Blossom in Japan ( Tohoku & Around Tokyo )

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่าเป็นรีวิวแรกใน pantip หลังจากที่ฝังตัวอยู่ในนี้มานานมาก สูบข้อมูลต่างๆไปเยอะ ก็เลยคิดว่าเราควรให้อะไรกลับไปบ้าง จึงคิดที่จะรีวิวทริปนี้ขึ้นมาค่ะ โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากผิดพลาดประการใดขอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย (ในกระทู้นี้จะไม่ได้ลงการเดินทางโดยละเอียดไว้นะคะ หากใครสนใจหรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม หลังไมค์มาได้นะคะ ยินดีค่ะ)

ทริปนี้เกิดจากความตั้งใจที่จะไปดูซากุระบานแบบ Full bloom สักครั้ง จึงเกิดการรวมตัวกันของเราเหล่าพี่น้อง ผู้ร่วมทริปนี้ประกอบไปด้วย เรา น้องสาว น้องชาย และ น้องสะใภ้ รวม 4 คน และทุกคนสะดวกที่จะลางานในช่วงสงกรานต์ จึงปักหมุดตามล่าซากุระที่ Tohoku เพราะภูมิภาคนี้ซากุระบานช่วงๆเดือนเมษายน และใช้ Miyagi เป็นฐานที่ตั้ง แล้วถ้าซากุระบานที่ไหนเราก็จะนั่งรถไฟไปในจุดนั้น และเนื่องจากว่าน้องชายและน้องสะใภ้เพิ่งมาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกและยังไม่เคยเห็นหิมะเราจึงพยายามจัดทริปที่ว่ามาญี่ปุ่นครั้งแรกควรไปโดน ซึ่งวันหลังๆ เราจะมีฐานที่มั่นอยู่ในโตเกียวค่ะ  ทริปคร่าวๆจึงเป็นตามนี้  จริงๆในplan วางที่เที่ยวไว้เยอะกว่านี้ แต่พวกเราเที่ยวกันแบบ slow and chill ตามสังขารและอายุ เน้นแนว sight seeing นั่งมองผู้คนอะไรไป ( 4 คนในทริปอายุรวมกันเกือบ 150 ปี 55 ) ก็ได้เท่านี้แหละ

แผนการเดินทาง

<a>14-23</a> April 2019

Day  1 (14 april 2019 )  : BKK – Singapore - Narita

Day 2 : Narita airport to Miyagi,Sendai / Nishi park / Clis road

Day 3 : <a>Funaoka ruin castle / Hitomesenbonzakura / Hanamiyama (Fukushima) / Tsutsujigaoka Park</a>

Day 4 : <a>Tsutsujigaoka Park / Kaiseizan Koen (Fukushima) / Yamagatadera</a>

<a>Day 5 : Sendai to Tokyo / Hitachi seaside Park / Ueno</a>

Day 6 : Galayuzawa Ski resort / Shibuya

Day 7 : Kawaguchigo / Shinjuku

Day 8 : Tsukiji Station / Tokyo tower + Zojoji temple / Tokyo station / Ameyoko

Day 9 : Ryogoku / Senjoji temple / Ueno park

Day 10 : BKK

 

                3 คืนแรกเราจะนอนที่ miyagi แต่ไม่ได้วางแพลนชัดเจนว่าจะไปเที่ยวในที่ใดบ้าง เพราะเราจะเจาะไปในสถานที่ที่ซากุระ full bloom โดยเราติดตามข่าวสาร การบาน การร่วง แบบเจาะลึกรวดเร็ว จากเพจดีๆ   https://th-th.facebook.com/sabaisabaijapan/ ขอบอกว่าแอดมินใจดีม๊ากกกกกกกค่ะ  ขอบคุณจริงๆค่ะ ข้อมูลจากเพจนี้ช่วยให้ทริปของเราสมบูรณ์มากขึ้น

                  3 คืนถัดมา เราจะไปเที่ยวตามจังหวัดใกล้เคียงโตเกียว ส่วน 2 วันสุดท้ายจะเป็น Tokyo Hopping เก็บ Landmark+shopping ในโตเกียวค่ะ

Transportation

                ใช้บริการของสายการบิน Singapore airline (ซื้อตอนไม่มี promotion ใดๆทั้งสิ้น 5555) การเดินทางอื่นๆใโดยหลักๆจะใช้รถไฟความเร็วสูง ซึ่งเราได้ซื้อบัตรเบ่ง JR East pass ไว้แล้ว ( ใช้เบ่งได้ 5 วันถ้วน ) นอกจากนี้ค่อยเล่าให้ฟังอีกทีนะคะว่าในแต่ละวันเดินทางอย่างไรบ้าง

ค่าใช้จ่าย     (ไม่รวมค่ากินและ Shopping )ตามนี้ค่ะ


รูปถ่ายจะมากล้องมือถือ IP 7 plus ของเรากับบางส่วนจากน้องที่ใช้กล้อง Huewei Nova3i ผ่าน App VSCO  ค่ะ อาจจะไม่ค่อยคมชัด และเก็บบรรยากาศความงดงามของแต่ละสถานที่ได้ในระดับกะโหลกกะลา  แต่ยืนยันเลยค่ะว่าทุกที่มีความสวยงามที่มากเกินกว่าจะเก็บบันทึกได้ด้วยภาพถ่าย

 

วันที่  1 : BKK – Singapore – Narita

ออกเดินทางโดยสายการบิน Singapore airline ต่อเครื่องที่ Changi Airport และบินไปลงที่ Narita airport

 

วันที่ 2  Narita - Miyagi

Transportation : JR east pass เท่านั้น

เราถึงสนามบิน Narita ในเวลา 8.00 น. คนค่อนข้างเยอะ การผ่านตม.ใช้เวลานานทีเดียว คนต่อแถวยาวมาก และเมื่อผ่านตม.มาแล้วเราก็ต้องไปแลก JR east pass ด้วยคูปองที่เราซื้อมาจากไทย และก็อีกเช่นกัน คนเยอะมาก  กว่าเราจะทำธุระเสร็จแวะทานข้าวเสร็จก็เกือบๆ เที่ยง ( ไม่เป็นไร เราไม่รีบ 55 ) จากนั้นเราก็ขึ้น NEX เพื่อออกจากสนามบิน ไปยังสถานี Tokyo เพื่อขึ้น Shinkanzen ไปยัง Sendai  นี่ค่ะ Shinkanzen คันแรกของทริปที่พวกเรานั่ง  His name is Hayabusa


จากโตเกียวไปยัง sendai station ใช้เวลาราวๆ 195 นาทีค่ะ เมื่อถึง Sendai แล้วเราต้องต่อ JR ไปอีก 1 สถานี ไปยังสถานี Tsutsujigaoka  เนื่องจากเป็นสถานีที่ที่รร.ของเราอยู่ใกล้ โดยเมื่อถึงสถานีแล้ว ออก exit 2 เดินไปอีกราว 200 เมตรก็ถึงรร.ค่ะ ลืมบอกไปรร.ที่เราพักชื่อ Hotel Mielparque Sendai


ห้องที่เราจองเป็นห้อง Semi double room ค่ะ ห้องขนาดราวๆ 15 ตร.ม.เตียง เล็กๆตามสไตล์ญี่ปุ่น ( ลืมถ่ายรูป มีแค่รูปเดียวค่ะ)  เราไปถึงรร.ราวบ่ายสองซึ่งยังไม่ถึงเวลา check in แต่ว่าทางรร.เคลียร์ห้องให้ได้ เราเลยสามารถเข้าห้องได้เลยค่ะ


สำหรับรร.นี้ ค่อนข้างดีเกินคาดเมื่อเทียบกับราคา

ข้อดี 1.ทำเลดี ไม่ไกลจากสถานี JR ,ใกล้สวน Tsutsujigaoka park ,มี 7-11 /Lawson/Family mart ,สงบ ไม่พลุกพล่าน

        2.พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี อัธยาศรัยดี

       3.มี public bathroom(บ่อน้ำร้อน) อยู่ชั้น 11 ของรร. สามารถใช้บริการได้ฟรี (เราชอบเป็นพิเศษ ให้อารมณ์ onsen นิดๆ)

       4.อุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกมีครบตามที่รร.ควรมี สามารถ request เตารีดเพิ่มได้ , มีmicrowave ส่วนกลางอยู่หน้าลิฟต์ให้ใช้ได้ทุกชั้น มีน้ำแข็งฟรีที่หน้าลิฟต์เช่นกัน

ข้อเสีย

1.ปลั๊กไฟค่อนข้างน้อย

2. ไม่มีตู้เซฟให้

พักผ่อน refresh กันสักพักหนึ่ง บ่ายสามโมงเราก็นัดรวมพลแก๊งเต่าชิลล์ของเราเพื่อเริ่มทริป Blossom ของพวกเราเนื่องจากค่อนข้าง เพลียจากการเดินทางในระดับนึง จึงตกลงกันว่าวันนี้เราจะไปที่ Nishi park และเดินเล่นและหาอะไรทานมื้อเย็นที่ย่านการค้า Clis road กัน

Nishi park

จริงๆแล้วที่นี่สามารถไปถึงได้โดย นั่งรถไฟใต้ดิน สายโทไซ  Omachi-nishikouen  station ก็ถึงที่สวนเลย แต่พวกเราเลือกที่จะเดินจากสถานี Sendai ไปที่สวน ระยะทางประมาณ 2 กม.เพื่อชมบ้านเมือง เดินเนิบๆกันไป สักพักก็ถึงที่สวน บรรยากาศที่สวนก็จะมีร้านรวงและเหล่าพนักงานออฟฟิศมาปูผ้าสีฟ้านั่งจับจองที่ใต้ต้นซากุระ สวยๆในสวนกัน เพื่อนั่งสังสรรค์ พักผ่อนหย่อนใจกันหลังเลิกงาน   สวนนี้ซากุระไม่เยอะมาก แต่เวลา full bloom ก็สวยและได้บรรยากาศในการ Hanami ทีเดียวค่ะ

      หากขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน สถานี Omachi-nishikouen ก็จะเจอทิวน้องซากุระ full bloom ต้อนรับแบบนี้เลย ( ลืมถ่ายมาเฉพาะรูปวิว เลยเป็นรูปวิว + ป้า ไปแล้วกันนะ)

1.        Funaoka Ruin Castle Park

                จุดหมายแรกของเราในวันนี้คือ  Funaoka Ruin castle Park และ Hitome senbonzakuraซึ่ง 2 จุดนี้จะเชื่อมต่อกันค่ะ เราใช้ JR pass เพื่อขึ้น JR Tohoku Line จากสถานี JR Sendai ไปลงที่ สถานี JR Funaoka  ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เมื่อถึงที่สถานีจะมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดสีชมพู ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ดีคอยให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวว่าต้องเดินไปทางไหน มีจุดใดน่าสนใจบ้าง รวมทั้งมีแผนที่ขนาดใหญ่อยู่หน้าสถานีเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวหลง พวกเราเลือกเส้นทางที่เดินผ่านหมู่บ้านไป ซึ่งจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ไปจนถึงเนินเขาที่เป็นลาดจอดรถบัส พวกเราก็เริ่มตื่นเต้นกับภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยซากุระที่กำลังฟูบาน สวยงามมากจริงๆ ค่ะ ค่อยๆเดินขึ้นไป ชมวิวไป ถ่ายรูปไป ทางขึ้นเขาจะประมาณนี้
เดินขึ้นไปเรื่อยๆก็จะเป็นลานที่มีจุดแนะนำนักท่องเที่ยวและร้านค้าขายอาหาร รวมถึง Highlight ของที่นี่ นั่นคือเจ้ารถราง slope car คันนี้ค่ะ

ค่าขึ้นเที่ยวละ 300 เยน เราขึ้นอย่างเดียวค่ะ ขาลงเดินชมวิวลงไปค่ะ

ค่อยๆไต่ผ่านทิวซากุระไป  ถึงแล้ว………..


จากนั้นเราก็เดินต่อไปอีกหน่อยเพื่อขึ้นไปชมวิวที่ยอดเขาค่ะ  วิวระหว่างทาง สวยมากจริงๆ


ที่ยอดเขาจะมีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ สวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางดงซากุระ




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่