มาต่อจากตอนที่ผ่านมา  https://ppantip.com/topic/42721711

มีคลิปบรรยากาศให้ชมกันครับ ไม่ใช่รีวิวน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

(คราวนี้เน้นรูปหน่อยนะครับ )
.
จากตอนที่แล้วที่เรานั่งรถไฟไปที่ Funaoka ที่อยู่ทางใต้ของ Sendai ..ในเมื่อมีใต้แล้วก็ต้องมีเหนือ ฉะนั้นวันนี้เราจะนั่งรถไฟขึ้นเหนือเล็กน้อยไปที่ Matsushima ที่มีจุดชมซากุระที่โด่งดังคือ สวน Saigyo Modoshi no Matsu ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือการชมซารุกะพร้อมดูดวงอาทิตย์ขึ้นที่อ่าว Matsushima Bay นั่นเองครับ
.
วันนี้เราเดินทางด้วยรถไฟ JR เช่นเดิม จาก Sendai Station มุ่งขึ้นไปที่ สถานี Matsushimakaigan Station
เรามาถึงเวลาประมาณ 10:00 และเริ่มเดินจากตัวสถานีรถไฟไปที่สวน Saigyo Modoshi no Matsu ด้วยระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร ระหว่างทางผมรู้สึกว่าวันนี้มีทักท่องเที่ยวเยอะกว่าเมื่อวาน สังเกตได้ตั้งแต่ปริมาณคนบนรถไฟและจำนวนคนที่เดินสวนกลับลงมา
..พอดีลืมศึกษาเส้นทาง ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นถนนขึ้นเขา ทำเอาหอบจับกันเลยทีเดียว
ระหว่างทางเป็นบรรยากาศที่ชอบมาก ๆ เพราะริมถนนเต็มไปด้วยป่าของต้นสน เป็นพันธุ์ไม้ที่ผมชอบมาก ๆ เพราะเวลาดูเห็นแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในการ์ตูนตอนเด็ก ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป่าต้นสนริมทาง

เมื่อเดินทางถึงบริเวณจุดจอดรถก่อนขึ้นไปจุดชมวิว ก็จะพบกับลานหญ้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก พอมายืนอยู่จุดนี้รู้สึกเงียบสงบมาก ๆ เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนจุดชมวิวแล้วบอกเลยว่าหายเหนื่อยครับ เพราะวิวตรงนี้สวยงามมาก นึกภาพไม่ออกเลยว่าคนที่มาตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจะได้รับชมความสวยงามขนาดไหน

เราใช้เวลาอยู่ข้างบนนี้สักพัก ดื่มด่ำกับบรรยากาศด้านบน และที่เรียกรอยยิ้มจากนักท่องเที่ยวคือหมาชิบะของนักท่องเที่ยวท่านอื่น ๆ ที่พาน้อง ๆ ขึ้นมาชมวิวด้วย ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดีไปใหญ่เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จุดชมซากุระพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นที่มองออกไปยัง Matsuhima Bay ที่สามารถเห็นสะพาน Fukuurabashi Bridge ได้ชัดเจนอีกด้วย

ที่สวน Saigyo Modoshi no Matsu จะมีคาเฟ่ชื่อดังคือ Cafe le Roman คาเฟ่ห้องกระจกท่ามกลางต้นซากุระและวิวทะเลของเมือง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Cafe le Roman บอกเลยว่าใช้เวลาต่อคิวนานมาก ๆ จำได้ว่าผมเองใช้เวลารอคิวประมาณ 1:30 ชั่วโมง แต่ระหว่างที่รอคิว ในบริเวณคาเฟ่ก็มีส่วนของที่โล่งที่สามารถนั่งรอพร้อมกับมีกลีบซากุระที่ร่วงใส่หัวจากลมที่พัดอยู่ตลอดเวลา
เป็นบรรยากาศการนั่งรอคิวที่ดีไม่ต่างจากสุกี้ตี๋น้อยเท่าไหร่ ลมเย็นสบายจนมีเผลอนั่งหลับกันบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จุดนั่งชมซากุระและซากุระเมื่อเราแหงนมองขึ้นด้านบน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บรรยากาศซากุระภายในบริเวณสวน Saigyo Modoshi no Matsu

เราใช้เวลาอยู่ที่สวน Saigyo Modoshi no Matsu ถึงเวลาประมาณ 14:30 น. จึงเดินกลับลงมาจากสวนด้วยเส้นทางเดิม แต่เป้าหมายต่อไปคือริมชายฝั่ง Matsushima Bay เราจึงเดินตัดผ่านเส้นทางชุมชนก็ทำให้ได้เจออะไรสวยงามอีกพอสมควรครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ระหว่างทางเดินกลับลงไปยังริมชายฝั่ง Matsushima Bay

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ระหว่างทางเดินมาที่ริมชายฝั่ง จะมีต้นสนญี่ปุ่นขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด สวยงามมาก ๆ เลยครับ

เมื่อเดินมาถึงบริเวณ Matsushima Sightseeing Cruise ตรงนี้ลมทะเลแรงมาก ๆ เลยครับ มีผู้คนเดินไปมามากมาย รวมถึงนกนางนวลที่บินวนอยู่ตามชายฝั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นจริง ๆ เลยครับ
จากจุดนี้ถ้ามองออกไปทางทะเลจะพบเกาะ Kujirajima และ Kamejima ตั้งตระหง่านกลางทะเลพร้อมกับเรือใบที่แล่นผ่านเกาะไปมา เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ด้วยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วิวทะเลของ Matsushima Bay

ซึ่งที่ Matsushima นี้จะมีการสร้างโกไดโต (Godaido) หอคอยที่อยู่ตามเกาะหรือหน้าผา อย่างเช่นที่ผมไปมาคือโกไดโตของวัดซุยกันจิ (Godaido of Zuiganji Temple) ที่ตัววัดนั้นอยู่บนฝั่งห่างจากหอคอย 500 เมตร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Godaido of Zuiganji Temple

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สะพาน Fukuurabashi Bridge มองจาก Godaido of Zuiganji Temple

อีกหนึ่งสะถานที่ที่เรากล่าวถึงมาตั้งแต่เช้าคือ สะพาน Fukuurabashi Bridge
สะพานสีแดงที่ทอดยาวจากชายฝั่ง Matsushima ไปที่เกาะ Fukuurajima Island โดยการข้ามสะพานจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 200เยนครับ
ส่วนเราไม่ได้ข้ามสะพานไปเพราะกว่าจะเดินมาถึงมันก็ใช้เวลาเกือบจะเย็นมากแล้วครับ เราจึงใช้เวลาอยู่กับการถ่ายรูปสะพานและยืนรับลมเย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สะพาน Fukuurabashi Bridge

เมื่อเดินกลับมาที่ทางเข้า Godaido จะเจอร้านขายอาหารเล็ก ๆ ชื่อว่า Genzou Seafood Grill ซึ่งเพื่อนผมหาข้อมูลมาว่าคือร้านที่ถูกบอกต่อว่าน่าลิ้มลอง
และเมื่อผมเหลือบไปเห็นเมนู ลิ้นวัวย่าง! ผมก็พร้อมจะลิ้มลองตามที่ถูกแนะนำทันที โดยส่วนตัวนั้นเมนูลิ้นวัวคือหนึ่งในหมุดหมายของการมาเที่ยวครั้งนี้อยู่แล้วครับ ซึ่งราคาก็อยู่ที่ไม้ละ 750เยน และรออาหาร 5-6 นาที
ส่วนเพื่อนผมนั้นขอลองเมนู โครกเกะลิ้นวัว ราคาชิ้นละ 350เยน เพื่อนบอกว่าอร่อยมากเหมือนกันครับ
..ขอรีวิวแบบแอบอวยหน่อยว่า รสชาติลิ้นวัวย่างดีมาก ๆ เลยครับ ตัวลิ้นที่ให้มาไม่หนาไม่บางเกินไป มีกลิ่นควันอ่อน ๆ จากการย่าง รสชาติบอกไม่ถูกแต่มันดีมาก ๆ เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร้าน Genzou Seafood Grill และ ลิ้นวัวย่างเสียบไม้…อยากทานอีก TT

หลังจากทานเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี Matsushimakaigan Station เพื่อกลับไปยัง Sendai
และเมื่อมาถึงสถานีกลาง Sendai ผมเองก็รู้สึกอยากลองลิ้นวัวตามร้านอาหารว่าจะแตกต่างกับที่เพิ่งจะได้ทานมาแค่ไหน ก็เลยตามหารและเลือกร้านในบริเวณสถานี
บอกเลยว่าที่นี่เขาให้ลิ้นวัวหนาพอ ๆ กับหมูปิ้งนมสดที่บ้านเราเลยครับ ส่วนเรื่องรสชาติมีความแตกต่างกันตามชอสราดที่เลือก ส่วนตัวแล้วชอบทั้งคู่เลยครับ จริง ๆ แล้วจะยังไงก็ได้ขอแค่เป็นลิ้นวัวผมก็โอเคแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ชุด Set เมนูลิ้นวัว

…แต่แล้ว แค่ลิ้นวัวก็ไม่เพียงพอสำหรับเรา เราจึงเดินไปตามหาซูชิบาร์… (ฮ่า ๆ ๆ ๆ)
และแล้วก็พบร้านซูชิบาร์ที่น่าสนใจ ภายในร้านไม่มีภาษาอังกฤษและรูปภาพของเมนู มีเพียงเชฟสูงอายุชาวญี่ปุ่นประจำที่บาร์พร้อมกับลูกค้าชาวญี่ปุ่นในร้าน รวมถึงพนักงานต้อนรับก็จะไม่สื่อสารภาษาอังกฤษ ถึงแม้จะงง ๆ เล็กน้อยในช่วงแรก แต่ก็ประสบความสำเร็จในการได้ลองทานซูชิที่อยากทานครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร้านซูชิบาร์

หลังจากทานเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินกลับโรงแรมแล้ว ระหว่างทางกลับก็ไม่พ้นการเดินหาร้านอาหารไว้สำหรับวันต่อ ๆ ไป ครับ ฮ่า ๆ
สำหรับ Matsushima วันนี้ เราเดินไปประมาณ 19,000 ก้าว ระยะทางรวม 14.8 กิโลเมตรครับ เป็นวันที่เน้นการอยู่กับที่พอสมควร
.
ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้นะครับ  
สามารถคอมเมนท์พูดคุยกันได้ด้านล่าง
.
ติดตามต่อ Ep.3 เร็ว ๆ นี้
.
อุปกรณ์ถ่ายภาพในทริปนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Fujifilm XT-5 // XF16-80mm // XF 35mm
GoPro Hero 11
iPhone 12 Pro Max