MONO PLAYLIST เป็นเพลย์ลิสที่มอบให้คนอื่นเรียนรู้ถึงตัวเอง แม้เพลงมันจะโศกเศร้าแต่มันจะปลอบโยนคุณ
จริงๆเราลงในทวิตไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ว่ายังไม่ลงในนี้เลยมาย้อนหลังให้อ่านกันดูค่ะ ^^
RM (BTS) - TOKYO <Track 1>
เพลงที่ถูกเป็นเพลงเปิดที่ปูอารมณ์และบรรยากาศของMONOที่รู้สึกได้ถึงความอึมครึมเหมือนมีวันนั้นมีเมฆฝนหรือไม่ก็เป็นช่าวเช้ามืดที่ยังไม่มีแสงอาทิตย์เข้ามา ข้อความในเพลงต่างรู้สึกว่านี่ก็เป็นวินาทีที่ยากลำบากสำหรับเจ้าของเพลงอย่างมาก
และตระหนักถึงความสับสนที่มีอยู่ในตัวตนที่ผสมปนเปกันอยู่ การปูด้วยชื่อเพลงเมืองหลวงที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตัวเอง เนื้อเพลงภาษาอังกฤษ ที่พยายามสื่อความในความรู้สึกของเพลงนี้ว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติที่ต้องมาทำงานด้วยความรู้สึกไกลบ้าน มีอาการHomesick ซึ่งทำให้คนเรารู้สึกหวั่นไหว อยากหลีกหนีความจริงด้วยกับคิดถึงความทรงจำที่เรารู้สึกมีความสุขหรือคาดหวังให้ใครมาอยู่ข้างๆแต่ตอนนี้ไม่สามารถเป็นไปได้ การเผชิญสิ่งที่ทุกข์ใจด้วยตัวคนเดียวที่มี จริงๆถ้าฟังดนตรีเราจะรับรู้ถึงกลิ่นอายของญี่ปุ่นโมเดิร์นโดยเมโลดี้เพลงนี้เป็นการเล่นย้อนกลับของเพลง I need you
ซึ่งในเพลงI need youนั้นต้องการที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกที่พันธนาการตัวอยู่หรือว่าเพลงนี้ต้องการจะแสดงการยึดติดในบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่อยากจะจากไปไหน
*เพลงนี้นัมจุนได้มาจาก supreme boi ที่บอกว่าเหมาะกับนัมจุน ยังเรียบเรียงเสร็จช้าที่สุด และเป็นเพลงที่รู้สึกเสียดายอยู่อีกด้วย
RM (BTS) – SEOUL <Track 2>
เป็นเพลงที่ต้องการพูดถึงบ้านของตัวเองที่ใช้ชีวิตอยู่ เมืองนี้คือเมืองที่ทำให้สร้างหลายๆอย่างในชีวิตของเจ้าของเพลงหรือแม้แต่ผู้คนที่มาอาศัยในเมืองนี้ ความมีชีวิตชีวาที่เมืองนี้สร้างนั้นได้มอบความทรงจำอันหลากหลายทั้งดีและแย่ไปบ้างแล้วแต่ผู้คนไป
เป็นเพลงที่พูดในความสัมพันธ์ Love & Hate ได้ดี เราจะรู้สึกถึงว่าเพลงนั้นมีหลายแง่มุมให้คิดหรือตีความซึ่งถ้าจากเพลงแรกที่พูดถึงความยึดติดของตัวเองแล้วล่ะก็ นี่คือความสวยงามด้านภาษาที่เปรียบเปรยโดยสมบูรณ์แบบมากๆ Seoul(ชื่อเมือง)และSoul(จิตวิญญาณ)
บางทีเราก็มีที่ไม่พอใจตัวเอง เกลียด แต่บางทีก็รักและพอใจในมันเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นเพลงนี้ก็พยายามสื่อนัยๆว่า แม้เมืองๆนี้จะมีทั้งความน่ารักเกียจและมุมที่สวยงามแต่ทั้งหมดคือตัวตนของมันนั่นเอง
*เพราะร่วมงานกับHONNEทำให้เรานึกถึงกลิ่นอายที่ฟังง่ายและน่าจะเพลงโปรดของใครหลายๆคนไม่ยาก ซึ่งช่วยส่งเสริมการบรรยายเนื้อเพลงที่เราอาจจะนึกถึงบรรยากาศเวลาเรากลับจากที่ทำงานอย่างเหนื่อยล้าแต่ก็มีวิวสวยๆข้างทางและชีวิตผู้คนที่ชวนให้เรานึกถึง
RM (BTS) – MOONCHILD <Track 3>
Destiny หรือ Life ที่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ บางครั้งเราตั้งคำถามกับชีวิต มีอุปสรรคในบางครั้ง เพลงนี้เป็นเพลงแต่ช่วงเวลาของชีวิตที่ตบบ่าเราด้วยความเข้าใจและอ่อนโยนมากจริงๆ ดวงจันทร์นั้นส่องสว่างท่างกลางความมืดและแสงสาดส่องมายังพื้นโลกด้วยความนุ่มนวล
ท่ามกลางความมืดมิดเราคือผู้ส่องแสงที่โชคชะตาบีบบังคับให้เรามีเส้นทางแบบนี้ จริงๆไม่มีสิ่งที่ถูกผิด ไม่เคยมีผู้ใดที่จะมาสอนด้วยซ้ำว่าที่เป็นอยู่ต้องทำยังไงและมันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ ซึ่งวิธีอยู่ร่วมกับสิ่งเหล่านี้เราก็ต้องหาทางดิ้นรนด้วยตัวเอง โดยจริงๆแล้วต้องยอมรับว่าถ้าเราผ่านมันไปได้หรือไม่ล้วนเป็นเรื่องธรรมดาแต่นั่นก็ทำให้คุณเจ็บปวดเมื่อเทียบกับคนอื่นได้เช่นกัน
*เพลงนี้ถูกแต่งก่อน 4 O’Clock ที่เปรียบเทียบช่วงเวลากลางวันที่เราต้องรันชีวิตด้วยความวุ่นวาย และแสงจันทร์ที่เรานึกถึงในตอนกลางคืนที่สงบนั้นก็มีไว้เพียงในใจ
RM (BTS) – BADBYE <Track 4>
Goodbye->Badbye การเปลี่ยนคำที่ให้ผลมันตรงข้ามกับคำว่าจากลา หรือจริงๆทุกๆอย่างที่มีนั้นได้จบไปแล้วเราจึงทำได้แค่เปลี่ยนคำหรือในอีกมุมคือเราทำได้แค่หลีกหนีความจริงที่เราอยากจะอยากให้เป็น ถ้าพูดในความเป็นจริงการจากลาเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์เราต้องเจอ
ก็เป็นสิ่งนึงที่ยืนยันความเป็นมนุษย์จากเรานั่นก็คือความโศกเศร้า เสียใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น ในแง่ที่เราตีความที่เล่นในหลายๆแง่ ต่างเมือง บ้านตัวเอง ตัวตนของเราเองนั้นจนมาถึงแทร็คนี้ ถ้าแยกชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายแล้วรวมทั้งหมดที่เรียกว่าตัวเรา ซึ่งก็มีความซับซ้อนอยู่ในตัวเราเอง
เรามีตัวตนที่เราชอบ ไม่ชอบ เราผลักไสหรือซ่อนมันแล้วแต่มันก็คืบคลานกลับมาแบบเราไม่รู้ตัวอยู่ดีแม้เราอยากปฏิเสธก็ตาม มันเป็นความแหลกสลายในหัวใจเหมือนการเผชิญหน้าในสิ่งที่เราปกปิดมันในสิ่งที่เราเองก็รู้แต่ใจได้กลับมา เราก็ตระหนักถึงความจริงที่น่ารังเกียจที่ตัวเรานั่นได้เป็นอยู่
*เป็นอะไรที่อธิบายค่อนข้างยาก เพราะความซับซ้อนเหมือนเวลาที่คนเราเสียใจจะมีความรู้สึกพรั่งพรูไปหมด ทั้งเรื่องราวของคนอื่นและตัวเองที่วนเวียนในหัว
RM (BTS) – UHGOOD <Track 5>
การใช้ชีวิตของคนเรานั้นทั้งเพื่อตัวเรา คนอื่น สังคม ล้วนมีผลกระทบกับจิตใจทั้งนั้น ถ้าเจ้าของเพลงนี้ต้องการสื่อถึงคนฟังเขาก็คงกำลังบอกว่า ถ้าคุณไม่พอใจตัวเอง เขาก็รับรู้และเข้าใจ คุณมีสิ่งที่คุณต้องเผชิญ คุณอาจจะโทษตัวเองเหมือนกับที่เขาเคยคิดและเป็น
เขาเองก็เคยผ่านมันมา คุณอาจจะกำลังเหยียบย่ำตัวเองว่าคุณควรไปได้ไกลกว่านี้หรือกำลังอยากเอาชนะกับสิ่งที่เจออยู่ก็ตาม หรือถ้าคนๆนั้นที่เจ้าของเพลงเอง เขาคงบอกตัวเขาใช้ชีวิตบนแรงกดดันมหาศาลที่เขาแบกไว้ เขาไม่อยากแพ้ เขาอยากเอาชนะแต่มันก็หนักหนาเหลือเกินที่จะก้าวข้ามไปแต่ละเรื่อง แล้วสิ่งเหล่านี้เขาต้องเผชิญด้วยตัวของเขาผู้เดียวเพียงเท่านั้น เขาเองก็มีความรู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกเจ็บปวด และมีหลายๆเรื่องที่ยึดติดมากเกินไป เขาเองก็อยากที่จะก้าวข้ามมันเช่นกัน เราเองก็คงมีตัวตนที่เราอยากเป็น ตัวตนคุณที่สมบูรณ์แบบในหัว แต่เราอาจะเป็นมันได้หรือไม่ได้ก็ได้
*นัมจุนเคยบอกว่าเพลงนี้น่าจะชื่อ refection ซึ่งก็แอบเห็นด้วย เพราะเพลงนี้คือเหตุผลที่ทำให้ตัวเราหรือแม้แต่ทุกคนทุกใจ เรามีเหตุผลอยู่ และนั่นทำให้เราเป็นในตัวตนที่เราแสดงออกมา เพลงนี้อาจจะเป็น “Reflection”ในฐานะของต้นเหตุ และเพลง “Reflection”จริงๆนั้นอาจจะเป็นผลจากสิ่งที่เกิดขึ้น
RM (BTS) – EVERYTHING GOES <Track 6>
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปโดยปกติเราจะกลับไปมองเรื่องนั้นไม่ใหญ่มากเท่าแต่ก่อนหรือเราอาจจะยิ้มให้กับเรื่องราวที่เคยเศร้าเสียด้วยซ้ำในบางที เหตุผลก็อาจจะมาจากเวลาที่จะช่วยเยียวยา ประสบการณ์ที่ทำให้เราคิดและปล่อยวางมากขึ้น
เราต่างเติบโตจากความเจ็บปวดที่เคยเจอ เราชอบคำเปรียบเปรยจาก5เพลงที่ผ่านมาที่เรานั้นก็ทั้งรักและเกลียดตัวเราเองแต่ว่านั่นก็คือโลกทั้งใบของคุณ คือตัวตนของคุณ อย่างน้อยสิ่งที่คุณเผชิญก็ขออย่าให้ละทิ้งตัวเองและลองเผชิญกับมันดู ก็จริงที่ช่วงเวลานั้นคุณอาจจะเจ็บปวดแต่มันจะผ่านไป
อย่างน้อยเพลงนี้ก็มอบความหวังว่าคุณจะโอบกอดตัวเองได้ในสักวันมันจะรอคุณอยู่
*เพลงนี้นัมจุนบอกเล่าว่าตอนไปปรึกษาได้คำๆนี้มา เพื่อที่บรรเทาความเจ็บปวด ขอให้ทุกๆอย่างมันได้ผ่านพ้นไปแบบชื่อเพลง โดยตอนท้ายเพลงเสียงฝนค่อยๆชำระล้างลงมาในสิ่งที่เราแบกรับอยู่ค่อยๆจางไปได้บ้าง
RM (BTS) – FOREVER RAIN <Track 7>
จริงๆเพลงนี้ต้องใช้เวลาซึ่งไม่ใช่การตีความแต่เป็นเวลาทำความเข้าใจกับตัวเอง ถ้าฟังในครั้งแรกเราจะแตะถึงส่วนที่รู้สึกว่าฝนที่สาดลงมาในเพลงนั้นทั้งโศกเศร้าและก็พอกับโลกใบนี้มากๆ และก็จินตนาการให้ทุกสิ่งเชื่องช้าลงจนไม่ขยับอีกต่อไปก็ได้
เขาอาจจะยึดติดในโลกใบนั้นสีหม่นเทาและออกมาไม่ได้ตลอดไปราวกับของให้ฝนนั้นตกตลอดไปก็ได้ แต่ถ้าลองกลับมาฟังอีกครั้ง ฝนอาจจะไม่ใช่ความหมายในเชิงโศกเศร้าเสมอไป ฝนอาจจะกำลังชะล้างสิ่งที่เราเป็นให้เราได้รู้สึกเบาใจและเข้าใจอะไรมากขึ้น อาจเป็นอะไรที่คุณได้เข้าใจตัวเองขึ้นไปอีก
บางทีเรายินดีที่ฝนได้กลงมาจากฟากฟ้าให้เราได้อยู่กับตัวเองสักพักนึง แม้คุณจะตัวเปียกไปบ้างเพราะละอองฝนคุณก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เป็นได้ แม้โลกจะสีเทาแต่โลกของความเป็นจริงที่เราอยู่ก็ไม่ได้ใส่สะอาดแต่ถึงแบบนั้นนั่นก็คือชีวิตของคุณ ตัวตนของคุณ และเรื่องราวของคุณทั้งหมด
*เรื่องเจ้าชายน้อยที่ทุกครั้งคุณอ่านก็จะตีความได้แบบใหม่ทุกครั้งที่ได้อ่านเพราะอาจจะหล่อหลอมาจากประสบการณ์และตัวคุณที่โตขึ้น และเพลงนี้ก็คงจะเหมือนกัน ถ้าเราเติบโตจากความโศกเศร้าที่เคยเป็น คุณอาจจะได้มุมมองใหม่จากมันก็ได้ หวังว่าคุณจะฟังเพลงนี้ซ้ำอีกครั้ง
เรามองว่าPlaylistนั้นตีแผ่ความคิดของRMในการยอมรับความเจ็บปวดของชีวิตตนเอง ถ้าเราเจ็บปวดที่ความรู้สึก เราก็ต้องปลดล็อคมันด้วยการเยียวยามัน เป็นเพลงที่ดูโศกเศร้าและลึกซึ้งแต่หลังจากผ่านพ้นคราบน้ำตาก็จะทำให้คนมองหาความสุขได้ง่ายขึ้นอีกครั้งได้
ขอบคุณค่ะ^^
MONO PLAYLIST เป็นเพลย์ลิสที่มอบให้คนอื่นเรียนรู้ถึงตัวเอง แม้เพลงมันจะโศกเศร้าแต่มันจะปลอบโยนคุณ (รีวิว+ตีความ)
จริงๆเราลงในทวิตไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ว่ายังไม่ลงในนี้เลยมาย้อนหลังให้อ่านกันดูค่ะ ^^
RM (BTS) - TOKYO <Track 1>
เพลงที่ถูกเป็นเพลงเปิดที่ปูอารมณ์และบรรยากาศของMONOที่รู้สึกได้ถึงความอึมครึมเหมือนมีวันนั้นมีเมฆฝนหรือไม่ก็เป็นช่าวเช้ามืดที่ยังไม่มีแสงอาทิตย์เข้ามา ข้อความในเพลงต่างรู้สึกว่านี่ก็เป็นวินาทีที่ยากลำบากสำหรับเจ้าของเพลงอย่างมาก
และตระหนักถึงความสับสนที่มีอยู่ในตัวตนที่ผสมปนเปกันอยู่ การปูด้วยชื่อเพลงเมืองหลวงที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตัวเอง เนื้อเพลงภาษาอังกฤษ ที่พยายามสื่อความในความรู้สึกของเพลงนี้ว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติที่ต้องมาทำงานด้วยความรู้สึกไกลบ้าน มีอาการHomesick ซึ่งทำให้คนเรารู้สึกหวั่นไหว อยากหลีกหนีความจริงด้วยกับคิดถึงความทรงจำที่เรารู้สึกมีความสุขหรือคาดหวังให้ใครมาอยู่ข้างๆแต่ตอนนี้ไม่สามารถเป็นไปได้ การเผชิญสิ่งที่ทุกข์ใจด้วยตัวคนเดียวที่มี จริงๆถ้าฟังดนตรีเราจะรับรู้ถึงกลิ่นอายของญี่ปุ่นโมเดิร์นโดยเมโลดี้เพลงนี้เป็นการเล่นย้อนกลับของเพลง I need you
ซึ่งในเพลงI need youนั้นต้องการที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกที่พันธนาการตัวอยู่หรือว่าเพลงนี้ต้องการจะแสดงการยึดติดในบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่อยากจะจากไปไหน
*เพลงนี้นัมจุนได้มาจาก supreme boi ที่บอกว่าเหมาะกับนัมจุน ยังเรียบเรียงเสร็จช้าที่สุด และเป็นเพลงที่รู้สึกเสียดายอยู่อีกด้วย
RM (BTS) – SEOUL <Track 2>
เป็นเพลงที่ต้องการพูดถึงบ้านของตัวเองที่ใช้ชีวิตอยู่ เมืองนี้คือเมืองที่ทำให้สร้างหลายๆอย่างในชีวิตของเจ้าของเพลงหรือแม้แต่ผู้คนที่มาอาศัยในเมืองนี้ ความมีชีวิตชีวาที่เมืองนี้สร้างนั้นได้มอบความทรงจำอันหลากหลายทั้งดีและแย่ไปบ้างแล้วแต่ผู้คนไป
เป็นเพลงที่พูดในความสัมพันธ์ Love & Hate ได้ดี เราจะรู้สึกถึงว่าเพลงนั้นมีหลายแง่มุมให้คิดหรือตีความซึ่งถ้าจากเพลงแรกที่พูดถึงความยึดติดของตัวเองแล้วล่ะก็ นี่คือความสวยงามด้านภาษาที่เปรียบเปรยโดยสมบูรณ์แบบมากๆ Seoul(ชื่อเมือง)และSoul(จิตวิญญาณ)
บางทีเราก็มีที่ไม่พอใจตัวเอง เกลียด แต่บางทีก็รักและพอใจในมันเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นเพลงนี้ก็พยายามสื่อนัยๆว่า แม้เมืองๆนี้จะมีทั้งความน่ารักเกียจและมุมที่สวยงามแต่ทั้งหมดคือตัวตนของมันนั่นเอง
*เพราะร่วมงานกับHONNEทำให้เรานึกถึงกลิ่นอายที่ฟังง่ายและน่าจะเพลงโปรดของใครหลายๆคนไม่ยาก ซึ่งช่วยส่งเสริมการบรรยายเนื้อเพลงที่เราอาจจะนึกถึงบรรยากาศเวลาเรากลับจากที่ทำงานอย่างเหนื่อยล้าแต่ก็มีวิวสวยๆข้างทางและชีวิตผู้คนที่ชวนให้เรานึกถึง
RM (BTS) – MOONCHILD <Track 3>
Destiny หรือ Life ที่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ บางครั้งเราตั้งคำถามกับชีวิต มีอุปสรรคในบางครั้ง เพลงนี้เป็นเพลงแต่ช่วงเวลาของชีวิตที่ตบบ่าเราด้วยความเข้าใจและอ่อนโยนมากจริงๆ ดวงจันทร์นั้นส่องสว่างท่างกลางความมืดและแสงสาดส่องมายังพื้นโลกด้วยความนุ่มนวล
ท่ามกลางความมืดมิดเราคือผู้ส่องแสงที่โชคชะตาบีบบังคับให้เรามีเส้นทางแบบนี้ จริงๆไม่มีสิ่งที่ถูกผิด ไม่เคยมีผู้ใดที่จะมาสอนด้วยซ้ำว่าที่เป็นอยู่ต้องทำยังไงและมันคือสิ่งที่เราต้องเผชิญ ซึ่งวิธีอยู่ร่วมกับสิ่งเหล่านี้เราก็ต้องหาทางดิ้นรนด้วยตัวเอง โดยจริงๆแล้วต้องยอมรับว่าถ้าเราผ่านมันไปได้หรือไม่ล้วนเป็นเรื่องธรรมดาแต่นั่นก็ทำให้คุณเจ็บปวดเมื่อเทียบกับคนอื่นได้เช่นกัน
*เพลงนี้ถูกแต่งก่อน 4 O’Clock ที่เปรียบเทียบช่วงเวลากลางวันที่เราต้องรันชีวิตด้วยความวุ่นวาย และแสงจันทร์ที่เรานึกถึงในตอนกลางคืนที่สงบนั้นก็มีไว้เพียงในใจ
RM (BTS) – BADBYE <Track 4>
Goodbye->Badbye การเปลี่ยนคำที่ให้ผลมันตรงข้ามกับคำว่าจากลา หรือจริงๆทุกๆอย่างที่มีนั้นได้จบไปแล้วเราจึงทำได้แค่เปลี่ยนคำหรือในอีกมุมคือเราทำได้แค่หลีกหนีความจริงที่เราอยากจะอยากให้เป็น ถ้าพูดในความเป็นจริงการจากลาเป็นเรื่องปกติที่มนุษย์เราต้องเจอ
ก็เป็นสิ่งนึงที่ยืนยันความเป็นมนุษย์จากเรานั่นก็คือความโศกเศร้า เสียใจ ในสิ่งที่เกิดขึ้น ในแง่ที่เราตีความที่เล่นในหลายๆแง่ ต่างเมือง บ้านตัวเอง ตัวตนของเราเองนั้นจนมาถึงแทร็คนี้ ถ้าแยกชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายแล้วรวมทั้งหมดที่เรียกว่าตัวเรา ซึ่งก็มีความซับซ้อนอยู่ในตัวเราเอง
เรามีตัวตนที่เราชอบ ไม่ชอบ เราผลักไสหรือซ่อนมันแล้วแต่มันก็คืบคลานกลับมาแบบเราไม่รู้ตัวอยู่ดีแม้เราอยากปฏิเสธก็ตาม มันเป็นความแหลกสลายในหัวใจเหมือนการเผชิญหน้าในสิ่งที่เราปกปิดมันในสิ่งที่เราเองก็รู้แต่ใจได้กลับมา เราก็ตระหนักถึงความจริงที่น่ารังเกียจที่ตัวเรานั่นได้เป็นอยู่
*เป็นอะไรที่อธิบายค่อนข้างยาก เพราะความซับซ้อนเหมือนเวลาที่คนเราเสียใจจะมีความรู้สึกพรั่งพรูไปหมด ทั้งเรื่องราวของคนอื่นและตัวเองที่วนเวียนในหัว
RM (BTS) – UHGOOD <Track 5>
การใช้ชีวิตของคนเรานั้นทั้งเพื่อตัวเรา คนอื่น สังคม ล้วนมีผลกระทบกับจิตใจทั้งนั้น ถ้าเจ้าของเพลงนี้ต้องการสื่อถึงคนฟังเขาก็คงกำลังบอกว่า ถ้าคุณไม่พอใจตัวเอง เขาก็รับรู้และเข้าใจ คุณมีสิ่งที่คุณต้องเผชิญ คุณอาจจะโทษตัวเองเหมือนกับที่เขาเคยคิดและเป็น
เขาเองก็เคยผ่านมันมา คุณอาจจะกำลังเหยียบย่ำตัวเองว่าคุณควรไปได้ไกลกว่านี้หรือกำลังอยากเอาชนะกับสิ่งที่เจออยู่ก็ตาม หรือถ้าคนๆนั้นที่เจ้าของเพลงเอง เขาคงบอกตัวเขาใช้ชีวิตบนแรงกดดันมหาศาลที่เขาแบกไว้ เขาไม่อยากแพ้ เขาอยากเอาชนะแต่มันก็หนักหนาเหลือเกินที่จะก้าวข้ามไปแต่ละเรื่อง แล้วสิ่งเหล่านี้เขาต้องเผชิญด้วยตัวของเขาผู้เดียวเพียงเท่านั้น เขาเองก็มีความรู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกเจ็บปวด และมีหลายๆเรื่องที่ยึดติดมากเกินไป เขาเองก็อยากที่จะก้าวข้ามมันเช่นกัน เราเองก็คงมีตัวตนที่เราอยากเป็น ตัวตนคุณที่สมบูรณ์แบบในหัว แต่เราอาจะเป็นมันได้หรือไม่ได้ก็ได้
*นัมจุนเคยบอกว่าเพลงนี้น่าจะชื่อ refection ซึ่งก็แอบเห็นด้วย เพราะเพลงนี้คือเหตุผลที่ทำให้ตัวเราหรือแม้แต่ทุกคนทุกใจ เรามีเหตุผลอยู่ และนั่นทำให้เราเป็นในตัวตนที่เราแสดงออกมา เพลงนี้อาจจะเป็น “Reflection”ในฐานะของต้นเหตุ และเพลง “Reflection”จริงๆนั้นอาจจะเป็นผลจากสิ่งที่เกิดขึ้น
RM (BTS) – EVERYTHING GOES <Track 6>
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านไปโดยปกติเราจะกลับไปมองเรื่องนั้นไม่ใหญ่มากเท่าแต่ก่อนหรือเราอาจจะยิ้มให้กับเรื่องราวที่เคยเศร้าเสียด้วยซ้ำในบางที เหตุผลก็อาจจะมาจากเวลาที่จะช่วยเยียวยา ประสบการณ์ที่ทำให้เราคิดและปล่อยวางมากขึ้น
เราต่างเติบโตจากความเจ็บปวดที่เคยเจอ เราชอบคำเปรียบเปรยจาก5เพลงที่ผ่านมาที่เรานั้นก็ทั้งรักและเกลียดตัวเราเองแต่ว่านั่นก็คือโลกทั้งใบของคุณ คือตัวตนของคุณ อย่างน้อยสิ่งที่คุณเผชิญก็ขออย่าให้ละทิ้งตัวเองและลองเผชิญกับมันดู ก็จริงที่ช่วงเวลานั้นคุณอาจจะเจ็บปวดแต่มันจะผ่านไป
อย่างน้อยเพลงนี้ก็มอบความหวังว่าคุณจะโอบกอดตัวเองได้ในสักวันมันจะรอคุณอยู่
*เพลงนี้นัมจุนบอกเล่าว่าตอนไปปรึกษาได้คำๆนี้มา เพื่อที่บรรเทาความเจ็บปวด ขอให้ทุกๆอย่างมันได้ผ่านพ้นไปแบบชื่อเพลง โดยตอนท้ายเพลงเสียงฝนค่อยๆชำระล้างลงมาในสิ่งที่เราแบกรับอยู่ค่อยๆจางไปได้บ้าง
RM (BTS) – FOREVER RAIN <Track 7>
จริงๆเพลงนี้ต้องใช้เวลาซึ่งไม่ใช่การตีความแต่เป็นเวลาทำความเข้าใจกับตัวเอง ถ้าฟังในครั้งแรกเราจะแตะถึงส่วนที่รู้สึกว่าฝนที่สาดลงมาในเพลงนั้นทั้งโศกเศร้าและก็พอกับโลกใบนี้มากๆ และก็จินตนาการให้ทุกสิ่งเชื่องช้าลงจนไม่ขยับอีกต่อไปก็ได้
เขาอาจจะยึดติดในโลกใบนั้นสีหม่นเทาและออกมาไม่ได้ตลอดไปราวกับของให้ฝนนั้นตกตลอดไปก็ได้ แต่ถ้าลองกลับมาฟังอีกครั้ง ฝนอาจจะไม่ใช่ความหมายในเชิงโศกเศร้าเสมอไป ฝนอาจจะกำลังชะล้างสิ่งที่เราเป็นให้เราได้รู้สึกเบาใจและเข้าใจอะไรมากขึ้น อาจเป็นอะไรที่คุณได้เข้าใจตัวเองขึ้นไปอีก
บางทีเรายินดีที่ฝนได้กลงมาจากฟากฟ้าให้เราได้อยู่กับตัวเองสักพักนึง แม้คุณจะตัวเปียกไปบ้างเพราะละอองฝนคุณก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เป็นได้ แม้โลกจะสีเทาแต่โลกของความเป็นจริงที่เราอยู่ก็ไม่ได้ใส่สะอาดแต่ถึงแบบนั้นนั่นก็คือชีวิตของคุณ ตัวตนของคุณ และเรื่องราวของคุณทั้งหมด
*เรื่องเจ้าชายน้อยที่ทุกครั้งคุณอ่านก็จะตีความได้แบบใหม่ทุกครั้งที่ได้อ่านเพราะอาจจะหล่อหลอมาจากประสบการณ์และตัวคุณที่โตขึ้น และเพลงนี้ก็คงจะเหมือนกัน ถ้าเราเติบโตจากความโศกเศร้าที่เคยเป็น คุณอาจจะได้มุมมองใหม่จากมันก็ได้ หวังว่าคุณจะฟังเพลงนี้ซ้ำอีกครั้ง
เรามองว่าPlaylistนั้นตีแผ่ความคิดของRMในการยอมรับความเจ็บปวดของชีวิตตนเอง ถ้าเราเจ็บปวดที่ความรู้สึก เราก็ต้องปลดล็อคมันด้วยการเยียวยามัน เป็นเพลงที่ดูโศกเศร้าและลึกซึ้งแต่หลังจากผ่านพ้นคราบน้ำตาก็จะทำให้คนมองหาความสุขได้ง่ายขึ้นอีกครั้งได้
ขอบคุณค่ะ^^