ได้วีซ่าว่ายากแล้ว​ ผ่าน​ ตม.อเมริกายากกว่า​ 2019

อยากมาเล่าประสบการณ์ความน่าสะพรึงของการเข้าอเมริกาครั้งแรกในชีวิต​ ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว อันดับแรกเลยเราก็รู้ๆกันอยู่ว่ากว่าจะได้วีซ่านั้น​ค่อนข้างยาก​ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการกรอก DS-160 จขกท นั้นได้ยื่นวีซ่าช่วงปลายปี​2018 จขกท​ ขอบอกก่อนว่าการยื่นว่าซ่าอเมริกาไม่มีอะไรตายตัวว่า​  อาชีพ​ การงาน​ การเงิน​ ของคุณจะมีผลกับการได้วีซ่า​ ถ้าพูดตรงๆคือดวงล้วนๆที่จะได้เจอ​ จนท  สัมภาษณ์แบบไหน​ ซึ่งเจ้าของกระทู้ทำงานเกี่ยวกับสถาบันสถาบันการเงิน​ ฟังดูแลมั่นคง​ การเงินดี​ อะพอเรากรอกแบบฟอร์มเสร็จ​ จำได้ว่าเรานัดช่วงสายๆ​ ซึ่งคิวแรกสัมภาษณ์ของสถานทูตจะเช้ามากก  เลยขอจองช้าสักหน่อยเผื่อเวลา​ พอเราแลกบัตร้ข้ามาไม่ต้องทำอะไร​ เรียกตามคิว​ พอถึงคิว​ จะมี​ จนท.คนไทยคัดกรองประวัติของเรา​ ว่าเราเปลี่ยนชื่อมากี่ครั้ง​ ตรวจสอบความเรียบร้อยของพาสปอร์ต​ และตรวจสอบยืนยันตัวตน​ ถัดมาจะเป็นการสแกนนิ้ว​ ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือการสัมภาษณ์นี่แหล่ะ​ เราโชคดีได้เจอเจ้าหน้าที่ที่เล็งไว้​ (แลดูใจดี)​ พอถึงคิวสัมภาษณ์​ จนท.ถามว่าเราไปอเมริกาทำไม(ภาษาอังกฤษ)​ เรายื่นวีท่องเที่ยวก้อต้องเที่ยวสิ่คะ​  ตอบไป​ ท่องเที่ยวค่ะ​
จนท.ไปที่ไหน​ เราก้อโซโล้เลยค่ะ​ ตอบดีเทลให้ยาวที่สุดตามแพลนการเดินทาง​ ไปนิวยอร์ค​ บลาๆ​ จนท.เคยไปที่ไหนมาบ้าง​ ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามที่  จขกท​ รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่จะเราสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการได้วีในครั้งนี้​ เนื่องจาก​ จขกท​ เคยเดินทางไปมาประมาณ​ 3​ หน​ เอเชีย​ 2​ ยุโรป​ 1​ เลยเป็นแบคให้เราว่าเราไปอเมริกาครั้งนี้ไม่น่าจะโดดร่ม​ ซึ่งถ้าคนที่ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย​ แล้วยื่นวี​ แนะนำว่าควรเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับแผนเดินทางของคุณให้เปะ  ที่พัก​ ที่เที่ยว​ และการเซฟตี้ตัวเองอย่างไรในการเดินทางครั้งนี้​ ซึ่งการสัมภาษณ์​วีซ่า​ มีเวลาจำกัด​   จนท.จะถามไม่กิน​ 4​ คำถาม​ ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด​ อย่าตระหนก​ ส่วนเอกสารอื่นๆ​หลักฐานการงานการเงินไม่แตะเลยจ้าา​ ซึ่ง​ จนท.บางคนอาจจะขอดูหากเค้าไม่มั่นใจว่า​ คชจ.ของคุณจะไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต​ระหว่างที่อยุเมกา​ สรุป​ จนท.คว้าพาสปอร์ตของคุณไว้​ พร้อม​ enjoy​ your​ trip!!! เสียงสวรรค์จ้าาา​  ทีนี้รอวีซ่าส่งมาที่บ้าน​ 10​ ปียาวๆไป​

อะมาต่อ​ คราวนี้ถึงเวลาที่จะบินไปพบกับด่านต่อไป​คือ​ ตม.!!!

ความยากยังไม่จบ  อะบอกเรื่องตั๋วที่บินไปเมกา​ ซื้อตัวการบินตะวันออกกลาง​ เปลี่ยนเครื่องที่อาบูดาบี​ ซึ่งก่อนบิน​จนท.กราวน์จะถามเกี่ยวกับที่อยู่และเบอร์โทรที่ติดต่อได้ที่อเมริกา​ (ใครรู้จักใครก้ออย่าไปบอกเค้าล่ะ)​ เราก้อเเจ้งเป็นที่อยู่​ รร ที่จอง​ พร้อมบินละจ้า พอเราถึงอาบูดาบีปุ๊บ​ เราก้อต่อเครื่องที่จะไป​ jfk เพื่อลงนิวยอร์ค​ เราก้อเดินหา​เกทที่จะไปต่อปรากฎว่ามันเริ่มทะยิ้มๆ​ ทะยิ้มที่ว่าคือเที่ยวบินที่จะไปอเมริกาทั้งหมดจะไปจัดไว้รวมกัน​ แล้วจะมี​ จนท.บอกให้เราต่อแถวแล้วตรวจพาสตรวจตั๋ว​ พอตรวจเสร็จเราก้อเดินเข้าไปตามทางเดิน​ เจอ จนท.สนามบินอีก​ ตรวจอีก(ตรวจไรนักหนา)​ตรวจเสร็จจะมีที่นั่งเป็นห้องโถง​ ซึ่งอารมแบบเราอยุที่ไหนวะเนี่ยเดินเป็นเขาวงกต​ แล้ว​สักพัก​ จนท.เรียกทุกคนต่อแถวตรวจสัมภาระ​ น้ำดื่ม​ อาหารจะถูกคัดทิ้ง​ อ่าาา​ พอตรวจเสร็จคิดว่าจบละ​ หาห้องน้ำซึ่งตอนนั้น​ จขกท.ปวด..... มาก​ เราเดินลงมาเจอห้องน้ำดีใจสุดๆ​ อ่าพอทำธุรเสร็จ​ เราก้อเดินมาเรื่อยแต่บรรยากาศวังเวงมาก​ ที่ตกตะลึงอยู่เบื้องหน้า คือ​ ตม.​!!!!! ตม.อเมริกา​ คือไม่ได้ตั้งตัวว่าสุดท้าย​ ต้องมาเจอ​  ตม.อเมริกาที่นี่ที่อาบูดาบี​ ขุ่นพระ​ คือปกติ​ เราจะเจอ​ ตม. ก้อต่อเมื่อเราลงเครื่องเหยียบแผ่นดินเค้าแล้ว​  Omg!​ ตม.(อาจเป็นเพราะเป็นสนามบินใหญ่มี​ ผู้เดินทางเยอะและเป็นประเทศในกลุ่มมุสลิม)​  เดินไปแบบยังช็อกอยู่​  เราเข้าช่อง​ จนท.แหม่ม​ ซึ่งตอนนั้นมี​ จนท.ประมาณ​ 5​ เคาน์เตอร์​ ซึ่งว่างหมด ซึ่งตอนนั้นผู้ร่วมชะตากรรมหายหมดเพราะเรามัวแต่เข้าห้องน้ำ​ จนท.เปิดทักทาย​ และถามต่อว่าเราชื่ออะไร​ คำถามที่​ 2​ ถามว่ามาทำอะไร​ที่อเมริกา ซึ่งบอกก่อนว่าเราตอบว่ามาเที่ยว​ ก้อวีเราท่องเที่ยวนี่เนอะ​ แต่ถ้ามาหาแฟน​ มีคนรู้จักแล้วใช้วีเที่ยวต้องตอบให้เนียนอย่าหลุด​ เพราะจนท.ถูกฝึกมาให้จับพิรุธเรา ซึ่งพอ​ จนท.เปิดพาสปอร์ตก้อมีวีซ่าเราแปะ​ นางดูและสีหน้าครุ่นคิด​ ว่าทำไมพาสเราขาวจังไม่มีประวัติการเดินทาง​ ซึ่งลืมไปว่าเราเปลี่ยนชื่อ​ ประวัติเรยอยู่เล่มเก่าทั้งหมด​ เเต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้ควักออกมา​ 1.จนท.ถามว่าไปเที่ยวที่ไหน​ อะไรยังไง​(ตอบตามแพลนเดินทาง)​  นอนที่ไหน​ เราก้อเอา​  รร​ ที่เราจองให้ดู แต่ดันจองไว้คืนเดียวเพราะเราตั้งใจจะไปหาเพิ่มที่นู้นที่ถูกกว่า​ ตอนแรก​ นางซีเรียสมากกกว่ายูมา​ 5​ วันทำไมจองคืนเดียว​ พอเราตอบไปแบบนั้น​ นางก้อรีบเช็คข้อมูลเราที่คอมแบบวินาทีนั้นคือเห็นรูปกระเป๋าตัวเองที่โหลดจากสนามบิน​ ที่หน้าจอด้านข้าง อุต๊ะมาได้ไง​งงงง​ หืมม  จากนั้นคิดว่านางเช็ค​โรงแรมเห็นถือสายคุยด้วย  😭😭 สุดดดจิง​ พอวางสายนางถามเราต่อ​ 2.เอาเงินมาเท่าไหร่​ นางเลยให้เราควักสตังออกมาให้ดู​ คือแบบ​โหดมาก​ เราก้อเลยควักบัตรเครดิตออกมา​ให้ดูด้วย​ พอจบเรื่องที่นอน​ ต่อ3.ด้วยการงาน​ ถามเราว่าทำงานอะไรที่ไทย​ 3.เงินเดือนเท่าไหร่​ เราต้องตรงกะที่เรากรอกใน​ d160 อยุแล้ว​ แต่เรื่องเงินเดือนไม่คิดว่าจะถาม​ คำถามต่อไปคือ​ 5.พ่อแม่อยู่ไหน​ เราก้อตอบว่าไทย​ 6.กลับวันไหน​ พร้อมขอดูไฟท์ขากลับ​ 7.แล้วเคยไปประเทศไหนมาบ้าง​ เราก้อตอบว่า สิงค์โปร ฮ่องกง​ ฝรั่งเศส​ แล้วเค้าถามกลับ​ ไหนไม่เห็นมีลงตราเลย​ นี่เลยรีบควักเล่มเก่าออกมาให้ดู​ พอนางดูนางก้อดูสีหน้าดีขึ้น​ รวมทั้ง​ จขกท.ด้วย​ 8.ทำไมถึงเปลี่ยนชื่อ​ คำถามพีคมากก​ เพราะไม่ได้คิดมาาา​  เราก้อตอบไปว่าคนไทยมีความเชื่อว่าถ้าชื่อความหมายดี  จะทำให้ชีวิตดีด้วย​ 5555​ จนท.เคาน์เตอร์ข้างๆหัวเราะ​ 5555​ แต่เค้าก้อตบท้ายมาว่าใช่ฉันรู้นั่นลแหล่ะคือคนไทย​ สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายย  คือตอนแรกนางชั่งใจจะไม่ให้ผ่านดูจากสีหน้าจริงๆนะ​ แต่เราก้อตั้งสติ​ แสดงว่าเราเรียลมาเที่ยวจริงๆ​ เลยยอมให้ผ่าน​ เสียงประทับตรา​ เสียงสวรรค์อีกแล้ว​ พอเราได้พาสพร้อมผ่าน​ตม.อารมณ์แบบ​เหมือน​ถูก​หวยรางวัลใหญ่​จริงๆ​ และก้อต้องเดินผ่านรูป​ ประธานาธิปดี​และสตรีหมายเลข​  1​ พร้อมกัดฟันกร็อดๆ​ ฟิ้วววว​ ยกภูเขาออกจากอก​ คุณได้ไปต่อออ​ พอเครื่องถึง​ jfk.ก้อได้แต่ภาวนาว่าอย่าเจออะไรอีกเลยยย​ เหนื่อยแล้ว  ยอมแล้ววว​ สุดท้าย​แค่รับกระเป๋าแล้วก้ออกไปท่องอเมริกาเล้ยยยยยสส  หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับการเตรียมตัว​ เตรียมใจ​ เตรียมสติ​ก่อนตอบคำถาม​ ขอให้ทุกคนโชคดีได้วีผ่าน​ ตม.กันทุกคน


------------จขกท.มีความสงสัยเพิ่มเติมค่ะ-----

อยากขอถามกลอนห้องน้ำที่สนามบิน​ JFK ทำไมระหว่างช่วงกลอนประตูกับตัวบานประตูทำไมมันห่างๆ​ เวลาปลดทุกข์รู้สึกไม่สบายใจเลยค่ะ​ เห็นคนนอกห้องน้ำด้วย คือตอนแรกคิดว่ามันเป็นแค่ห้องนั้น​ แต่ลองเปลี่ยนห้องเหมือนกันเดะเลยค่ะ​ คือสังเกตทั้งขาเข้าขาออกเลยค่ะ​ คือสงสัยจริงๆค่ะ.
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ก็ประมาณนี้ ผมเคยพูดถึงระบบ single window ระหว่างไทย-เกาหลี คือ เมื่อผ่านไปแล้ว คือผ่านเลยครับ เหมือนช่วงที่ผมอยู่ Canada  ผมเดินผ่าน ตม. ที่ Vancouver BC นั้นหมายความว่า ผมผ่านไป USA แล้วนะครับ จะไม่มีการโดยตรวจอีก เพราะคนที่นั่งอยู่ที่ ตม. Vancouver คือ USA  ในทางกลับกัน ฝั่ง USA ก็มีด่าน ขาเข้ามา Canada ก็จะเป็น ตม. Canada
    นี้ก็แสดงว่า USA กับ สหรัฐอาหรับฯ เขามีข้อตกลง single window กัน ผมก็อยากให้ทำแบบนี้ ระหว่างไทย-เกาหลี
     อย่างที่ผมบ่นๆ ในความเห็น 4-2 https://ppantip.com/topic/38790750/comment4-2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่