สวัสดีค่าาาาาา กลับมาแล้ว
มีทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์เข้ามาให้กำลังใจเยอะแยะเลย
อยากจะ ข อ บ คุ ณ ทุ ก ท่ า น เ ล ย นะคะจากทั้งสี่ห้องหัวใจ
ทุกไลค์ ทุกโหวต ทุกคอมเม้นต์ แม้กระทั่งคำสั้นๆว่า ปัก มันมีความหมายกับเรามากน้าาาา
มีหลังไมค์อันนึง ถามเข้ามาว่า ไบโอของแฟนเราที่อ่านแล้วประทับใจนักหนา
ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่า แฟนเราลงไว้ว่ายังไง
อืมมมมม มันก็นานแล้วจำไม่ได้ทั้งหมดนะ แต่ฮีเขียนไว้ประมาณว่า
สวัสดี ฮีมาจากเมืองแห่งเทือกเขาหิมาลายา
ฮีชอบภูเขา ชอบทะเล ชอบแคมป์ปิ้ง (หน้าพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ กับรายการเนวิเกเตอร์ลอยมา)
ถ้ายูชอบนอนโฮสเทลมากกว่านอนโรงเเรมหรูห้าดาว .... YOU ARE MY TYPE !
บรรทัดสุดท้าย เห้ยแกรรรรรร เค้าหมายถึงชั้นนนนน ชั้นว่าชั้นนี่แหละ สเป็คเค้าาาาา
แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรมาก 5555555555 ก็เลยได้คุยกัน
ไหนลองๆมารู้จัก มาลองคบๆกันหน่อยดีแม้ะ อิ๊อิ๊
~ เดทกันครั้งที่สอง พานั่งรถไฟชั้นพัดลม 1Day trip กับการรถไฟ หัวลำโพง-หัวหิน
ที่เนปาลไม่มีรถไฟ ตื่นเต้นกับรถไฟไทยใหญ่เลย หลงกลฉันแล้วทำไงด้ายยยยยย ~
หลังจากนั้นก็ไปเที่ยวแต่ทะเล สลับกับน้ำตก ปีนเขา เข้าถ้ำ
ถ้ามี view point ก็จะต้องขึ้นไปให้สุด มันต้องได้ใช้พลัง
ที่เที่ยวประจำคือตามชายหาด ชายฝั่งทะเลไทย - เกาะช้าง ระยอง เสม็ด สัตหีบ พัทยา เกาะล้าน บางแสน
ชะอำ หัวหิน ประจวบฯ สามร้อยยอด เขากะโหลก ปราณบุรี กระบี่ อ่าวนาง
ซ้ำๆเดิมๆมากกับเกาะล้าน และ สามร้อยยอด เอาให้เบื่อเป็นที่ๆไป
ส่วนน้ำตกก็จะไปสิงอยู่แถวกาญนะจ๊ะบุรี เอราวัณนี่ซ้ำไปหกเจ็ดรอบภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน
เอาให้หายอยากไปเล้ยยย ย
ช่วงที่เขียนกระทู้แรก ฮีถามทุกวันนนนน ว่ากระทู้ที่เธอเขียนเป็นยังไงบ้าง เขียนจบหรือยัง
เล่าถึงตอนไหนแล้ว อ่านให้ฟังหน่อย เอาทั้งหมดแบบทุกบรรทัด ทุกคอมเม้นต์ ทุกตัวอักษรเลยนะ
เพราะเราจะขออนุญาตแฟนก่อนตลอดว่าเรื่องนี้ขอเล่าได้มั้ย เรื่องนี้มันต้องขยายขอพิมพ์ลงไปนะ
รวมถึง Nepali stuffs บางอย่างที่เราต้องให้แฟนเป็นคนให้ข้อมูลและรายละเอียดเชิงลึก
ซึ่งฮีก็ใจดีไม่มีขัดแต่อย่างใด
แต่ระหว่างที่เราอ่าน(แปล)ให้ฮีฟังไป ฮีก็ทั้งสวนทั้งเสริมมาตลอดเวลา
ทำไมเธอลงรูปน้อยจัง ทำไมเล่าข้ามไปเยอะเลยอ่ะ ทำไมช่วงนั้นตอนนั้น ตอนนี้...ไม่เห็นเขียนลงไปด้วย
- ทำไมเธอไม่เล่าถึงที่เธอกรี๊ดกร๊าด ตื่นเต้นตอนเห็นฝูงหิ่งห้อยที่ Pokhara
ช่วงกลางคืน ที่นั่นหิ่งห้อยเยอะมาก เยอะกว่าล่องคลองที่อัมพวาเสียอีก
- ทำไมไม่เขียนเรื่องสาวเนปาลีที่นั่งอ้ว_กบนรถบัสตอนขาไปชิตวัน ชีเมารถแล้วอ้ว_กตลอดทาง
ทำเอาเนปาลีคนอื่นๆอ้ว_กตามกันเป็นแถบๆ ส่วนเราสองคนต้องนั่งกลั้นหายใจ ใส่หูฟังเปิดเพลงดังๆ เพื่อเลี่ยงความสนใจ
- อีกตอนนึงตอนที่เด็กชายเนปาลีอายุประมาณ 2-3ขวบคนนึงปวดอึ๊แล้ว
พ่อเด็กไปบอกให้คนขับจอดรถส่งลูกฮีอึ๊ข้างป่าเดี๋ยวนี้ หรือจะให้ลูกฮีเขร้บนบัส !
Bla bla บลาาา คือมันเยอะมาก กว่าจะเล่าหมดคงกินเวลาเป็นเดือน
ไปต่อไม่รอแล้วนะ.....
ในที่สุดก็เข้าสู่เดือนตุลาคม (2018)
วีซ่าพร้อม ตั๋วเครื่องบินพร้อม ของฝากมัมมี่กับแด๊ดดี้พร้อม พร้อมมาก ณ จุดนี้
ยกเว้นอุปกรณ์เทรคที่ไม่ค่อยพร้อม เดี๋ยวไปหาเอาดาบหน้าที่ธาเมล
แพลนตามนี้
10/ 10/ 2018 BKK - KTM
11/ 10/ 2018 Trekker’s Permit / Trekking stuffs @Thamel
12/ 10/ 2018 KTM > Pokhara > Drunduk
13/ 10/ 2018 Mardi Trek < Dhampus - Forest camp >
14/ 10/ 2018 Mardi Trek < Forest camp - High camp >
15/ 10/ 2018 Mardi Trek < High camp - Back to Sidhing>
16/ 10/ 2018 Sidhing > Back to Pokhara > KTM
17-19/ 10/ 2018 KTM > Gorkha for Dashain @Grandparents house
20/ 10/ 2018 @Kathmandu for Dashain
21/ 10/ 2018 Day out in KTM
22/ 10/ 2018 KTM - BKK
/// รอบนี้ Lion Air เปิดเส้นทางใหม่ ดอนเมือง - กาฐมัณฑุ เย่ๆ
ไม่ต้องง้อสุวรรณภูมิอีกต่อไป แถมได้ตั๋วในราคาที่ถูกลงด้วยยย
ไม่พูดเยอะแล้วเนอะ ออกเดินทางกันเลยดีกว่า
ถึงสนามบินแห่งชาติตรีภูวันประมาณบ่าย 2 กว่าๆ ตามเวลาท้องถิ่น
มาตอนเมษาฯว่าหนาวเเล้ว มาตุลาฯหนาวกว่า หนาวสุดๆไปเลย
โบกแท็กซี่กลับบ้านเหมือนเดิม ถึงหน้าบ้าน มัมมี่รีบวิ่งมากอด
“เฮลโหลปันนน ตอไปไลกัสโตชอว์” = สบายดีมั้ย ?
หิวข้าวกันมั้ยเด็กๆ เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บกันบนบ้านไป
หลังจากนั้นแฟนเราก็ลงไปสวัสดีทักทายทุกคนข้างล่าง แล้วขึ้นมาบอกว่า
ฮาจูรฺ มูม่า (ยาย) กับ ฮาจูรฺ บูบา (คุณตา) มาจาก ตจว. ตอนนี้อยุ่บ้านน้า
ชั้นแวะไปสวัสดีตายายซักพักนะ เดี๋ยวกลับมา (เพราะทริปที่แล้วไม่ได้เจอใครเลย)
แฟนเราหายไป เกือบครึ่งชม. แล้ววิ่งกระหืดกระหอบกลับขึ้นมาบนบ้าน
“ เธอ เธอต้องไปกับชั้น ตากับยายถามหาแหน่ะ They want to meet you now ! “
เราเดินลงจากบ้านไปอย่างงงๆ บอกมัมมี่ว่าเดี๋ยวกลับมานะค้าาา
แล้วขึ้นรถมอ’ไซค์คันใหญ่อย่างกล้าๆกลัวๆ เคยรถชนหัวฟาดพื้นตอนอยู่ม.สามค่ะ
เลยกลัวการนั่งมอ’ไซค์ไปเลย คิดในใจจะกอดเอวดีมั้ยว_ะ นี่หน้าร้านแม่เลยนะ คนยิ่งมองๆอยู่
อ่ะ ขอเอาสองนิ้วคีบที่ไปชายเสื้อแล้วกัน ตอนออกตัว รถกระตุกจะได้ไม่หงายหลัง
เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย ขึ้นเนิน ลงเนินอยู่ซักพัก
ก็ถึงบ้านตึก 4ชั้นค่ะ อ่าาาา หลังนี้สินะ
ชั้นล่างเป็นร้านค้า ชั้นสองปล่อยให้คนเช่า ชั้น 3 เป็นห้องครัวและห้องรับประทานอาหาร
ชั้น 4 เป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น แฟนเราเดินนำไปที่ชั้น 4 หอบแรงมาก เหนื่อยปีนบันได5555
บรรยากาศเย็นวาบๆ เจอหน้าคุณตากับคุณยายแล้ววว
เรายกมือไหว้ทุกคนพร้อมคำว่า นมัสเต มีน้าอีก2คนนั่งอยู่ด้วยบนโซฟา
เราคลานเข่าเข้าไปนั่งพับเพียบอยู่บนพรมกลางบ้าน บรรยากาศเงียบกริบ
ส่วนแฟนเรานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ เราสบสายตานิ่งๆของทุกคนและยิ้ม
(แต่ในใจนี่แบบ โอ้ยยย จะรอดมั้ยนะวันนี้)
เรียกน้าผู้ชายว่า มาม่า (น้องของแม่) เรียกน้าผู้หญิงว่า ไมจู (ภรรยาของน้า)
พูดภาษาอังกฤษคล่องปร๋อกันทั้งคู่เลย โล่งหน่อย อย่างน้อยก็สื่อสารกันได้
สักพัก คุณตาเอ่ยปากทำลายความเงียบเป็นคนแรก แฟนนั่งแปลอยู่ข้างๆ
“พูดเนปาลีได้มั้ย ต้องฝึกพูดนะ มันยากหน่อย แต่ก็ค่อยๆเรียนรู้เอาก็แล้วกัน”
เราตอบ ฮอส - Huss พร้อมพูดเนปาลีที่เรานึกออกมาได้ประมาณเกือบๆสิบคำสิบประโยค
ทุกคนหัวเราะเบาแบบเอ็นดูให้กับสำเนียงต่างชาติของเรา พร้อม Thumbs up บอกว่า Good good
จากนั้นคุณยายกวักมือเรียกเราเข้าไปใกล้ๆ เอามือช้อนมาที่คางเรา
พูดอะไรไม่รู้งำงัมกับทุกคน พร้อมเอานิ้วจิ้มมาที่ปีกจมูกของเรา
ต่อจากนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา…..
ทุกประโยคหรือคำพูดที่เราเขียนลง เป็นฉบับแปลมาเรียบร้อยแล้วจากแฟนนะคะ
คุณยายว่า อีหนู ! เจาะจมูกหน่อยมั้ย แบบฉันเนี่ยกับไมจูเนี่ย พร้อมเอามือจิ้มหมุดที่จมูกของตัวเองไปมา
เราฟังแล้วสะดุ้งโหยง คุณยายอยากให้เจาะจมูก โอ้โนวววว โนวววว
ไมจูเสริมต่อ เยส เยส ยูวิลบีเฟรี่บิ๊วทิฟูลวิธแดทถฺ - you will be very beautiful with that !
แต่ยูยังไม่ต้องเจาะตอนนี้ก็ได้ เอาไว้แต่งงานกันแล้ว ย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วค่อยเจาะแล้วกัน
อารมณ์แบบ ถ้าเธอไม่มีหมุดที่จมูก เธอออกจากแก๊งค์เราไปเลย ประมาณนั้นสินะ
คุณตานั่งหัวเราะชอบใจใหญ่เลย แถมช่วยเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาเป็นชวนกันกินข้าว
อ๊าาาาา eat by hand มาแล้วจ้าาาา
มาาาาา รอบนี้เราไม่ทำเล็บแถมตัดเล็บสั้นมาเลย
พร้อมรบกับจานข้าวเป็นอย่างมาก
กับข้าวเป็นซุปแพะ ต้มผัก และ Dal
***เกือบทุกมื้อจะมีดาล (Dal) ค่ะ เป็นซุปถั่ว ต้มใส่เครื่องเทศ กินซุปร้อนๆคู่กับข้าวสวย
(อาจจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วเขียว หรือถั่วดำ แล้วแต่คนทำกับข้าวเนาะ)
เราไม่ชินกับดาลเท่าไหร่ เพราะปกติกินแต่ถั่วเขียวเวอร์ชั่นที่เป็นขนมหวาน ถั่วเขียวต้มน้ำตาลบ้านเรา
แฟนเราบอกว่า ปันลองๆกินซุปแพะหน่อยได้มั้ย ซักสองสามคำก็ยังดี นะนะนะ
- แฟนพูดจบปุ๊บ ข้างในมันบอกว่า...เดี๋ยวกลับบ้านต้องปรับทัศนคติกันซักหน่อยละ -
คนที่นี่กินข้าวเยอะมากกกก นึกถึงบักเก็ตของ KFC แล้วมีข้าวให้มาประมาณ 2ใน3 ของบักเก็ต
ให้ข้าวเยอะมากจริงๆ เราเอามือป้องจานข้าวเรา บอกว่า ปุคโย ปุคโย - Pukyo พอแล้วๆ
มันเยอะเกินไป เรากินไม่หมด ไมจูบอกกินไม่หมดก็ไม่เป็นไร
(คือ เวลามีแขกมาบ้าน เขาจะเลี้ยงแขกดีมาก กลัวแขกเกรงใจไม่ขอข้าวเพิ่ม
เลยตักเผื่ออนาคตมาเลย และเจ้าบ้านส่วนใหญ่จะรอให้แขกกินข้าวก่อน ส่วนตัวเองจะกินทีหลัง)
ระหว่างกิน(อย่างทุลักทุเล) ทุกคนก็มองมาที่มือเราอยู่บ่อยๆ
เห้ออออ ใช้นิ้วไม่ถูกสเต็ปอีกแล้วสินะ เอาเถอะ รีบกินรีบอิ่มแล้วกัน
จากนั้นไมจูบอกว่า ไม่ต้องล้างจานนะ เดี๋ยวไมจูล้างเอง
(คิดว่าคงฟังเรื่องเราล้างจานมาจากมัมมี่แน่นวล ~)
เราบอกโน โนๆ มอ มาชู มอ มาชู - เดี๋ยวหนูล้างเองค่าา
หลังจากล้างจานเสร็จกลับมานั่งคุยกันต่อ
ไมจูถามเราต่อหน้าทุกคน Will you marry him? เราจะแต่งงานกับแฟนเรามั้ย
***บอกก่อนว่าที่นี่ ถ้าคุณเปิดตัวแฟนกับที่บ้าน นั่นหมายความว่าคุณคิดดีแล้ว
และตกลงปลงใจมาอย่างดีแล้วว่ากับคนนี้ แต่งแน่นอน จะมาเปิดตัวมั่วซั่วไม่ได้
เรายิ้ม ตอบ เยส แบบเขินๆ ทุกคนเฮ แล้วหัวเราะคิกคัก
คุยกันต่อสักพัก ก็ลาทุกคนกลับบ้าน
**เข้ามาแก้ไขตัวเลขตรงแพลนนิดหน่อย พิมพ์เลข 11ลงไป จริงๆต้องเป็นเลข 10
หลังจาก"บันทึกการเปลี่ยนแปลง" ข้อความอีกย่อหน้านึงหายวับไปกับตา TT'
อ่านตรงนี้จบ กระโดดข้ามไปที่ ความคิดเห็นที่ 51 ก่อนนะคะ
นมัสเต...ว่าที่สะใภ้เนปาล(คนเดิม) มาเพิ่มเติม Part2