวณไว้ไม่ให้ขับรถเข้าไปใกล้ตามที่ทางกองถ่ายกำหนดไว้ ที่พักของเราอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่ถ่ายทำหนังเรื่อง the Martien แต่ ณ ตอนนี้ได้เปิดให้เป็นแคมป์สำหรับพักค้างคืนไปแล้ว เราพักที่ Rahayeb Camp ที่พักสะดวกสบาย อาหารอร่อย เรามาถึงประมาณเที่ยง พอทานอาหารเสร็จก็เตรียมตัวขับรถไปชมตะวันตกดินในทะเลทรายกัน ไกด์บอกว่าถ้าใครมากันเองอาจจะหลงทางกันง่ายมากเพราะมองไปทางไหนก็เหมือนกันไปหมด

ที่พัก Rahayeb Camp 
ห้องนอน
 
กรุ๊ปทัวร์เราบุ๊คขี่อูฐไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันต่อมา ต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 5 ขี่อูฐออกไปประมาณ 45 นาทีเพื่อรอตะวันขึ้น


เมื่อครบกำหนดก็เดินทางกันต่อไปยัง Dead Sea

Dead Sea  ทะเลเกลือที่เค็มกว่าน้ำทะเลทั่วไปถึง 9 เท่าและเป็นจุดที่ลึกที่สุดในโลก โรงแรมที่พักสวยงามอยู่ติดกับทะเลนี้


ตะวันตกดินที่ Lowest point on Earth.
 
แล้วจะกลับมาต่อนะคะ