วันหนึ่งเมื่อปีที่แล้วที่เปิด Google Map ดูแผนที่โลก อยู่ๆก็เลื่อนไปเจอหมู่เกาะเล็กๆใจกลางมหาสมุทร Atlantic ที่บอกตามตรงเลยว่านึกสภาพภูมิอากาศแถบนี้ไม่ออกเลยว่าจะลม ฝน พายุ หรือหิมะ เราพยายามหาข้อมูลภาษาไทยพบว่านอกจากรีวิว pantip เล็กๆเมื่อหลายปีก่อน ก็มีแค่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการล่าปลาวาฬที่เราเคยอ่านเจอแบบผ่านๆเมื่อนานมาแล้ว เลยเปลี่ยนแหล่งข้อมูลไปเสิชหารูปภาพใน Instagram ถึงพบว่านี่มันสวรรค์ของช่างภาพสาย landscape ชัดๆ ไม่รอช้าเราจัดการจองตั๋วเครื่องบินไป Copenhagen ในช่วงต้นปี 2017 ทันที คาดหวังถึงภูเขาหน้าตาประหลาดที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ที่ด้านบนปกคลุมไปด้วยหิมะ.. แต่ก่อนเดินทางเดือนนึงมีเหตุให้เราต้องเลื่อนการเดินทางไปช่วงปลายเดือนตุลาคม เมื่อนั้นก็พบว่ามีรีวิวที่นี่ให้พอเห็นบ้างแล้ว โชคดีของเราที่ลดภาระเรื่องการหาข้อมูลไปได้มากเลยค่ะ
Be Flexible
Faroe Islands ในช่วงปลายเดือนตุลาถือเป็น low season ก็ว่าได้ หญ้าก็ไม่เขียวแล้ว แดดก็ไม่มี หิมะก็ยังไม่ตก แต่นั่นแหล่ะ คืออีกหนึ่งเสน่ห์ที่เราได้พบเจอค่ะ หมู่เกาะถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศของหมอกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งยังไม่ละทิ้งความเป็นแฟโรที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกๆ 5 นาทีเลยทีเดียว บทแดดจะส่อง ซักพักลมที่แรงอย่างกะพายุ ซักพักฝนปรอยมา สลับกันไปมาอย่างนี้แทบจะตลอดวัน ทั้งๆที่อ่านข้อมูลมาบ้างแล้ว แต่บอกเลยว่ากว่าจะปรับตัวกับความงงงวยในสภาพอากาศได้ก็ล่วงเข้าวันที่สามไปแล้วล่ะค่ะ วันแรกที่เรามาถึงแดดแรงฟ้าเปิดใสแจ๋ว แต่ด้วยความที่แพลนมาแล้วว่าวันนี้จะไปนอนที่ไหน เริ่มต้นจากจุดไหน และความกลัวจะเพลินจนถึงที่พักมืดค่ำ เราเลยเลือกที่จะไปที่พักก่อนและพักก่อน โดยที่ยังไม่รู้พิษสงของความเล่นตัวของสภาพอากาศที่นี่ ทำให้วันแรกนั้นคือวันเดียวของทริปนี้ที่เราได้เห็นแดดแบบฟ้าใสๆแบบนี้ค่ะ
เช้าวันต่อมานอกจากลมที่พัดแรงจนทำให้เราหกล้ม ขับรถออกจากบ้านมาก็เจอกับยอดภูเขาสีขาวจางๆ บรรยากาศฟ้าใสเมื่อวานได้หายไปกับสายลมเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่แพลนจะมาเที่ยวที่นี่ สิ่งแรกที่อยากให้คำนึงถึงคือ Be Flexible ค่ะ
ใครที่เตรียมใจมาพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางกับเราได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ กระทู้รีวิว Faroe Islands แบบข้อมูลแน่นๆค่ะ >> https://ppantip.com/topic/36341238
เรื่องราวประเพณีการล่าปลาวาฬจาก wiki ค่ะ >> https://en.wikipedia.org/wiki/Whaling_in_the_Faroe_Islands/spoil]
[CR] Road trip Faroe Islands : ดินแดนธรรมชาติกลางมหาสมุทร กับอากาศที่เปลี่ยนแปลงทุก 5 นาที
วันหนึ่งเมื่อปีที่แล้วที่เปิด Google Map ดูแผนที่โลก อยู่ๆก็เลื่อนไปเจอหมู่เกาะเล็กๆใจกลางมหาสมุทร Atlantic ที่บอกตามตรงเลยว่านึกสภาพภูมิอากาศแถบนี้ไม่ออกเลยว่าจะลม ฝน พายุ หรือหิมะ เราพยายามหาข้อมูลภาษาไทยพบว่านอกจากรีวิว pantip เล็กๆเมื่อหลายปีก่อน ก็มีแค่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการล่าปลาวาฬที่เราเคยอ่านเจอแบบผ่านๆเมื่อนานมาแล้ว เลยเปลี่ยนแหล่งข้อมูลไปเสิชหารูปภาพใน Instagram ถึงพบว่านี่มันสวรรค์ของช่างภาพสาย landscape ชัดๆ ไม่รอช้าเราจัดการจองตั๋วเครื่องบินไป Copenhagen ในช่วงต้นปี 2017 ทันที คาดหวังถึงภูเขาหน้าตาประหลาดที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ที่ด้านบนปกคลุมไปด้วยหิมะ.. แต่ก่อนเดินทางเดือนนึงมีเหตุให้เราต้องเลื่อนการเดินทางไปช่วงปลายเดือนตุลาคม เมื่อนั้นก็พบว่ามีรีวิวที่นี่ให้พอเห็นบ้างแล้ว โชคดีของเราที่ลดภาระเรื่องการหาข้อมูลไปได้มากเลยค่ะ
Be Flexible
Faroe Islands ในช่วงปลายเดือนตุลาถือเป็น low season ก็ว่าได้ หญ้าก็ไม่เขียวแล้ว แดดก็ไม่มี หิมะก็ยังไม่ตก แต่นั่นแหล่ะ คืออีกหนึ่งเสน่ห์ที่เราได้พบเจอค่ะ หมู่เกาะถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศของหมอกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งยังไม่ละทิ้งความเป็นแฟโรที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกๆ 5 นาทีเลยทีเดียว บทแดดจะส่อง ซักพักลมที่แรงอย่างกะพายุ ซักพักฝนปรอยมา สลับกันไปมาอย่างนี้แทบจะตลอดวัน ทั้งๆที่อ่านข้อมูลมาบ้างแล้ว แต่บอกเลยว่ากว่าจะปรับตัวกับความงงงวยในสภาพอากาศได้ก็ล่วงเข้าวันที่สามไปแล้วล่ะค่ะ วันแรกที่เรามาถึงแดดแรงฟ้าเปิดใสแจ๋ว แต่ด้วยความที่แพลนมาแล้วว่าวันนี้จะไปนอนที่ไหน เริ่มต้นจากจุดไหน และความกลัวจะเพลินจนถึงที่พักมืดค่ำ เราเลยเลือกที่จะไปที่พักก่อนและพักก่อน โดยที่ยังไม่รู้พิษสงของความเล่นตัวของสภาพอากาศที่นี่ ทำให้วันแรกนั้นคือวันเดียวของทริปนี้ที่เราได้เห็นแดดแบบฟ้าใสๆแบบนี้ค่ะ
เช้าวันต่อมานอกจากลมที่พัดแรงจนทำให้เราหกล้ม ขับรถออกจากบ้านมาก็เจอกับยอดภูเขาสีขาวจางๆ บรรยากาศฟ้าใสเมื่อวานได้หายไปกับสายลมเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่แพลนจะมาเที่ยวที่นี่ สิ่งแรกที่อยากให้คำนึงถึงคือ Be Flexible ค่ะ
ใครที่เตรียมใจมาพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางกับเราได้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้