สวัสดีเพื่อนๆ ชาวบลูแพลนแนตค่ะ
ห่างหายไปนานกับกระทู้รีวิวท่องเที่ยวนะคะทุกโคนนนน วันนี้อาหมวยกลับมาพร้อมรีวิวทริปหมู่เกาะแฟโรที่เพิ่งไปมาเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมานี่เอง...
"Faroe Islands” พอพูดชื่อนี้ มีแต่คนถามว่า “มันอยู่ที่ใด” คำตอบง่ายๆ ก็คือ มันเป็นหมู่เกาะที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Iceland กะ Norway นั่นแหละ… เหตุผลที่เราเลือกไปที่นี่เพราะเห็นว่า เหยยยย landscape ที่นี่แม่มโคตรเท่ห์ เก๋ไก๋สไลเดอร์มาก เป็นอีกที่ที่ดูต่างดาวมาก แถมมีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร…
Faroes Islands ที่ลึกลับแห่งนี้ ถ้าเราให้หลับตาแล้วบรรยายถึงมันหล่ะก้อ นับได้ว่า มันเป็นปริศนาจิ๊กซอว์ 18 ชิ้นที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นของมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือตั้งแต่สมัยโบราณมายันยุคปัจจุบัน เพราะหมู่เกาะนี้ เกิดขึ้นมาจากภูเขาไฟ 18 ลูกนั่นเอง บ้านแนวคอทเทจหลากสีและโบสถ์ไม้มุงหลังคาด้วยหญ้า ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับทุ่งหญ้าอันยิ่งใหญ่สุดลูกหูลูกตา เมื่อมองไปตามยอดเขา เพื่อนๆ จะเห็นร่องน้ำสีดำเป็นชั้นๆ แบบเลเยอร์เค้กคาดผ่านตัวเขา ดูแล้วโดนเด่น แปลกตา ถึงกระนั้น แม้กระทั่งหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่แทบจะสุดขอบโลก ก็ยังถูกเชื่อมโยงกันด้วยอุโมงค์ถนนทั้งทะลุเขาทั้งใต้น้ำที่น่าทึ่ง และแม้ว่าคุณจะถูกล้อมรอบไปฟยอร์ดอันอลังการงานสร้างแค่ไหน โทรศัพท์มือถือของคุณก้อยังรับสัญญาณ 4G หรือ LTE ได้เป็นอย่างดี เอาเป็นว่า อยู่สุดขอบโลกก็ Facetime ได้สบายๆ เลยค่ะ
-----------------------------------------------------------------
5 REASON TO VISIT FAROE ISLANDS
-----------------------------------------------------------------
แน่นอนว่านี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ แม้ว่าดูเผินมันจะเหมือน mini Iceland ซึ่งเราเคยไป Iceland แล้ว ตอนแรกก็เลยคิดว่า จะไปทำไม? แต่พอไปเที่ยวมาแล้ว อยากบอกค่ะ ว่ามันมีความเก๋ที่ไม่เหมือนใครอยู่ ดังนี้
1. Iceland มันเอาท์ไปแล้วค่าาา เพราะถ้าดูดีๆ ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายก่ายกองที่นิยมไปเที่ยว Iceland กัน ถ้าดูตามสถิติ วันนึงมีคนไปเที่ยว Iceland กว่า 2 หมื่นคนต่อวัน ลงจากรถไปเที่ยวที่ไหนก็เจอนักท่องเที่ยวทั้งเอเชียและฝรั่งยัวเยี๊ยะไปหมด จนคน local ยังบ่นว่า ที่นี่กลายเป็น Disneyland downtown ไปแร้ว ดังนั้นถ้าคุณกำลังมองหา travel destination ที่ไม่ต้องไปเบียดกับใคร จะถ่ายรูป ตรูก้อยืนอยู่คนเดียว ที่นี่แหละ ใช่เลย!
2. Faroe Islands มี landscape ที่โด่ดเด่นและไม่เหมือนใคร อย่างที่บอกไป มันเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟทั้ง 18 แห่งที่มีทิวทัศน์อันหลุดโลกมากๆ คือตอนที่เครื่องบินกำลังลดระดับลงผ่านพ้นเมฆมานี่แบบ มีอึ้งอ่ะ! เราได้ยินเสียงกดชัดเตอร์รัวๆ จากผู้คนริมหน้าต่าง (ดังนั้น เวลาเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน แนะนำว่าให้เลือกนั่งด้านซ้ายนะคะ) เพราะมันเป็นภาพที่ ถ้าคุณเห็นแล้วต้องอ้าปากหวอแน่นอน!
3. แม้ว่าธรรมชาติที่นี่จะไม่หลากหลายเหมือน Iceland แต่ที่นี่เป็นสวรรค์ของช่างภาพมากๆ เพราะไม่ว่าจะหันกล้องไปทางไหน ก็ได้ภาพที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร
4. Faroe islands เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มี hiking trail หลาย trail ที่ติดอันดับสวยงามหลุดโลกอีกที่หนึ่ง และการที่จะได้วิวที่ว้าวๆ คุณไม่จำเป็นต้องเดินระยะทางไกลมาก คือเป็นระยะที่ achievable สำหรับขาอ่อนอย่างเรา
5. Faroe islands เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คุณสามารถบิน drone ได้เกือบทุกที่อย่างไม่ต้องกลัวใครมาจับ แค่ระวังไม่ไปบินตามที่ที่เค้าห้ามบินเท่านั้นเอง ซึ่งภาพที่เราได้จาก Drone มานี่สุดยอดเกือบทุกภาพ แต่ข้อควรระวังคือ ที่นี่ลมค่อยข้างแรง ยิ่งเวลาเดินขึ้นเขาหรือไปตามหน้าผาต่างๆ นี่ ลมพักคนเกือบปลิว สมควรดูให้ดีว่าบินไหวมั้ยแล้วค่อยบิน
พอจิ้ม destination ได้ปั๊บเราก้อทำการจองตั๋ว โดยเราเลือกไป Faroe Islands ในช่วงสงกรานต์ (ปี 2019) ด้วยเหตุผลเดิมๆ นั่นคือ ใช้วันลาหยุดน้อยนั่นเอง 5555 แม้ว่ามันจะไม่ใช่เวลาไปเยือนที่ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะแย่ มาดูกันดีกว่าว่าที่นี่มีอะไรเที่ยวบ้าง
-----------------------------------------------------------------
TRAVEL PLAN
-----------------------------------------------------------------
การเที่ยวบน Faroe Islands จะเป็นแนว Hiking ซะเป็นส่วนใหญ่ เราแพลนไว้ว่าจะใช้เวลาบนเกาะทั้งหมด 6 วัน 5 คืน แล้วเราไปเที่ยว Denmark ต่ออีก 4 วัน จะได้ครบเครื่อง ทั้งธรรมชาติและเมือง แต่บทความนี่จะพูดถึงในส่วนของ Faroe Islands เท่านั้นนะคะ
แผนการเที่ยวบนเกาะคร่าวๆ คือดังนี้
Day 1: Bangkok > Copenhagen (transit แบบเข้าไป shopping ซื้อของเล็กน้อย เพราะ transit นาน) > Faroe Islands
Day 2: Vága Island*
Day 3: Kalsoy Island*
Day 4: Golden Circle – Saksun, Eiði, Tjørnuvík, Gjógv, Funningur
Day 5: Viðoy island*
Day 6: Tórshavn, Kirkjubøur > Copenhagen
* เป็นเกาะที่เราแพลนว่าจะไป Hiking กัน
ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่แชร์ข้อมูลการเที่ยวจาก ppantip.com, mafengwo.com, และ visitfaroeislands.com สำหรับลำดับการเที่ยว ไม่จำเป็นต้องตามนี้เป๊ะๆ สามารถสลับวันไปมาหน้าหลังได้ตามความพอใจและสภาพอากาศ
ที่เราบอกว่าช่วงสงกรานต์ไม่ใช่ช่วงที่ดีที่สุด นั่นเพราะว่ามันเร็วเกินไปที่จะได้เห็นนก puffin ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศนี้ เราอุตส่าห์โทรไปถามเค้า เค้าบอกว่า you are too early! เราก็เลยเศร้าไปแพร็บ นอกจากนั้น มันยังเป็นช่งฤดูหนาวต่อฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นทุ่งหญ้าส่วนใหญ่จะยังเป็นสีเหลืองแห้งอยู่ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องวันลาอย่างเรา แนะนำว่าให้ไปช่วง summer หรือหลังเดือน 5 เป็นต้นไปจนถึงเดือน 9 นะคะ เพราะทุ่งหญ้าจะเป็นสีเขียว และนก puffin จะขึ้นเกาะมาวางไข่นั่นเอง โดยจะสามารถเห็น puffin ได้บนเกาะ Mykines ซึ่งทริปนีเราจึงข้ามการเดินทางไปเกาะนี้ค่ะ ถ้าเพื่อนๆ มาในช่วง Summer เราก็แนะนำว่าเพิ่มอีกวันนึงเพื่อไปยังเกาะ Mykines ดูนก Puffin ก็จะกำลังพอดีค่ะ
สำหรับแพลนท่องเที่ยวบนเกาะนี้ แพลนง่ายมากค่ะ เพราะมันเป็นเกาะเล็กๆ จากขวาสุดไปใต้สุดหรือบนสุดมาล่างสุด ใช้เวลาไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาเที่ยวบนเกาะน้อยกว่า 5 วัน แนะนำว่าให้นอนอยู่ที่เมือง Tórshavn ที่เป็นเมืองหลวงเลย แล้วขับรถไปเที่ยวเป็นรูปดาวแทน แต่ถ้าใครอยู่นานเกิน 5 วัน การขับเปลี่ยนเมืองนอนไปเรื่องๆ ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย มาดูกันดีกว่ามาไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่ไหนบ้าง
-----------------------------------------------------------------
DAY1: ARRIVAL
-----------------------------------------------------------------
วันแรกที่เราถึงที่เกาะ หลังจากได้รถเช่าแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังเมือง Tórshavn ที่เราจองบ้านพักเอาไว้จาก airbnb ระหว่างทางจากสนามบินเข้าเมือง Tórshavn จะผ่าน Bonus supermarket สาขานึง (
https://goo.gl/maps/4QgEKjzDKLfX6sKA8) เราก็ทำการแวะซื้ออาหารสด ขนม และเครื่องดื่มตามแต่ใจชอบ ตุนไว้สำหรับทำอาหารและเสบียงไปทางเป็นอาหารกลางวันของแต่ละวัน พอถึงบ้าน เราก็สำรวจบ้าน จัดการ unpack และทำอาหารเย็นกินกันที่บ้านเลย กว่าจะได้เข้านอนก็ปาไป 3-4 ทุ่มพอดี
-----------------------------------------------------------------
DAY2: VÁGA ISLAND
-----------------------------------------------------------------
เกาะนี้เป็นเกาะที่ตั้งของสนามบินและยังเป็นที่ตั้งของน้ำตกที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะนี้อีกด้วย
Múlafossur Waterfall
พิกัด:https://goo.gl/maps/cafKduzxRJusSu2v9
Rating: 5/5 ดาว
ที่นี่เป็น hi-light ที่เข้าถึงง่ายที่สุดแล้วในบรรดาที่เที่ยวอื่นๆ รอบเกาะ เพราะจากถนนใหญ่จะมีที่จอดรถข้างๆ เล็กๆ ที่ไม่มีใครจอดเลยนอกจากเรา เดินเข้าไปตามทางมาประมาณ 300 เมตรก็ถึงจุด Gasaladur ซึ่งเป็นจุดนิยมถ่ายรูปกลับไปหาน้ำตกมากที่สุด
และอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ที่นี่มีแค่เราและน้ำตกเท่านั้น ไม่มีกรุ๊ปทัวร์ที่ต้องมาแย่งพื้นที่กันถ่ายรูป คุณสามารถดื่มด่ำ และชื่นชมความน่าอัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่า Mather of nature ได้แบบเต็มๆ แถยังอากาศที่แสนบริสุทธิ์ไร้ PM 2.5 อีก สวรรค์ชัดๆ
ความเก๋ของน้ำตกนี้ อยู่ที่น้ำไหลๆ อยู่ แล้วตกลงไปในทะเลเลย มีวิวหมู่บ้านที่น่าจะมีอยู่ไม่เกิน 20 หลังอยู่หลังน้ำตก บวกกับภูเขาสูงอันอลังการเป็นฉากหลังๆ ได้เห็นก้อรู้สึกเป็นบุญชีวิตที่ได้เกิดมา (ว่าไปนั่น 555)
Bøur Village
พิกัด: https://goo.gl/maps/3e8WThvKijwBdfrN8
Rating: 3/5 ดาว
Bøur เป็นหมู่บ้านในหมู่เกาะ Faroe ที่เก่าแก่ มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 65 คน หมู่บ้านโดดเด่นด้วยบ้านที่สร้างขึ้นจากหลังคาหญ้า มีภูเขาเป็นฉากด้านหลัง และมุมมองด้านหน้าที่ไม่เหมือนใคร เพราะหน้าบ้านที่มองออกนอกทะเล คุณจะพบกับหินรูปทรงประหลาดหลุดโลกหลายก้อนมากๆ ได้แก่ Drangarnir หรือ Tindhólmur ดังนั้น ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวระหว่างทางค่ะ
Tindhólmur
[CR] FAROE ISLANDS – พาเที่ยวหมู่เกาะภูเขาไฟ วิ่งไล่ฝูงแกะ แชะภาพ LANDSCAPE ต่างดาว (COMPLETE TRAVEL GUIDE ฉบับขาอ่อน)
แผนการเที่ยวบนเกาะคร่าวๆ คือดังนี้
Day 2: Vága Island*
Day 3: Kalsoy Island*
Day 4: Golden Circle – Saksun, Eiði, Tjørnuvík, Gjógv, Funningur
Day 5: Viðoy island*
Day 6: Tórshavn, Kirkjubøur > Copenhagen
Rating: 5/5 ดาว
ที่นี่เป็น hi-light ที่เข้าถึงง่ายที่สุดแล้วในบรรดาที่เที่ยวอื่นๆ รอบเกาะ เพราะจากถนนใหญ่จะมีที่จอดรถข้างๆ เล็กๆ ที่ไม่มีใครจอดเลยนอกจากเรา เดินเข้าไปตามทางมาประมาณ 300 เมตรก็ถึงจุด Gasaladur ซึ่งเป็นจุดนิยมถ่ายรูปกลับไปหาน้ำตกมากที่สุด
และอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น ที่นี่มีแค่เราและน้ำตกเท่านั้น ไม่มีกรุ๊ปทัวร์ที่ต้องมาแย่งพื้นที่กันถ่ายรูป คุณสามารถดื่มด่ำ และชื่นชมความน่าอัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่า Mather of nature ได้แบบเต็มๆ แถยังอากาศที่แสนบริสุทธิ์ไร้ PM 2.5 อีก สวรรค์ชัดๆ
Rating: 3/5 ดาว
Bøur เป็นหมู่บ้านในหมู่เกาะ Faroe ที่เก่าแก่ มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 65 คน หมู่บ้านโดดเด่นด้วยบ้านที่สร้างขึ้นจากหลังคาหญ้า มีภูเขาเป็นฉากด้านหลัง และมุมมองด้านหน้าที่ไม่เหมือนใคร เพราะหน้าบ้านที่มองออกนอกทะเล คุณจะพบกับหินรูปทรงประหลาดหลุดโลกหลายก้อนมากๆ ได้แก่ Drangarnir หรือ Tindhólmur ดังนั้น ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวระหว่างทางค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น