ขอบอกก่อนเลยว่า นี้เป็นกระทู้แรกที่เราตั้ง ยังทำอะไรไม่ค่อยเป็นสักเท่าไร
เข้าเรื่อง เรื่องมีอยู่ว่า น้องสาวเราแต่งงานกับน้องเขยชาวเหนือ ยังไม่ถึงสองเดือนเลย ผู้ชายคนนั้นก็หนีไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน โดยที่เอาเงินที่กดจากบัตรอิออนน้องเรา ไปสู่ขอผู้หญิงคนนั้นอีกที 7 หมื่นบาท
โดยก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมาแต่งงานกัน ก็คบกันมาอยู่ประมาณ 2 ปี (แต่งงานเดือนมีนาคม 62)
ก่อนที่จะแต่งงานกัน วันก่อนงานแต่ง น้องเขยก็บ่นปวดหัวๆ เครียดๆ อยากตายอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่ทราบสาเหตุเลย ได้แต่สันนิษฐานว่า คงจะเป็นสาเหตุมาจากการที่เขาย้ายของมาอาศัยอยู่กับน้องเราก่อนแต่งงาน แล้วแม่ของเราก็โทรเตือนน้องสาวเราว่าระวังให้ดีนะ ย้ายของมาอยู่ด้วยกันระวังเขายกเค้าหนี แต่แล้วน้องเขยเราก็ได้ยินที่แม่เตือนน้องสาวเราพอดี เลยคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นนี้ที่ทำให้เครียดๆ จนไม่อยากกลับไปแต่งงาน เพราะโกรธที่แม่เราดูถูก
น้องเราพูดยังไงก็บอกปวดหัวๆ เครียดๆ อยากตายๆ ชีวิตพังแล้วๆ อยู่ตลอดเวลา ทางบ้านเราก็เครียดที่น้องเขยไม่ยอมกลับมาเพื่อแต่งงาน ของทุกอย่างก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วด้วย
จนน้องเราทนไม่ไหว เลยโทรไปหาพ่อของน้องเขย ให้มากล่อมให้กลับไปแต่งงาน ถึงยอมกลับไปแต่งกับน้องเราที่ต่างจังหวัด (ลืมบอกไป น้องเรากับน้องเขยเราทำงานโรงงาน ที่อยุธยา แต่คนละโรงงานกัน)
ตอนแรก ครอบครัวฝ่ายน้องเขยจะตามมางานแต่ง หลังจากที่น้องเรากับน้องเขยกลับไปที่บ้านเราแล้ว แต่มันก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาก่อน ทำให้พ่อของน้องเขย ต้องลงมาจากทางภาคเหนือ เพื่อมากล่อมน้องเขยให้ไปแต่งงาน
ในวันงาน ก็เป็นไปอย่างราบรื่น ปกติดีทุกอย่าง เรียบร้อยด้วยดี
พอแต่งงานเสร็จ น้องเขยก็ขอกลับไปทำงานทันทีเลย โดยให้เหตุผลว่า ลางานมาได้แค่ 2 วัน ต้องกลับไปทำงาน ทางเราก็โอเค ไม่เป็นไร หลังจากนั้นประมาน 3 4 วัน น้องของเราก็กลับไปทำงานเหมือนกัน
พอผ่านงานแต่งมาสักประมานสามสี่วัน น้องเราเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของน้องเขย
ก็คือปกติน้องเขยจะเป็นคนที่ค่อนข้างเอาใจน้องเราพอสมควร คอยกดไลค์เฟสบุ๊คน้องเราปกติ แชทหาปกติ ซื้ออะไรมาเอาใจทุกอย่าง แต่พอเหตุการณ์หลังงานแต่งงานมา มันจะกลับกันหมดเลย น้องเราทำอะไรให้ก็ไม่พอใจ ไม่รับสักอย่าง มีแต่หงุดหงิดตลอด ทำอะไรให้ก็ไม่พอใจ ซื้อของให้ก็ไม่เอา ขนาดงานวันเลี้ยงงานแต่งที่ไปจัดในที่ทำงาน เพื่อเลี้ยงพวกเพื่อนๆในที่ทำงาน น้องสาวเราให้ใส่ชุดไหนไปงานก็ไม่ยอมใส่ กลับใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น สีดำทั้งชุดไป เหมือนชิลมาก เหมือนแต่งตัวไว้อาลัยเลย ในขณะที่น้องสาวเราใส่ชุดเดรสสีชมพูอ่อนไปงาน คือมันเหมือนไม่ให้เกียรติกันเลย
แล้วในวันงาน ก็ไม่ยอมถ่ายรูปให้เห็นหน้าเลยสักรูป น้องสาวเราเอารูปภาพในงานเลี้ยงมาโพสลงเฟส แต่กลับไม่มีรูปน้องเขยเลยสักรูป เราก็เลยสงสัย แล้วถามว่าทำไมไม่มีรูปน้องเขยเลย น้องสาวเราก็ตอบว่า มันไม่ยอมถ่าย ไม่อยากถ่าย แท้คไปก็ไม่รับแท้คเลย ตั้งแต่งานแต่งแล้วที่แท็คไปก็ไม่รับเลย เราก็เลยคิดว่ามันไม่น่าจะใช่ละแบบนี้
ไม่รู้อะไรดลใจเราให้ไปเช็คดูเฟสของน้องเขยดู แล้วเราก็เลื่อนไปเห็นรูปของน้องเขยในสมัยก่อนที่จะมาแต่งงานจำนวนหนึ่ง ที่มีคนกดหัวใจให้ แบบมีแต่คนๆนี้เลยที่ไปกดให้ตลอด เราเลยเอะใจ ว่ามันไม่น่าจะใช่ประเด็นที่ว่าเกี่ยวกับแม่ของเราแล้วมั้ง ที่ทำให้น้องเขยไม่อยากจะกลับไปแต่งงาน มันน่าจะเกิดจากการที่น้องเขยมีคนอื่นหรือเปล่า คบซ้อนหรือเปล่า เพราะเหตุการณ์ช่วงนั้นมันตรงกับเหตุการณ์ของป็อป ปองกูล ที่คบซ้อนพอดีเลย เราเลยสงสัย เลยเอารูปโปรไฟล์ของผู้หญิงคนนั้น ไปบอกน้องสาว น้องสาวเลยประติดประต่อเรื่องราวว่า หลังจากที่แต่งงานกลับมาทำงานแล้ว น้องเขยเคยบอกกับน้องเราว่า อยากขอยืมมือน้องสาวเรา เพื่อแก้แค้นแฟนเก่าหน่อย
โดยทำทีว่าได้เลิกกับน้องเราแล้ว ได้บล็อกเฟสบล็อกไลน์น้องเราแล้ว แล้วจะกลับไปหาแฟนเก่าเพื่อแก้แค้น เพราะแฟนเก่าน้องเขย ทิ้งน้องเขยไปมีคนอื่น แต่ทักแชทมาหาเหมือนเดิม เหมือนอยากกลับมาขอคืนดี โดยบอกว่าให้บล็อกเฟสบล็อกไลน์น้องเรา แล้วก็เลิกกับน้องเราสะ ตอนแรกน้องเราก็ยอมทำตาม แต่หลังๆมามันช่างเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมมันบอกแค่นิดเดียว ถึงยอมทำตามขนาดนี้ น้องเราเลยไม่ยอมร่วมมืออีก มันก็เลยเลิกทำ
บวกกับน้องเราสังเกตเห็น ว่ามีคนชื่อหนึ่งในโทรศัพท์ของน้องเขย โทรเข้าออกหาน้องเขยเราบ่อยมาก ซึ่งมันตรงกับชื่อเฟสคนที่เราสงสัยพอดี น้องสาวเราเลยแชทไปถามน้องเขยว่า เฟสนั้นเป็นใคร ทำไมกดหัวใจให้บ่อยจัง ถึงได้รู้ความจริงว่า คนนี้แหละ คือแฟนเก่าน้องเขยเราเอง แล้วอีกอย่าง น้องสาวเราบอกว่า เคยเห็นน้องเขยพิมพ์แชทแบบยาวเหยียดมาก เหมือนกำลังพิมพ์เพื่ออธิบายอะไรบางอย่าง ให้ใครคนหนึ่งเข้าใจเลย แต่น้องสาวเราก็ไม่ได้ถามน้องเขยเลย ได้แต่เก็บเอาไว้
หลังจากนั้นน้องสาวเราก็เริ่มมีอาการระแวงทันที จะทักแชทไปถามตลอดว่า อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ แทนที่จะได้คำตอบดีดี กลับโดนเหวี่ยง โดนว่าตลอด
มีอยู่วันหนึ่ง น้องเขยเรามีความคิดที่ว่า อยากย้ายกลับไปอาศัยอยู่ที่หอเดิม ที่เคยพัก ก่อนที่จะมาพักกับน้องสาวเรา โดยจะออกไปดูลาดราวก่อน
วันนั้นเป็นวันหยุดของน้องเขยเรา ส่วนน้องสาวเราก็ยังทำงานอยู่ปกติ (ทำงานคนละกะ คนละโรงงาน) โดยออกไปตั้งแต่แปดโมงเช้า แต่ก็ยังแชทบอกน้องเราอยู่ว่าจะออกไปนะ แต่ผ่านไปสักระยะก็ติดต่อไม่ได้เลย จนเวลาผ่านไปถึงสี่โมงเย็น ถึงติดต่อได้ แต่ก็ได้คำตอบมาว่า ไปเล่นเกมกับเพื่อน ที่ห้องเพื่อน กำลังจะออกไปดูหอ น้องเราก็บอกว่ามันใช่หรอ เล่นเกมจนป่านนี้ เพิ่งจะออกไปดูหอ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าน้องเขยจะเหวี่ยงใส่
หลังจากนั้นน้องสาวเราก็ระแวงมาเรื่อยๆ จนน้องเราทนไม่ไหว เลยทักแชทไปหาผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นแฟนเก่าน้องเขยเรา ถึงได้รู้ความจริงทุกอย่าง ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน มางานแต่งงาน จนถึงตอนนี้ เดี่ยวมาเล่าต่อ เล่าไปเราก็จะร้องให้ สงสารน้อง ขอนอนพักก่อนนะ
น้องสาวเราแต่งงานยังไม่ถึง 2 เดือนสามีก็หนีไปแต่งงานซ้อนแถมกดเอาเงินในบัตรอิออนน้องเราไปสู่ขอชู้อีกต่างหาก ชั่วมั้ย
เข้าเรื่อง เรื่องมีอยู่ว่า น้องสาวเราแต่งงานกับน้องเขยชาวเหนือ ยังไม่ถึงสองเดือนเลย ผู้ชายคนนั้นก็หนีไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน โดยที่เอาเงินที่กดจากบัตรอิออนน้องเรา ไปสู่ขอผู้หญิงคนนั้นอีกที 7 หมื่นบาท
โดยก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมาแต่งงานกัน ก็คบกันมาอยู่ประมาณ 2 ปี (แต่งงานเดือนมีนาคม 62)
ก่อนที่จะแต่งงานกัน วันก่อนงานแต่ง น้องเขยก็บ่นปวดหัวๆ เครียดๆ อยากตายอยู่ตลอดเวลา โดยที่ไม่ทราบสาเหตุเลย ได้แต่สันนิษฐานว่า คงจะเป็นสาเหตุมาจากการที่เขาย้ายของมาอาศัยอยู่กับน้องเราก่อนแต่งงาน แล้วแม่ของเราก็โทรเตือนน้องสาวเราว่าระวังให้ดีนะ ย้ายของมาอยู่ด้วยกันระวังเขายกเค้าหนี แต่แล้วน้องเขยเราก็ได้ยินที่แม่เตือนน้องสาวเราพอดี เลยคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นนี้ที่ทำให้เครียดๆ จนไม่อยากกลับไปแต่งงาน เพราะโกรธที่แม่เราดูถูก
น้องเราพูดยังไงก็บอกปวดหัวๆ เครียดๆ อยากตายๆ ชีวิตพังแล้วๆ อยู่ตลอดเวลา ทางบ้านเราก็เครียดที่น้องเขยไม่ยอมกลับมาเพื่อแต่งงาน ของทุกอย่างก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วด้วย
จนน้องเราทนไม่ไหว เลยโทรไปหาพ่อของน้องเขย ให้มากล่อมให้กลับไปแต่งงาน ถึงยอมกลับไปแต่งกับน้องเราที่ต่างจังหวัด (ลืมบอกไป น้องเรากับน้องเขยเราทำงานโรงงาน ที่อยุธยา แต่คนละโรงงานกัน)
ตอนแรก ครอบครัวฝ่ายน้องเขยจะตามมางานแต่ง หลังจากที่น้องเรากับน้องเขยกลับไปที่บ้านเราแล้ว แต่มันก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาก่อน ทำให้พ่อของน้องเขย ต้องลงมาจากทางภาคเหนือ เพื่อมากล่อมน้องเขยให้ไปแต่งงาน
ในวันงาน ก็เป็นไปอย่างราบรื่น ปกติดีทุกอย่าง เรียบร้อยด้วยดี
พอแต่งงานเสร็จ น้องเขยก็ขอกลับไปทำงานทันทีเลย โดยให้เหตุผลว่า ลางานมาได้แค่ 2 วัน ต้องกลับไปทำงาน ทางเราก็โอเค ไม่เป็นไร หลังจากนั้นประมาน 3 4 วัน น้องของเราก็กลับไปทำงานเหมือนกัน
พอผ่านงานแต่งมาสักประมานสามสี่วัน น้องเราเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของน้องเขย
ก็คือปกติน้องเขยจะเป็นคนที่ค่อนข้างเอาใจน้องเราพอสมควร คอยกดไลค์เฟสบุ๊คน้องเราปกติ แชทหาปกติ ซื้ออะไรมาเอาใจทุกอย่าง แต่พอเหตุการณ์หลังงานแต่งงานมา มันจะกลับกันหมดเลย น้องเราทำอะไรให้ก็ไม่พอใจ ไม่รับสักอย่าง มีแต่หงุดหงิดตลอด ทำอะไรให้ก็ไม่พอใจ ซื้อของให้ก็ไม่เอา ขนาดงานวันเลี้ยงงานแต่งที่ไปจัดในที่ทำงาน เพื่อเลี้ยงพวกเพื่อนๆในที่ทำงาน น้องสาวเราให้ใส่ชุดไหนไปงานก็ไม่ยอมใส่ กลับใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น สีดำทั้งชุดไป เหมือนชิลมาก เหมือนแต่งตัวไว้อาลัยเลย ในขณะที่น้องสาวเราใส่ชุดเดรสสีชมพูอ่อนไปงาน คือมันเหมือนไม่ให้เกียรติกันเลย
แล้วในวันงาน ก็ไม่ยอมถ่ายรูปให้เห็นหน้าเลยสักรูป น้องสาวเราเอารูปภาพในงานเลี้ยงมาโพสลงเฟส แต่กลับไม่มีรูปน้องเขยเลยสักรูป เราก็เลยสงสัย แล้วถามว่าทำไมไม่มีรูปน้องเขยเลย น้องสาวเราก็ตอบว่า มันไม่ยอมถ่าย ไม่อยากถ่าย แท้คไปก็ไม่รับแท้คเลย ตั้งแต่งานแต่งแล้วที่แท็คไปก็ไม่รับเลย เราก็เลยคิดว่ามันไม่น่าจะใช่ละแบบนี้
ไม่รู้อะไรดลใจเราให้ไปเช็คดูเฟสของน้องเขยดู แล้วเราก็เลื่อนไปเห็นรูปของน้องเขยในสมัยก่อนที่จะมาแต่งงานจำนวนหนึ่ง ที่มีคนกดหัวใจให้ แบบมีแต่คนๆนี้เลยที่ไปกดให้ตลอด เราเลยเอะใจ ว่ามันไม่น่าจะใช่ประเด็นที่ว่าเกี่ยวกับแม่ของเราแล้วมั้ง ที่ทำให้น้องเขยไม่อยากจะกลับไปแต่งงาน มันน่าจะเกิดจากการที่น้องเขยมีคนอื่นหรือเปล่า คบซ้อนหรือเปล่า เพราะเหตุการณ์ช่วงนั้นมันตรงกับเหตุการณ์ของป็อป ปองกูล ที่คบซ้อนพอดีเลย เราเลยสงสัย เลยเอารูปโปรไฟล์ของผู้หญิงคนนั้น ไปบอกน้องสาว น้องสาวเลยประติดประต่อเรื่องราวว่า หลังจากที่แต่งงานกลับมาทำงานแล้ว น้องเขยเคยบอกกับน้องเราว่า อยากขอยืมมือน้องสาวเรา เพื่อแก้แค้นแฟนเก่าหน่อย
โดยทำทีว่าได้เลิกกับน้องเราแล้ว ได้บล็อกเฟสบล็อกไลน์น้องเราแล้ว แล้วจะกลับไปหาแฟนเก่าเพื่อแก้แค้น เพราะแฟนเก่าน้องเขย ทิ้งน้องเขยไปมีคนอื่น แต่ทักแชทมาหาเหมือนเดิม เหมือนอยากกลับมาขอคืนดี โดยบอกว่าให้บล็อกเฟสบล็อกไลน์น้องเรา แล้วก็เลิกกับน้องเราสะ ตอนแรกน้องเราก็ยอมทำตาม แต่หลังๆมามันช่างเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร ทำไมมันบอกแค่นิดเดียว ถึงยอมทำตามขนาดนี้ น้องเราเลยไม่ยอมร่วมมืออีก มันก็เลยเลิกทำ
บวกกับน้องเราสังเกตเห็น ว่ามีคนชื่อหนึ่งในโทรศัพท์ของน้องเขย โทรเข้าออกหาน้องเขยเราบ่อยมาก ซึ่งมันตรงกับชื่อเฟสคนที่เราสงสัยพอดี น้องสาวเราเลยแชทไปถามน้องเขยว่า เฟสนั้นเป็นใคร ทำไมกดหัวใจให้บ่อยจัง ถึงได้รู้ความจริงว่า คนนี้แหละ คือแฟนเก่าน้องเขยเราเอง แล้วอีกอย่าง น้องสาวเราบอกว่า เคยเห็นน้องเขยพิมพ์แชทแบบยาวเหยียดมาก เหมือนกำลังพิมพ์เพื่ออธิบายอะไรบางอย่าง ให้ใครคนหนึ่งเข้าใจเลย แต่น้องสาวเราก็ไม่ได้ถามน้องเขยเลย ได้แต่เก็บเอาไว้
หลังจากนั้นน้องสาวเราก็เริ่มมีอาการระแวงทันที จะทักแชทไปถามตลอดว่า อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ แทนที่จะได้คำตอบดีดี กลับโดนเหวี่ยง โดนว่าตลอด
มีอยู่วันหนึ่ง น้องเขยเรามีความคิดที่ว่า อยากย้ายกลับไปอาศัยอยู่ที่หอเดิม ที่เคยพัก ก่อนที่จะมาพักกับน้องสาวเรา โดยจะออกไปดูลาดราวก่อน
วันนั้นเป็นวันหยุดของน้องเขยเรา ส่วนน้องสาวเราก็ยังทำงานอยู่ปกติ (ทำงานคนละกะ คนละโรงงาน) โดยออกไปตั้งแต่แปดโมงเช้า แต่ก็ยังแชทบอกน้องเราอยู่ว่าจะออกไปนะ แต่ผ่านไปสักระยะก็ติดต่อไม่ได้เลย จนเวลาผ่านไปถึงสี่โมงเย็น ถึงติดต่อได้ แต่ก็ได้คำตอบมาว่า ไปเล่นเกมกับเพื่อน ที่ห้องเพื่อน กำลังจะออกไปดูหอ น้องเราก็บอกว่ามันใช่หรอ เล่นเกมจนป่านนี้ เพิ่งจะออกไปดูหอ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าน้องเขยจะเหวี่ยงใส่
หลังจากนั้นน้องสาวเราก็ระแวงมาเรื่อยๆ จนน้องเราทนไม่ไหว เลยทักแชทไปหาผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นแฟนเก่าน้องเขยเรา ถึงได้รู้ความจริงทุกอย่าง ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน มางานแต่งงาน จนถึงตอนนี้ เดี่ยวมาเล่าต่อ เล่าไปเราก็จะร้องให้ สงสารน้อง ขอนอนพักก่อนนะ